บทที่ 3
“ว๊าว...!” กาย มัลโลรี่เต็มไปด้วยดีใจเหลือจะกล่าว ใบหน้ารื่นเริงมีชีวิตจิตใจขึ้นมาทันที
เสียงที่เบิกบานแจ่มใสของเด็กชายทำให้บุรุษทั้งสองที่เดินอยู่ข้างหน้าต้องหันมามองด้วยความประหลาดใจ ซึ่งก็เป็นขณะเดียวกันกับที่ได้เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเรือนพักขนาดใหญ่หลังหนึ่ง ที่ว่างคนอยู่อาศัยมาเป็นเวลาเดือนกว่าแล้ว สีหน้าของฮอลท์ มัลโลรี่ ดูอ่อนโยนลงด้วยรอยยิ้มบางๆ ขณะก้มลงมองลูกชายที่กำลังกระโดดโลดเต้นอยู่อย่างแปลกใจ
“เกิดตื่นเต้นอะไรขึ้นมาล่ะกาย?”
“คุณผู้หญิงสัญญาว่าจะสอนขี่ม้าให้ผมครับพ่อ”
ฮอลท์ มัลโลรี่ ขมวดคิ้วขณะตอบลูกชายว่า
“เอ๊ะ...ไม่เห็นแกเคยบอกพ่อนี่ว่าอยากเรียนขี่ม้า...” เสียงที่พูดนั้นเป็นเสียงที่พยายามให้อ่อนลงแล้ว สังเกตอยู่ว่า ท่าทางของกายดูจะสนิทสนมกับไดอาน่า ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกันได้เพียงชั่วครู่มากกว่าที่เด็กชายจะให้ความสนิทสนมกับพ่อของตัวเองทั้งที่อยู่ร่วมกันมาเป็นเวลานานหลายชั่วโมง
“ผมอยากเรียนครับ แล้วคุณผู้หญิงก็สัญญาว่าจะสอนให้ผมด้วย”
“เป็นความกรุณาของมิสซอมเมอร์ส์อย่างยิ่ง แต่เราก็ไม่ควรสร้างความลำบากให้เธอนะ ถ้าแกอยากจะเรียนจริงๆ นะกาย พ่อจะสอนให้เอง...แต่ว่านั่นต้องหมายความด้วยว่า ถ้าเมเจอร์จะอนุญาตให้เราขอยืมม้าของท่านก่อน”
“ผมไม่ขัดข้องอะไรเลย ฮอลท์ แต่เมื่อไดอาน่าเขาแสดงเจตนาจะช่วยสอนให้ ผมคิดว่าปล่อยให้เขาสอนกันเถอะ” เมเจอร์ว่า “ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้งานในไร่คงจะยุ่งมาก ไดอาน่าจะมีเวลามากกว่าคุณแน่ เขาจะได้เป็นเพื่อนกันช่วยพาเที่ยวรอบๆ ได้”
ฮอลท์ มัลโลรี่ดูจะไม่ใคร่พอใจกับข้อโต้แย้งของเมเจอร์เท่าไรนัก
“มันก็จริงหรอกครับ” เขามองไดอาน่าด้วยสายตาชาเย็น “ครับ ถ้าคุณไม่รังเกียจผมก็ไม่ขัดข้องครับ”
“ฉันไม่รังเกียจหรอกค่ะ” ไดอาน่าตอบไม่ตรงความจริงในใจ
“เยี่ยมไปเลยครับ” กายร้อง “ในที่สุดคุณก็จะสอนให้ผมจริงๆ” เด็กชายไม่ทันสังเกตเห็นสันกรามของพ่อที่ขบกันแน่น “แล้วเราจะเริ่มกันเมื่อไหร่ล่ะครับ...วันนี้เลยหรือ...?”
เมเจอร์ยิ้มอย่างใจดีเมื่อตอบเด็กชายว่า
“ยังไม่ใช่วันนี้หรอก วันนี้พ่อหนูคงต้องการความช่วยเหลือให้หนูช่วยจัดข้าวของในบ้านใหม่ก่อน เอ้า...ฮอลท์...นี่กุญแจบ้าน”
หลังจากนั้นไดอาน่ากับพ่อก็เดินกลับไปยังบ้านหลังใหญ่ด้วยกัน จนเดินเข้าไปถึงระเบียงบ้านแล้วเธอจึงได้เอ่ยขึ้น
“พ่อไม่เคยพูดให้หนูรู้เลยนะคะ เรื่องที่จ้างผู้จัดการคนใหม่มา”
“อ้าว...! พ่อไม่ได้บอกหรอกหรือนี่?” เมเจอร์มองหน้าลูกสาวงงๆ คล้ายกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ “สงสัยว่าพ่อคงลืมไปละมัง”
“เขาไม่ต้องการลูกชายของเขาหรอกนะคะ”
คำพูดประโยคนั้นถึงกับทำให้เมเจอร์หยุดเดิน หันหน้ามามองลูกสาวเขม็ง
“ไปเอาความความคิดนั่นมาจากไหนกัน?”
“กายบอกหนูเองค่ะ”
“เอ๊ะ...สองคนนี่แค่เดินไปด้วยกันนิดเดียวคุยกันได้เรื่องขนาดนี้เชียวหรือนี่?”
“ซึ่งก็มากพอที่จะรู้ ว่าเขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับลูกชายละค่ะ กายบอกว่าไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลยจนกระทั่งแม่ตายลง เขาทิ้งไปตั้งแต่กายยังนอนแบเบาะอยู่เลยค่ะ”
“เรื่องมันคงไม่รุนแรงถึงขนาดนั้นหรอกไดอาน่า เมื่อตอนที่พ่อกับแม่ของกายแต่งงานกันก็เพิ่งอายุ 16 ปีเท่านั้น มันเป็นเรื่องที่เขาจำเป็นต้องทำ เด็กอยู่มากด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งมันก็เหมือนคู่แต่งงานอายุน้อยๆ คู่อื่นๆ นั่นแหละ คือไม่สามารถจะประคองชีวิตแต่งงานให้มันยืนยาวไปได้ หลังจากที่ทั้งคู่แยกทางกัน เมียเขาก็พาลูกไปเสียจากอริโซน่า ฮอลท์ไม่เคยได้ข่าวคราวของเมียอีกเลยจนกระทั่งเมื่อพ่อตาแม่ยายส่งข่าวไปบอกว่า เธอตายแล้ว มันไม่ใช่เรื่องว่าเขาไม่ต้องการจะได้พบลูกตัวเองหรอก ฮอลท์ไม่รู้ต่างหากว่าเมียพาลูกไปอยู่ที่ไหน”
มันก็ฟังดูน่ามีเหตุผลดี แต่ไดอาน่าก็ยังอยากเชื่อคำพูดของกายมากกว่า...
“หนูไม่ชอบหน้าคนๆ นี้เลย” เธอพูดออกไปตามตรง ซึ่งทำให้เมเจอร์มีสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาทันที
“ลูกไม่เคยตัดสินอะไรด้วยความรู้สึกอย่างนี้มาก่อนนี่”
“ค่ะ...หนูยืนยันว่าหนูไม่ชอบเขา”
“แล้วลูกจะเปลี่ยนใจ เขาเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องม้ามากและมีความรู้เรื่องไร่ปศุสัตว์อย่างดี ที่ดียิ่งกว่านั้นก็คือ เขามีความรู้พิเศษในด้านการบริหารงานด้วย”
“การบริหารงานอะไรคะ แล้วทำไมมันถึงต้องมีความเป็นพิเศษด้วยล่ะ?”
“ไดอาน่า...พ่อไม่หนุ่มอยู่อีกแล้วนะ อีกปีหรือ2ปีข้างหน้า พ่อย่อมต้องการใครสักคนหนึ่ง ที่จะเข้ามาดำเนินกิจการในไร่ของเราต่อไป อย่างน้อยก็ช่วยลดภาระที่แบกอยู่บนไหล่ลงบ้าง ฮอลท์อาจจะต้องการการฝึกฝนอีกสักเล็กน้อยเท่านั้น ถ้าสัญชาตญาณไม่หลอกพ่อแล้วละก็ เขาจะต้องเป็นผู้บริหารที่ดีคนหนึ่งทีเดียวละ”
ไดอาน่าเงียบไปทันที รู้ดีว่าถ้าเพียงแต่เธอจะเป็นลูกชาย ป่านนี้เมเจอร์ก็คงไตร่ตรองแล้ว ในเรื่องที่จะมอบหมายกิจการในไร่ทั้งหมดให้อยู่ในมือเธอ แทนที่จะเป็นคนแปลกหน้าเช่นนี้ ความคิดดังกล่าวทำให้เธอรู้สึกน้อยใจ วันเวลาแห่งฤดูร้อนปีนี้มันไม่ได้น่ารื่นรมย์อย่างที่เคยเป็นมาก่อนหน้าที่ฮอลท์ มัลโลรี่จะมาถึงเลย
เธอเดินตามหลังพ่อเข้าไปในบ้าน ผ่านห้องนั่งเล่น เข้าไปในห้องรับประทานอาหารที่อยู่ติดต่อกัน เครื่องเรือนที่ใช้ประดับตกแต่งในห้องต่างๆ เหล่านี้ดูจะมีลักษณะเคร่งขรึมแบบผู้ชายเสียมากกว่า และจัดวางตามความพอใจ แต่ก็ดูน่าสบาย บนโต๊ะอาหารขณะนี้มีกาแฟตั้งอยู่ ซึ่งเป็นรายการประจำวันของครอบครัวซอมเมอร์ส์
ไดอาน่าทรุดตัวลงนั่งทางขวามือของเมเจอร์ นับแต่จำความได้จนบัดนี้เธอก็นั่งร่วมโต๊ะอาหารกับพ่อมาตลอด และหัดดื่มกาแฟตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เมเจอร์สลัดผ้าเช็ดมือออกปูลงบนตัก มองดูจานโดนัทแล้วจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มให้ลูกสาว
“ช๊อคโกแล็ตเสียด้วย...อย่างที่ลูกชอบไงไดอาน่า” แต่ลูกสาวกลับพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจเท่าไรนัก “โซฟี่ทำให้ลูกเป็นพิเศษเชียวนะ”
สำหรับไดอาน่าแล้ว โซฟี่คือแม่บ้านผู้หนึ่งที่เกี่ยวข้องอยู่ในชีวิตของเธอ อยู่มานานกว่าใครอื่น ส่วนใหญ่แล้วพวกคนงานในไร่ไม่ใคร่ชอบบรรยากาศที่เงียบเหงาในไร่ เพราะมันทำให้พวกเขาต้องห่างไกลจากครอบครัวและเพื่อนฝูง แต่โซฟี่ไม่มีครอบครัวและเท่าที่ทราบก็มีเพื่อนน้อยมาก ดังนั้นงานในหน้าที่นี้จึงเหมาะกับหล่อนมาก
ไดอาน่าไม่ได้ให้ความสนใจในตัวแม่บ้านผู้นี้เท่าใดนัก จุดศูนย์กลางแห่งชีวิตของเธออยู่ที่เมเจอร์ แม่บ้านมีหน้าที่เพียงแค่ทำงานให้เท่านั้น ไม่ได้มีความผูกพันลึกซึ้งอะไร โลกทั้งโลกของไดอาน่าคือพ่อ สิ่งใดที่พ่อสนใจคือสิ่งใดที่เธอสนใจด้วย แต่ขณะนี้พ่อได้แสดงออกถึงความผิดปกติที่ใส่ใจผู้จัดการไร่คนใหม่มากกว่า ซึ่งไดอาน่าไม่ใคร่พอใจเรื่องนี้
และแม้เวลาจะล่วงเลยไป 2-3 อาทิตย์แล้ว ความรู้สึกที่เธอมีต่อฮอลท์ มัลโลรี่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลง เขาปฏิบัติต่อเธออย่างสุภาพ ให้ความเคารพในฐานะที่เธอเป็นลูกสาวของนายจ้างอย่างที่ไม่มีคนงานอื่นๆ เคยปฏิบัติต่อเธอมาก่อน สำหรับคนอื่นๆ ที่ว่านั้น เธออาจจะเป็นที่รักของพวกเขา เป็นประหนึ่งสัตว์เลี้ยงน่ารักชนิดหนึ่งในไร่แต่ไม่ใช่สำหรับฮอลท์
และสำหรับกายแล้ว เด็กชายได้กลายเป็นเงาติดตามเธอไปในทุกแห่ง ไม่ว่าไดอาน่าจะพอใจหรือไม่ก็ตาม ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเธอค่อนข้างจะไม่พอใจเสียมากกว่า แม้ว่าในบางขณะเขาจะได้แสดงให้เห็นถึงความรักใคร่บูชาเธออย่างมากมายก็ตาม
แต่ยามนี้มันไม่ใช่ขณะนั้น ยามที่เธอกำลังเดินอย่างรีบเร่งไปยังคอกม้าโดยมีกายเดินตามไปติดๆ เธออยากให้เด็กคนนี้หลงทางมา หรือไม่ก็หายสาบสูญไปจากโลกนี้เลยมากกว่า
“กรุณาให้ผมขี่ม้าไปกับคุณด้วยได้ไหมครับ?” เด็กชายกำลังถามซ้ำประโยคที่เธอได้ปฏิเสธไปแล้วเมื่อครู่ “คุณยังบอกเลยว่าผมขี่ม้าได้ดีพอสมควรแล้ว”
“ไม่ได้...เพราะวันนี้ฉันกำลังจะเอาม้าออกฝึก” ซึ่งเป็นกิจวัตรที่เธอกระทำอยู่ โดยเฉพาะกับม้าสายเลือดตรงเช่นนี้มันออกจะเป็นงานที่ลำบากอยู่มาก “ฉันบอกเธอแล้วหลายครั้งว่า เธอจะมาขี่แม่ม้าไปกับฉันไม่ได้ โดยเฉพาะเวลาที่ฉันเอาม้าออกไปฝึก”
“ทำไมล่ะครับ?”
ไดอาน่าตวัดสายตามองเด็กชายอย่างไม่พอใจ
“พ่อเธอไม่เคยเล่าเรื่องม้าตัวผู้กับม้าตัวเมียให้ฟังบ้างเลยหรือไง?”
กายหน้าแดงกล่ำ เงียบไปทันทีแต่ก็ยังเดินตามมาข้างๆ อยู่ดี เมื่อมาถึงคอกม้า เขามองผ่านราวไม้ที่กั้นคอกเข้าไปภายใน ขณะที่ไดอาน่าปีข้ามขึ้นไปบนราวอันบนสุด มีสายบังเหียนพาดอยู่บนไหล่ เจ้าม้าตัวผู้เต้นเร่าๆ ต้อนรับเธอ มันรู้ถึงกิจวัตรประจำวันที่จะได้ยืดแข้งยืดขาเสียที
“เอาละ ถ้าเธออยากทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้างนะกาย...”ไดอาน่าพูดเสียงเข้ม ขณะเอาห่วงสอดเข้าไปในปากม้าตัวนั้น “ช่วยไปหยิบอานม้าในห้องเก็บของให้ที ฉันจะพาเซตันออกเดินเล่นก่อน”
“โอเคครับ” เด็กชายวิ่งออกไปทันที อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อเอาใจเธออยู่แล้ว