บทย่อ
ไดอาน่า..เธอเปรียบเสมือนทะเลทราย..คือทั้งสวยและร้ายกาจแต่ก็ยังดึงดูดใจจนสุดฝืน เธอเป็นหญิงสาวสมัยใหม่ที่ใจเด็ดเดี่ยว ฮอลท์...เป็นชายหนุ่มที่กร้านกร้าว เปรียบเสมือนขุนเขาที่เด่นตระหง่าน สูงทะมึนอยู่เหนือทะเลทราย..เขาเป็นชายหนุ่มที่องอาจ สง่างามด้วยศักดิ์ศรีและทรหดกับชีวิตยิ่งนัก… ทั้งเขาและเธอต่างมีใจที่เป็นศัตรูกัน แต่อยู่ร่วมกันในไร่ปศุสัตว์ใหญ่ เธอคือทายาทเจ้าของไร่ ส่วนเขาเป็นผู้ดูแลกิจการไร่ผู้มีความสำคัญยิ่งแต่ผู้เดียว ความชิงชังในกันและกัน ได้ระเบิดขึ้นในการเดินทางเพื่อติดตามม้าป่าสีขาวในท่ามกลางขุนเขา ท่ามกลางแสงแดดที่แผดกล้าและความมืดยามท้องฟ้าพราวพร่างด้วยแสงจันทร์และแสงดาว… แต่แล้ว...ทั้งเขาและเธอต่างก็ได้พบกับบางสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่งใหญ่กว่าหัวใจของตน… ------------------------------- ชื่อเรื่อง : ไพรพิศวาส แปลจาก : The Rogue ผู้แต่ง: Janet Dailey ผู้แปล : บุญญรัตน์ Readed ได้รับอนุญาตจากผู้แปลในการเผยแพร่และจัดจำหน่ายในประเทศไทย
บทที่ 1
ฟากตะวันออกของเทือกเขาที่แห้งแล้ง ทอดเงาของมันลงสู่หุบผาเบื้องล่างในยามเช้า ซึ่งตามแนวลาดของหุบผานั้น เต็มไปด้วยทิวสนและพันธุ์ไม้ป่าขึ้นเขียวตลอดปี สายลมอ่อนจากด้านทิศใต้หอบกลิ่นกับละอองไอน้ำ อันเกิดจากการทดน้ำเข้าไปในไร่ ซึ่งก็มีทั้งต้นเนวาด้าเซจและต้นหญ้าก้านแข็งเขียวชอุ่มราวปูด้วยพรมสีเขียวมารวยริน
ฟางกองใหญ่ๆ กองสุมกันอยู่ราวภูเขาขนมปังสีทองใกล้กับโรงม้าและคอกปศุสัตว์ ถัดไปคือบริเวณกว้างใหญ่ที่กั้นขึ้นเป็นคอกม้า เกวียนมากมายหลายเล่มจอดรวมๆ กันไว้ และเลยไปไม่ไกลนักคือโรงที่ใช้เก็บเรื่องอันเป็นอุปกรณ์ในการทำไร่ ซึ่งเงาของสิ่งต่างๆ เหล่านี้แตะแต้มลงบนทุ่งหญ้าเป็นจุดๆ ประกอบด้วยบ้านไร่หลังใหญ่ ที่ตั้งอยู่อย่างเงียบสงบบนเนินสูงไม่ไกลออกไปเท่าไรนัก และการที่บ้านไร่หลังนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงนั่นเอง จึงทำให้สามารถมองเห็นบริเวณไร่ปศุสัตว์ได้โดยรอบ สายน้ำที่กระจายพรั่งพรูลงมาจากเครื่องฉีดนั้น ให้ความชุ่มชื้นแก่ต้นหญ้าก้านแข็งที่ปกคลุมพื้นดินในบริเวณรอบๆ ตัวบ้านได้อย่างทั่วถึง
ลูกม้าแข่งพันธุ์อาราเบียน 3 ตัว ยืนกระโดดโลดเต้นอยู่ในคอกที่ถูกแยกไว้ต่างหาก และขณะนี้มีบุคคล 2 คนที่เกาะราวไม้ยืนมองดูพวกมันอยู่ คนหนึ่งอยู่ในวัยสาว อีกคนหนึ่งอยู่ในวัยสูงอายุกว่า ต่างยืนในลักษณะที่เอามือพาดอยู่กับราวไม้อันบนสุด บุรุษผู้มีเรือนผมสีดอกเลา มีท่าทางอ่อนโยนและมีชีวิตที่สมบุกสมบันอย่างเห็นได้ชัด รอยเส้นเล็กๆ ตรงหางตา บอกให้รู้ถึงความทรหดอดทนสู้แดดสู้ลมมาตลอดชีวิต ความชำนาญและประสบการณ์ในชีวิตเป็นประหนึ่งตราที่ประทับอยู่บนใบหน้า รวมทั้งความลำบากตรากตรำอันเกิดจากการแพ้พ่ายในอดีตแต่หนหลังด้วย
รูเบน สเปนเซอร์ คือชื่อบุรุษผู้มีฝีมือในการยิงปืนใส่เจ้ามือการพนันในบ่อนกาสิโนในอีลายมาแล้ว เขาได้เข้ามาพำนักพักพิงอยู่ในบ้านไร่แห่งนี้ ด้วยความประสงค์ 4 ประการด้วยกัน คือที่พักอาศัย,อาหาร,ค่าแรงงานและความจงรักภักดีในบุรุษผู้เป็นนาย กับอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนสถานที่แห่งนี้คือบ้านของเขาเองก็คือ สาวน้อยแรกรุ่นที่กำลังยืนเกาะอยู่ตรงราวไม้เคียงข้างเขาอยู่ขณะนี้ เธอคือลูกสาวของนาย ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เขาไม่เคยคิดเลยว่า สายลมแห่งเนวาด้า จะทำให้เขาสามารถหยุดยั้งวิถีทางเดินแห่งชีวิตไว้ได้
แต่สำหรับไดอาน่า ซอมเมอร์ส์แล้ว ทั้งวัยและวันยังรออยู่เบื้องหน้าอีกไกลนัก นับแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก จนเข้าสู่วัยแรกรุ่นดรุณีได้เพียงแค่ขวบปีเดียว ไดอาน่าก็เริ่มตระหนักถึงศักดิ์ศรี แห่งความเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าของไร่แห่งนี้ เป็นศักดิ์ศรีที่เธอได้เพิ่มความหยิ่งทะนงเข้าไว้ด้วย
ความสำนึกในสิ่งนั้นทำให้เธอรู้จักในสิทธิและอำนาจแห่งตน มันแสดงออกในกิริยาท่าทางที่เดินคอตั้ง คางเชิด ดูเหมือนจะมีบุคคลเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เธอยอมก้มหัวให้ คือพ่อของเธอเอง บุรุษผู้เป็นประหนึ่งพลังที่ผลักดันชีวิต ความองอาจผึ่งผายสมลักษณะแห่งชายชาตรีกระจ่างอยู่ในดวงตาคู่สีฟ้าสดใส และเคร่งขรึมเสมือนท้องฟ้าแห่งเนวาด้านั้น
สำหรับแม่...ดูจะเป็นความทรงจำที่ลางเลือนเต็มทีสำหรับไดอาน่า แม่ตายด้วยนิวมอเนียตั้งแต่เธออายุได้เพียงแค่ 4 ขวบ รูปถ่ายที่ใส่กรอบตั้งประดับไว้ เป็นเพียงเครื่องยืนยันว่า ครั้งหนึ่งแม่เคยมีชีวิตอยู่ที่นี่ แต่ไดอาน่าไม่ได้รู้สึกถึงความสูญเสียของแม่เท่าใดนัก ซึ่งอาจจะเป็นเพราะไม่เคยรู้สึกผูกพันก็เป็นได้
ไร่ปศุสัตว์ของครอบครัวซอมเมอร์ส์ประกอบด้วยพื้นที่ 1,000 เอเคอร์ กับทุ่งหญ้าที่กว้างใหญ่อันเป็นส่วนที่ใช้เลี้ยงปศุสัตว์อีกไม่น้อยกว่า 1,000 เอเคอร์ และไดอาน่าคือเจ้าหญิงน้อยๆ ในอาณาจักรเล็กๆ แห่งนี้ มีพ่อของเธอเป็นราชา ซึ่งเธอคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องมีราชินีด้วยเลย ไดอาน่าต้องการเพียงแค่พ่อและพ่อก็ต้องการเพียงเธอเท่านั้น และเมื่อรวมกันเข้าโลกทั้งโลกก็สมบูรณ์พอแล้ว
เสียงโครมครามของรถพิคอัพคันหนึ่งซึ่งกำลังวิ่งเข้ามาทางประตูใหญ่ด้านหน้าของบริเวณไร่ ทำให้เธอต้องหันไปมอง ไดอาน่ารู้สึกไม่คุ้นตากับรถคันนี้เลย รอยขมวดมุ่นตรงหน้าผากดูจะกดลึกลงเมื่อมองเห็นป้ายทะเบียนที่บอกว่าเป็นทะเบียนรถจากรัฐอริโซน่า
เธอหันไปทางรูเบ้ สเปนเซอร์ทันที
“คนๆ นั้นเขามาทำไมน่ะ?”
รูเบ้หันไปมอง พ่นควันจากกล้อง ยาเส้นเป็นทางยาว
“ให้ตายสิ...ถ้าผมรู้” เขายักไหล่ “อาจเป็นคนใหม่ที่เมเจอร์จ้างมาก็ได้”
“คนใหม่อะไรกัน เมเจอร์ไม่เห็นบอกอะไรฉันเรื่องจะจ้างคนใหม่เลย”
ทุกคนในไร่เรียกพ่อของเธอว่า”เมเจอร์” รวมทั้งตัวเธอเองด้วย
จอห์น ซอมเมอร์ส์ ได้ลาออกจากราชการในกองทัพบกสหรัฐฯ หลังจากไดอาน่าเกิดเพียงไม่กี่เดือน เหตุผลของการลาออกก็เนื่องมาจากการที่พี่ชายของเขาประสบอุบติเหตุรถชนกันจนถึงแก่ความตาย และในตำแหน่งนายพันตรีที่เขาดำรงอยู่ในสมัยนั้น ทำให้ใครๆ ก็ยังคงเรียกขานเขาติดมาว่า “เมเจอร์” จนทุกวันนี้
“ก็เป็นธรรมดาอยู่แล้วละที่เขาต้องทำ” รูเบ้กล่าว
“อ้าว แล้วตอนนั้นฉันไปอยู่ที่ไหนเสียล่ะ?”
รูเบ้ใช้เวลากับความคิดอยู่ครู่สั้นๆ
“คงจะเป็นวันที่เราออกไปตัดหญ้าแล้วคุณหนูก็ออกไปขับแทรคเตอร์นั่นแหละ อา...ใช่แล้ว...ต้องเป็นวันนั้นแน่ แล้วผมก็ยังให้ยากับแม่ม้าด้วย” รูเบ้ไม่เพียงไม่ใคร่ขอบแต่ยังเหยียดหยามงานในไร่ด้วย เขาพยายามหลบเลี่ยงทุกครั้งถ้ามีงานจะต้องทำ และเมเจอร์ก็หมดปัญญาที่จะโต้เถียงกับเขาอีกต่างหาก นอกจากจะออกเป็นคำสั่งเด็ดขาดให้เขาดูแลม้าเท่านั้น
“ตอนที่ผมออกมาจากคอกยังเห็นเมเจอร์พานายคนนี้ดูงานจนทั่วไร่ด้วย”
เขายังคงพูดอะไรต่อมิอะไรที่ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระที่เกิดขึ้นในวันดังกล่าวต่อไปเรื่อยๆ แต่ทันทีที่ไดอาน่าได้ยิน
รูเบ้พูดถึงว่าได้สอบถามเมเจอร์แล้วและได้รับคำตอบว่าได้จ้างคนงานใหม่เข้ามาแล้ว เธอก็ตั้งใจฟังเขาพูด มีน้อยคนนักที่จะหยุดฟังเรื่องที่รูเบ้เล่า ซึ่งครั้งหนึ่งเมเจอร์เคยถึงกับกล่าวว่า คนอย่างรูเบ้สามารถพูดให้ลิงหลับได้
เสียงโครามครามของรถคันนั้นมาหยุดสนิทลงเมื่อถึงหน้าบ้านหลังใหญ่ เสียงประตูที่กระแทกปิดอย่างแรง ทำให้รูเบ้ชะงักเรื่องที่ที่กำลังพูดอยู่ลง และนึกถึงงานที่จะต้องทำได้ ประสาทที่ 6 เตือนเขาอยู่ว่า เมเจอร์กำลังเดินออกมาแล้ว
ไดอาน่าไม่ได้สนใจกับการที่รูเบ้เกิดจะต้องทำงานขึ้นมาในทันทีทันใด เธอหมุนตัวกลับกระโดดลงจากรั้วไม้ ตั้งใจว่าจะต้องดูหน้าคนที่เมเจอร์มาใหม่โดยไม่บอกให้เธอรู้ให้ได้ เธอออกจะหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย เพราะเป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่เมเจอร์ให้ความไว้วางใจในตัวเธออย่างยิ่ง สอนให้เธอรู้จักงานธุรกิจในไร่ จนไดอาน่ามีความรู้พอๆ กับเมเจอร์ ความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างตัวเธอกับพ่อเป็นสิ่งที่มีค่ามหาศาลสำหรับไดอาน่า การที่พบว่าขณะนี้ได้มีช่องว่างเกิดขึ้นในความสัมพันธ์นั้นทำให้ไดอาน่ารู้สึกไม่สบายใจ
ด้วยเรือนร่างเล็กระหงเหมือนเด็กชาย ไดอาน่าก้าวยาวๆ อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นลักษณะท่าทางของเมเจอร์โดยแท้ ตรงไปยังบ้านหลังใหญ่แม้จะมีอาการรีบร้อนอยู่ในท่าทางเดิน แต่ก็ยังมองเห็นลักษณะความเป็นผู้หญิงของเธอได้เด่นชัดเส้นผมสีดำสนิทของเธอตัดสั้นแบบผมของเด็กชายแนบติดกับหนังหัว
เมเจอร์เดินลงมาจากบันไดตรงระเบียงแล้วและกำลังเดินไปยังรถพิคอัพคันนั้น ท่าทางของเขาสง่าผ่าเผย เป็นลักษณะของบุรุษผู้รักษาเนื้อตัวและสุขภาพได้อย่างดียิ่ง เขาสวมกางเกงแบบชาวไร่สีน้ำตาลเข้ม ตัดเย็บด้วยผ้าลายสอง เสื้อที่สวมตัดเย็บด้วยผ้าพิมพ์ตรงปกลงแป้งไว้แข็ง รองเท้าบู๊ทที่สวมใส่อยู่ได้รับการขัดจนเป็นมันวับ เส้นผมสีดำสนิทตัดสั้นแบบทหาร ตรงขมับด้านข้างเริ่มปรากฏสีเทาขึ้นแซมจนเห็นได้ชัด เมเจอร์มีลักษณะของคนแข็งแรง บึกบึน และเกิดมาเพื่อออกคำสั่งโดยแท้
และยิ่งกว่านั้น เขายังจัดว่าเป็นคนหล่อเหลาเอาการ มีความเด่นอยู่ในตัว การที่เขาใช้ชีวิตพ่อม่ายอยู่เพียงลำพังย่อมเป็นเป้าสำหรับหญิงสาวๆ ทั้งหลาย และกับดวงตาคู่สีฟ้านั้นด้วยแล้วย่อมทำให้มีผู้ปรารถนาจะได้เป็นคู่เคียงกับเขามากขึ้น ครั้งหนึ่งไดอาน่าเคยริษยาที่พวกผู้หญิงที่โบสถ์หรือในเมืองที่ให้ความสนใจกับพ่อของเธออย่างมาก แต่ท่าทางเขาไม่ได้แสดงความยินดียินร้ายด้วย ทำให้เธอมั่นใจว่าพ่อไม่สนใจที่จะแต่งงานใหม่ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เมเจอร์ใช้ชีวิตอยู่ในโลกของชายโสดโดยแท้ นับตั้งแต่เมื่อครั้งยังเด็ก จนกระทั่งเข้ารับราชการเป็นทหารและกลับมาทำไร่อีกครั้ง
ดังนั้น ชีวิตโลดจึงเหมาะที่สุดสำหรับเขา การที่เขาจะเลือกผู้หญิงสักคนหนึ่งเพื่อคบหาไว้เป็นเพื่อนสนิทนั้น ย่อมจะต้องทำอย่างรอบคอบที่สุด ไดอาน่าไม่เคยต้องรู้สึกว่าตัวเองถูกบีบคั้นกับการที่จะมีผู้หญิง มาสำแดงความปรารถนาที่จะผูกสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นกับพ่อของเธอ ทั้งยังแอบหัวเราะอยู่เงียบๆ เสมอ เมื่อมีคนมาบอกเมเจอร์ว่าเธอต้องการแม่...เพราะที่จริงแล้วเธอต้องการเพียงแค่พ่อเท่านั้นและแน่ใจแล้วด้วย ว่าเขาเองก็ต้องการเฉพาะแต่เธอ