

๑ แรกพบยังรักเหมือนเดิม (๒)
‘พี่โมกข์...พี่โมกข์! เพลงเล่นจบนานแล้วนะคะ ทำไมมองไม่หยุดเลยล่ะ’ หล่อนไหว้เครื่องดนตรีที่มีครูแล้วลุกมาคว้ามือของคนที่ยืนมองตนตาไม่กระพริบ ปากหยักแย้มยิ้มเป็นนิจพร้อมกับสบตาเธอไม่เคลื่อนคล้อยไปไหน
ความรักที่ชายหนุ่มแสดงออกเป็นประจักษ์ว่ารักแฟนสาวมากเพียงใด คว้าเธอเข้ามากอดเอาไว้แล้วพึมพำให้หล่อนได้ฟัง เป็นคำถามที่ชวนให้เธอหัวเราะขำขันกับความคิดของอีกฝ่าย
‘เหมือนพี่ได้เห็นนางฟ้ามาอยู่ตรงหน้าเลย น้องเอยแน่ใจนะว่าข้างหลังไม่ได้มีปีก พี่กลัววันหนึ่งน้องเอยจะบินหนีพี่’
‘เอยเป็นคนนะไม่ใช่มโนราห์จะได้มีปีก อีกอย่างเอยรักพี่โมกข์...ไม่บินหนีไปไหนหรอกค่ะ จะอยู่กับพี่โมกข์ตลอดไป’ กอดเขาแน่นแล้วเงยหน้ามองปลายคาง ค่อยไล่สายตาไปสบดวงตาคมพร้อมให้คำมั่นสัญญาที่คนฟังจำได้ไม่ลืม
เขายึดถือตามนั้นต่างจากเธอที่ทิ้งกันไปไม่ไยดี...
‘พูดแล้วห้ามคืนคำ พี่ถือว่าน้องเอยสัญญาแล้วนะ’
‘ค่ะ’
ต่างให้สัญญาแก่กันและกัน พยานรักคือขิมตัวเก่งของเธอที่อยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มเชื่อมั่นในตัวเองและคนรัก โดยไม่รู้เลยว่ามันเป็นคำลวงหลอก เพื่อให้เขารักจนหมดหัวใจแล้วหล่อนก็ประหัตประหารกันอย่างเลือดเย็น
“เสียงขิมเพราะจังเลย ใครจ้างมาเหรอคะ...หน้าคุ้นเหมือนกันนะ” มีคนเดินมาหยุดคุยกันตรงหน้าเขา พลางมองไปยังหน้าเวทีแล้วเอ่ยถึงคนที่กำลังบรรเลงเพลงไทยเดิมให้คนในงานฟังอย่างไพเราะ นอกจากเสียงที่ฟังเสนาะหู ยังมีหน้าตางดงามของหล่อนที่ชวนมองไม่ละสายตา
เขาจึงสบโอกาสฟังบทสนทนาของท่านทั้งสองอย่างเสียมารยาท ไม่รู้ความเคลื่อนไหวของเธอเลย นอกจากครั้งล่าสุดที่ครอบครัวของหญิงสาวถูกฟ้องล้มละลายแล้วพ่อก็ฆ่าตัวตายหนีเจ้าหนี้ ค่อนข้างตกใจพอสมควรเพราะธุรกิจของบ้านหล่อนก็ค่อนข้างใหญ่โตไม่น่าจะล้มได้ง่าย
ช่างเป็นความแน่นอนที่อยู่บนความไม่แน่นอน จนเขาต้องบอกตัวเองให้มีสติอยู่เสมอกับการใช้จ่ายแต่ละอย่าง ถึงขนาดลงทุนด้านหุ้นแล้วสร้างหอพักให้คนเช่าเก็บเงินรายเดือน สร้างตลาดแล้วประกาศคนจัดการเก็บเงินแม่ค้าแต่ละแผงโดยเฉพาะ ยังมีไร่ของเขาที่ลงทุนสร้างให้มารดา
เรียกว่าถึงไม่มีงานด้านการแสดงหรือวงการบันเทิง โมกข์ก็ยังมีรายได้อีกหลายช่องทางไม่อดตายแน่นอน
เขาไม่ใช่ชายคนเก่าที่มีแต่ตัวและหัวใจมอบให้คนรักอีกต่อไปแล้ว รู้ซึ่งทันทีว่าความรักมันกินไม่ได้ เงินต่างหากที่สำคัญ...
“ก็น้องเจ้าเอยลูกสาวของคุณสันติที่ฆ่าตัวตายไปเมื่อหลายปีก่อนไงคะ ทิ้งหนี้สินไว้ให้ลูกสาวใช้ต้องหนีเจ้าหนี้หัวซุกหัวซุน เห็นว่าคุณประไพสงสารเลยจ้างมานั่งเล่นดนตรีที่งาน เธออยากช่วยเหลือยังไงก็เคยสนิทสนมกันมาก่อน” ร่างสูงฟังเรื่องต่างๆ อยู่ด้านหลัง เขาหยิบไวน์จากบริการมาถือเอาไว้ ค่อยยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด
รสชาติหวานละมุนติดปลายลิ้น ช่างต่างจากอดีตอันขมขื่นของเขาและเธอเสียจริง
ดวงตาคมจ้องมองคนบนเวที ขณะที่หูก็ฟังเรื่องราวของหญิงสาวไปด้วย ไม่เจอกันหลายปีแต่หน้าตาของเธอก็ไม่ค่อยเปลี่ยนไปมากนัก ยังคงสวยเหมือนเดิมเพียงแค่แววตาอาจดูแข็งกร้าวมากขึ้นกับโลกที่แสนโหดร้ายยามได้เผชิญชะตากรรมแสนลำบากเพียงลำพัง
ไม่มีบิดาคอยคุ้มกันอีกต่อไป...
“หน้าตาสะสวย...ไปเป็นนางเอกได้สบายเลยนะคะ”
“พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ แต่เห็นว่าเขาไม่ถนัดทางนี้เท่าไหร่ เคยทำแล้วไม่รุ่ง...น่าสงสารเหมือนกัน” คนทั้งสองพูดจบก็เดินไปทักทายเพื่อนคนอื่น ปล่อยร่างหนายืนอยู่ที่เดิมแล้วมองเธอไม่ละสายตาไปทางไหน ยังจำได้ดีกับครั้งแรกที่เราได้พบกัน
หญิงสาวในชุดนิสิตกระโปรงจีบรอบยาวกรอมเท้า มัดผมหางม้าสะพายกระเป๋าคู่ใจสีขาวใบใหญ่ เดินเข้ามาถามถึงโน้ตเพลงจากเขาที่กำลังเก็บเก้าอี้ห้องประชุมเมื่องานการแสดงจบลงเป็นที่เรียบร้อย
‘คุณคะ ฉันลืมสมุดเพลงไว้แถวนี้ ไม่ทราบว่าเห็นหรือเปล่าคะ’ เสียงหวานกับคำถามที่เอ่ยกับชายหนุ่มโดยตรง ทำให้คนที่กำลังทำงานซึ่งได้รับมอบหมายเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนตกตะลึงในความสวยใสของเธอ ดวงตากลมโตกับรอยยิ้มแสนหวาน เพียงแค่สบตาครั้งแรกก็เผลอมอบใจให้คนตรงหน้าทันที
‘เล่มนี้ใช่ไหมครับ’ เดินกลับไปหยิบสมุดโน้ตที่เจออยู่บนเวที เธอเห็นอย่างนั้นก็พยักหน้าขึ้นลง ยิ้มดีใจนึกว่าทำหายเสียอีก
‘ใช่ค่ะ! ขอบคุณนะคะ...ชื่อเจ้าเอยนะคะ’ รับสมุดมาถือเอาไว้จากนั้นจึงแนะนำตัวให้เขารู้จัก เพราะเธอเองก็อยากรู้ชื่อเสียงเรียงนามของคนตรงหน้าเช่นเดียวกัน หนุ่มหล่อที่เพื่อนในคณะต่างพูดถึง เธอเองเพิ่งได้พบเขาแล้วก็ต้องบอกว่าหล่อสมคำคุย
มองแค่เสี้ยวหน้าด้านข้างยังนึกชม พอได้มาเห็นใบหน้าเต็มๆ ครั้งแรกก็ทำให้ถึงกับชะงัก...หล่ออย่างกับพระเอกละครลังข่าว
‘โมกข์ครับ’ พอได้ยินชื่อเขาก็พยักหน้าแล้วทอดสายตามองชายหนุ่ม จากนั้นจึงรีบออกจากห้องเมื่อได้รับโทรศัพท์จากคนรถว่ามารอที่หน้าอาคารเรียนแล้ว ไม่ได้คุยกับเขามากไปกว่านั้นจนนึกเสียดาย ขณะที่ชายหนุ่มก็มองตามสาวสวยไม่คลาดสายตา
ศรรักปักอกตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สบตาหล่อน...เจ้าเอยของพี่
แต่ปัจจุบันความรู้สึกนั้นหายไปจนหมดสิ้น สิ่งที่เขารู้สึกต่อเธอมีเพียงอย่างเดียวคือความเกลียดชังยิ่งกว่ากิ้งกือไส้เดือน
“ผู้หญิงเจ้ามารยา คนอย่างเธอไม่สมควรได้รับสิ่งดีๆ ด้วยซ้ำ”
วางแก้วก้านยาวลงก่อนเดินไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับความแค้นที่สุมอยู่ในทรวง กรรมตามสนองเธอแล้วกับสิ่งที่หญิงสาวทำต่อเขา
ทว่ามันยังไม่สาแก่ใจชายหนุ่ม ระหว่างที่ส่องกระจกอยู่ในห้องน้ำแผนบางอย่างจึงผุดขึ้นมา พร้อมมุมปากที่แสยะยิ้ม แววตาเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ค่อยเดินไปยังหลังเวทีซึ่งเป็นห้องพักของคนที่ทำการแสดงเสร็จเรียบร้อย
พอดีกับที่สาวสวยในชุดไทยเดินลงมาเพื่อเข้าไปยังห้องพักของคน เขาก็รีบก้าวเท้าเข้าไปทักพร้อมรอยยิ้มหวานที่จงใจปั้นแต่ง หล่อนไม่ทันได้มองก็ต้องชะงัก ยิ่งได้พบว่าเป็นใครที่เข้ามาทักก็เลือกก้มหน้าไม่กล้าสบตา ไม่กล้ากระทั่งจะเรียกเขาว่าพี่ด้วยซ้ำทั้งที่เราเคยสนิทสนมคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
ราวกับเธอรู้ว่าตัวเองไม่คู่ควร...กับคนแสนดีเช่นโมกข์
“เอย”
“พี่...คุณ...มีอะไรหรือเปล่าคะ” เปลี่ยนคำเรียกขานแล้วยืนนิ่ง
จิรัศยาถูกว่าจ้างให้มาเล่นดนตรีในงานให้กับคุณป้าที่เคยสนิทสนมกับมารดาของเธอ หลังบิดาสิ้นบุญหล่อนก็ตัวคนเดียว จะไปอยู่กับญาติคนไหนก็ไม่มีใครต้อนรับ เธอมีหนี้นอกระบบของบิดาที่ต้องจ่ายทุกเดือน ถ้าจ่ายช้าก็ตามทวงถึงบ้าน เป็นอย่างนี้ทุกครั้งจึงไม่มีใครยินดีให้เธอไปอยู่ด้วย จำต้องพึ่งพาตัวเอง
ยังดีที่นอกจากงานแปลหนังสือซึ่งเป็นงานประจำ ก็ยังทำงานอื่นบ้างอย่างส่งขนมขายตามคาเฟ่ หรือรับสอนดนตรีไทย รับเล่นดนตรีไทยตามงานเลี้ยง อย่างวันนี้คุณประไพก็ใจดีชวนเธอมาเล่นดนตรีแล้วยังจ่ายเงินให้มากมายจนนึกเกรงใจท่าน
ถึงวันนี้จะตกต่ำ แต่หญิงสาวก็ดีใจที่ได้รับมิตรไมตรีดีๆ จากมิตรแท้ที่ไม่ทิ้งกันไปไหน...
“เรียกพี่ว่าพี่โมกข์เหมือนเดิมเถอะ ลืมหรือไงว่าเราเคยสนิทสนมกันมากแค่ไหน” ก้าวเข้ามาใกล้เธอ ส่งยิ้มแสนหวานจนร่างบางถึงกับพูดไม่ออก จ้องเขาอยู่อย่างนั้นไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าเป็นตัวจริง
ทั้งที่เขาควรเกลียดและโกรธเธอไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงเข้ามาพูดจาดีด้วยเหมือนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางมาก่อน หรือเป็นเพราะว่าเขาสงสารกันแน่จึงลืมเรื่องทุกอย่างที่หล่อนเคยกระทำเอาไว้จนหมดสิ้น
ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ...แต่ก็ดีใจที่ชายหนุ่มไม่ได้มีท่าทีรังเกียจ
แค่นี้หล่อนก็มีความสุขแล้ว
“เอย...เรียกพี่ว่าพี่โมกข์ได้เหรอ...คะ” ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เขาก็พยักหน้าแล้วยิ้มให้หล่อนเหมือนในวันวานไม่มีผิด
“ได้สิ เรื่องในอดีตพี่ไม่เก็บมาคิดให้ปวดหัวแล้วล่ะ พี่อยากมีความสุขกับปัจจุบันมากกว่า เอยไม่ต้องคิดมากนะ ต่อจากนี้เราก็เป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม เจอพี่ก็ทักบ้างล่ะอย่างเอาแต่หนีหน้า”
“ค่ะ!” เกือบร้องไห้เมื่อได้ยินเช่นนั้น
เธอจ้องเขาน้ำตาคลอเบ้าก่อนจะสูดลมหายใจแล้วยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย ไม่อยากเชื่อว่าชายหนุ่มไม่ถือโทษหรือโกรธในเรื่องอดีต ทั้งที่เขาต้องเข้าโรงพยาบาลและเจ็บปางตายก็เพราะเธอทั้งนั้น
