บท
ตั้งค่า

๑ แรกพบยังรักเหมือนเดิม (๑)

แรกพบยังรักเหมือนเดิม

รถตู้สี่ที่นั่งคันใหญ่เคลื่อนไปข้างหน้าโดยมีพระเอกซึ่งโด่งดังเป็นที่รู้จักของประชาชนนั่งหลับตาเพื่อพักผ่อนขณะที่ผู้จัดการนั่งข้างกันก็ร่ายยาวถึงสิ่งที่เขาต้องทำเมื่อถูกเชิญไปงานเลี้ยงการกุศลของบรรดาคุณหญิงคุณนายทั้งหลาย

เคยปฏิเสธไม่ยอมรับเพราะแค่ถ่ายละครก็ยุ่งจนหัวหมุนแล้ว ไหนจะงานอีเว้นท์ที่ผู้จัดการรับทั้งหมดไม่มีเวลาให้หยุดพัก ยังไม่รวมถ่ายโฆษณาหรือขึ้นปกนิตยสารอีก เรียกว่าหนึ่งสัปดาห์เขาได้หยุดพักไม่ถึงยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ ชายหนุ่มทำงานทุกวันเป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้วเพื่อให้ตัวเองเป็นที่รู้จักของผู้คน มีรายได้เป็นกอบเป็นกำสร้างเนื้อสร้างตัวจากคนชนชั้นกลางค่อนไปทางต่ำ

ผงาดมาเป็นดาราแถวหน้าของเมืองไทยที่มีรายได้ยี่สิบล้านบาทต่อปี รับเล่นภาพยนตร์ต่างประเทศดังไกลทั่วเอเชีย ถือเป็นจุดสูงสุดของอาชีพของตัวเองโดยที่เขาไม่ได้ตั้งเป้าหมายอื่นไว้

เขาไม่ได้รักการแสดงแต่แรก คิดอยากเป็นครูให้ความรู้กับเด็กมากกว่า จนรู้ความจริงของโลกทุนนิยมว่าการไม่มีเงินมันโหดร้ายมากแค่ไหน เมื่อมีหน้าตาเป็นทรัพย์ติดตัวก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ ถูกชักชวนเข้าวงการบันเทิงเมื่อเรียนจบปริญญาตรีก็ตอบตกลงทันที

ถึงตอนแรกอาจจะยากหน่อย ต้องเล่นเป็นตัวประกอบบ้าง พระรองบ้างหรือบทที่ไม่ค่อยเด่น จนเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับบทพระเอกครั้งแรกก็โด่งดังเป็นพลุแตก พัฒนาฝีมือด้วยการเล่นละครหลากหลาย ทั้งยังรับเล่นหลายเรื่องต่อปี คนได้เห็นหน้าค่าตาเห็นฝีมือการแสดงของเขา ก็ไม่ยากเลยที่จะเป็นพระเอกแถวหน้าผู้ครองรางวัลนักแสดงนำชายหลายเรื่องจนถ้วยรางวัลเต็มตู้

นั่นคือความภาคภูมิใจของเขา...แล้วมันก็อาจจะเพียงพอแล้วสำหรับชีวิตการเป็นนักแสดง

“อย่าลืมยิ้มแย้มเข้าใจไหม ครั้งก่อนไปงานการกุศลหน้าบึ้งตลอดงานจนเขาพูดกันว่าเธอหยิ่ง ตอนนี้ต้องสลัดภาพลักษณ์พวกนั้นออก อย่าลืมว่าเราคือคนของประชาชนต้องเข้าถึงง่าย อย่าไปคิดว่าเย็นชาแล้วมันจะเท่ห์ สมัยนี้ใครเขาก็ชอบผู้ชายหล่อตลกทั้งนั้น” นอกจากเป็นผู้จัดการแล้วยังต้องคอยบอกสอนคนในปกครองให้เป็นที่รักของคนที่พบเจอ

แม้ความจริงแล้วเขาจะไม่ใช่คนอัธยาศัยดี ติดจะชอบทำหน้านิ่ง แต่เมื่อเข้ามาในวงการก็ต้องเปลี่ยนนิสัยด้านนี้ ลบภาพหนุ่มเงียบขรึมให้หมด กลายเป็นคนยิ้มง่ายทักทายเก่ง

เขาจะแสดงด้านอ่อนโยนเฉพาะกับคนที่ตัวเองรัก...

“ครับ” คนที่หลับตาตอบรับเสียงเบา ฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา รู้สึกโชคดีอย่างหนึ่งที่งานนี้ไปคนเดียว ไม่ต้องมีผู้จัดการคอยสั่งอยู่ข้างหูตลอดเวลา

ฉัตรธร นาดอิ่มเอมเป็นคนที่ชักชวนเขาเข้าสู่วงการบันเทิง เป็นผู้จัดการของชายหนุ่มจนถึงปัจจุบัน เริ่มมีเด็กในสังกัดบ้างจึงต้องสลับไปดูคนอื่นเพราะงานของโมกข์อยู่ตัวแล้ว ไม่ต้องดูอะไรมากเท่าไหร่ ละครอีกสองเรื่องก็ใกล้ปิดกล้อง โฆษณาถ่ายครบ เหลือปกนิตยสารอีกสองฉบับ

เขาก็เลยขอเอาไว้ว่าอยากหยุดพักสักสองถึงสามเดือน ซึ่งถือว่านานมากเพราะตั้งแต่เข้าวงการมาชายหนุ่มไม่เคยหยุดพักเลย ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต จึงเห็นสมควรว่าน่าจะถึงเวลาพักสักที ไม่ค่อยจ้ำจี้จ้ำไชให้เลือกงานเท่าไหร่

หรือเพราะกำลังดันเด็กใหม่เขาก็ไม่อาจทราบ...

“สองสามวันนี้พี่อาจจะไม่ได้มาดูแลเธอนะ พอดีเด็กใหม่...” ลืมตาแล้วพยักหน้ารวดเร็ว

ไม่ได้อยากให้ผู้จัดการตามติดแต่แรกอยู่แล้ว เขามีความสุขกับการอยู่คนเดียวไม่ต้องมีอีกคนคอยบอกตลอดเวลา ยิ่งช่วงนี้ดาราหน้าใหม่ในความดูแลของฉัตรธรอย่างอเล็กซ์ เลียม อาร์เดลกำลังขึ้นหม้อก็ต้องไปหาบ่อยหน่อย

ชายหนุ่มเข้าใจเป็นอย่างดี วัฏจักรของวงการบันเทิง...เก่าไปใหม่มา

ไม่มีใครเป็นดาวค้างฟ้าไปตลอดหรอก แต่อย่างน้อยช่วงเวลาหนึ่งเขาก็เคยเป็นดาวที่ได้อยู่บนฟ้าแล้ว

“ผมเข้าใจ พี่ไปดูแลอเล็กซ์เถอะ มันเพิ่งเข้าวงการยังไงก็ต้องการให้ดูแลมากกว่าผมอยู่แล้วล่ะ”

“พี่จะพยายามหาเวลา...”

“ผมดูแลตัวเองได้ครับ พี่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” รีบบอกอย่างรวดเร็ว ยืนยันหนักแน่นจนผู้จัดการสาวประเภทสองอดค้อนไม่ได้ รู้อยู่หรอกว่าหนุ่มตรงหน้าไม่ค่อยชอบให้มาดูแลเท่าไหร่ เบื่อการจ้ำจี้จ้ำไชแล้วก็ชอบที่จะอยู่คนเดียว

แต่ทำอย่างไรได้ล่ะเมื่อผูกพันกับโมกข์เหมือนแม่ลูกไปแล้วนี่น่า ดูแลอีกฝ่ายตั้งแต่เพิ่งเริ่มเข้าวงการ จนตอนนี้กลายเป็นรุ่นพี่ตัวอย่างให้รุ่นน้องเจริญรอยตามแล้ว อีกไม่นานเห็นบอกว่าจะออกจากวงการไปช่วยแม่ทำไร่แล้วก็สอนหนังสือเด็กยากไร้

แค่คิดก็อดใจหายไม่ได้...

มองดวงหน้าคมแสนหล่อเหลาที่ตกคนได้กว่าครึ่งประเทศด้วยรูปลักษณ์หล่อคมเข้ม ผมยาวประบาไม่ได้ตัดสักทีเพราะบทละครส่วนใหญ่ที่เล่นในช่วงหลังมีแต่แนวดิบเถื่อน อาจขัดกับภาพลักษณ์ที่สร้างแต่ก็ค่อนข้างตรงกับความจริงพอสมควร เพื่อนสนิทสมัยมหาวิทยาลัยต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมือนได้โมกข์คนเก่ากลับคืนมา

ไม่ใช่คนที่ยิ้มแย้มหัวเราะง่ายอย่างที่เห็นในโทรทัศน์...เพราะเขามีเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาจนพรากความสุขไปแทบไม่เหลือรอยยิ้ม

“เฮ้อ...งานน่าเบื่อ”

แค่เดินเข้ามาในงานก็เห็นผู้หญิงรุ่นแม่เดินกันทั่วงานพร้อมอวดชุดแต่งกายและเครื่องเพชรเม็ดใหญ่ เห็นแล้วแสบตาจนต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย พรูลมหายใจแล้วค่อยยกยิ้มติดมุมปาก การเป็นคนของประชาชนต้องแย้มยิ้มอยู่เสมอ

เขารู้ข้อนั้นดีจึงต้องทำจนชินเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ

“สวัสดีครับ” เข้ามาในงานก็ตรงมาทักทายเจ้าของงานที่กำลังพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนอย่างออกรส

นักแสดงหนุ่มอยู่ในชุดสูทสีสุภาพ ผมที่ยาวประบาก็ผมครึ่งศีรษะแล้วเซ็ทให้เป็นทรง กลายเป็นหนุ่มผมยาวที่ดูหล่อเหลาสะอาดตา บวกกับส่วนสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรของเขา ทำให้คนในงานต่างเหลียวมองด้วยความสนใจ ยกโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพเอาไว้กันถ้วนหน้า

“พระเอกของเรามาแล้ว ตัวจริงหล่อเถื่อนกว่าในละครเรื่องล่าสุดอีกนะ ป้าเพิ่งดูสุมรักกลางไพรจบ โอ๊ยพ่อคุณ ทำไมหล่อเลวได้ใจขนาดนี้ ระหว่างดูไปก็สงสัยพระเอกจริงหรือเปล่า กลัวตอนจบจะเป็นตัวร้ายไปได้น่ะสิ”

คุณประไพ วงษ์จรัสสยามเจ้าของงานเดินมาต้อนรับพร้อมพาชายหนุ่มเข้าสู่กลุ่มเพื่อนสนิทของตัวเอง เขารีบยกมือประนมกลางอกแล้วค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ปากหยักยกยิ้มให้คนตรงหน้าพร้อมหัวเราะร่ากับประโยคเย้าแกมหยอก

“ฮ่าๆ ครับ”

ช่วงนี้เขารับละครที่เล่นกลางแจ้งบ่อยจนสีผิวเริ่มเข้ม เรื่องล่าสุดที่กำลังถ่ายทำก็เป็นนายหัวอยู่เกาะ ใส่เสื้อกล้ามวิ่งริมทะเลจนแดดเผาตามผิวเป็นสีคล้ำมีส่วนเว้าของเสื้อที่สวม ยังดีที่อีกเรื่องทำงานในออฟฟิศใส่สูทจึงไม่ได้เปิดเผยสีตามกายมากเท่าไหร่ ผู้จัดการจึงบอกว่าหลังปิดกล้องละครคราวนี้เขาต้องเข้าสปาและเริ่มอบผิวให้กลับมาขาวอย่างจริงจัง

ที่สำคัญคือต้องตัดผม!

เพราะละครเรื่องหน้าจะให้รับเล่นเป็นคุณชายในรั้วในวัง จะไว้ผมยาวเหมือนพวกบ้านป่าเมืองเถื่อนไม่ได้ เขาจึงประวิงเวลาเอาไว้ อยากเป็นหนุ่มผมยาวให้นานที่สุด

“เพื่อนๆ ป้าเขาชอบโมกข์ทั้งนั้นเลย ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหม” มือทั้งสองประสานไว้ด้านหน้า ค้อมศีรษะแล้วเริ่มจัดแจงท่าทางจะได้ถ่ายรูปคู่กันครบทุกคน

“ยินดีครับ” เมื่อได้ภาพสมใจ บรรดาหญิงวัยกลางคนก็ยิ้มกว้างมีความสุข

เขาคือพระเอกคนเดียวที่ทุกคนลงความเห็นว่าอยากให้มางานการกุศลครั้งนี้ คนในงานต่างก็เป็นคนในแวดวงสังคมเดียวกัน กลายเป็นชายหนุ่มจำต้องยืนยิ้มให้ถ่ายรูปจนเมื่อย กระทั่งว่างถึงได้เดินไปรับประทานอาหารที่จัดซุ้มเอาไว้ แทบจะเทอาหารทั้งจานเข้าปากในคราวเดียวแต่ต้องสำรวมกริยาเอาไว้

อย่างไรก็มีสายตาหลายคู่จ้องมองเขา บางคนก็ถือโทรศัพท์ถ่ายตนตลอดเวลาเหมือนมาดูสัตว์ในกรง...

“ไม่ได้เล่นละครแต่เหนื่อยกว่าเล่นละครทั้งปีอีก กลับได้หรือยังวะ” ก้มหน้าต่ำแล้วพึมพำเสียงเบา กินอาหารอยู่อย่างนั้นจนเริ่มอิ่มจึงคว้าน้ำเปล่ามาดื่ม ไม่รู้ว่าตัวเองสามารถกลับได้ตอนไหน เพราะตามกำหนดการณ์ก็บอกเพียงแค่ให้เข้ามาสวัสดีเจ้าของงานแล้วทักทายเพื่อนของอีกฝ่าย ไม่ต้องทำไปขึ้นการแสดงหรือโชว์ตัวบนเวที

เขามาเพื่อปรากฏตัวอย่างเดียวเท่านั้น...

“เสียงขิม...” ระหว่างที่เริ่มอิ่มพลันเสียงบรรเลงดนตรีไทยก็ดังขึ้น เขาชะงักมือแล้วรีบเงยหน้ามองไปยังเวทีอย่างรวดเร็ว

พลันหัวใจเหมือนหยุดเต้นไปชั่วขณะยามได้มองสาวสวยที่อยู่ในชุดไทยสีกำลังนั่งตีขิมอยู่บนเวที ใบหน้าสวยหมดจด คิ้วโก่งตาคมจมูกโด่งกับปากรูปกระจับ มองเพลินจนคนในงานจ้องหล่อนเป็นตาเดียว ไม่เว้นกระทั่งพระเอกหนุ่ม แต่ความรู้สึกของเขาแตกต่างจากทุกคน

เพราะมันอัดแน่นไปด้วยความแค้น!

ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนเดียวกับที่เคยสั่งให้ชายคนรักมาทำร้ายเขาปางตาย ล้อเล่นกับความรู้สึกแล้วบอกเลิกไม่ไยดี!

ไม่ได้พบกันนานหลายปีเพิ่งกลับมาเจอกันอีกครั้ง หวนให้นึกถึงวันที่ได้มองสาวงามบรรเลงเครื่องดนตรีไทยให้ฟังสมัยที่ตนยังเป็นนิสิตคณะครุศาสตร์ ไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานทั้งที่ความจริงผ่านมานานหลายปีแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel