บท
ตั้งค่า

9. สตรีไร้ยางอาย

ไฉ่เล่ออิงยิ้มเอ็นดูการกระทำของคนตัวโต เขาไม่ได้คลุมผ้าให้แบบปกติ แต่มันคลุมจากด้านหน้าไปข้างหลัง จึงดูเหมือนตนเป็นห่ออะไรสักอย่างที่โผล่ขึ้นมาแค่หัว

“มันร้อนนะเจ้าคะ” แสร้งเอ่ยพร้อมกับทำท่าจะถอดออก

“อย่าได้คิดเอามันลงเชียว” ส่งเสียงดุจนเล่ออิงต้องชะงัก เอียงหน้ามองเขาเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มแห้งส่งให้แล้วนั่งนิ่ง ๆ

ใจ๋ใจ๋ถึงกับมึนงง เพราะนางไม่รู้ว่าผู้มาใหม่นี้คือใคร แล้วเหตุใดเจ้านายต้องดูเกร็งยามอยู่กับเขาด้วย

“ใคร?” นางขยับมายืนข้างจีหยวน เอียงหน้ามาถามเขา

“นายท่านฉี” ชายหนุ่มเอ่ยบอก พร้อมกับใบหูที่ขึ้นสีเรื่อ เพราะหญิงสาวขยับเข้ามาใกล้เกินไป

“หา! อือ” ร้องเสียงหลงไม่ทันไรก็ถูกปิดปากไว้เสียแล้ว

“ขออภัยขอรับ คือใจ๋ใจ๋ไม่เคยพบนายท่านของหอ นางเลยตกใจมากไปหน่อยข้าน้อยจะพาออกไปนะขอรับ” จีหยวนรีบเอ่ย เมื่อเห็นฝ่ายเจ้ากรมโยธามองมาด้วยความสงสัย ก่อนจะพาสาวงามอันดับหนึ่งของหอออกไปรอด้านนอก

“เจ้าคือเจ้าของหอชุยอวี้กระนั้นหรือ จะเป็นไปได้เยี่ยงไร ได้ยินว่าเจ้าของหอเป็นสตรีมิใช่หรือ” เจ้ากรมโยธาเอ่ยถามผู้มาใหม่ ด้านหลังก็มีชายหนุ่มถือดาบยืนประกบ ท่าทางของผู้ที่สวมหน้ากากก็ดูน่าเกรงขาม ทั้งที่ไม่เห็นใบหน้าด้วยซ้ำ น้ำเสียงก็ยังฟังดูคุ้นหูเหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน เพียงแต่เขานึกไม่ออก

“ไม่ผิดที่สตรีคือเจ้าของหอชุยอวี้ ทว่ามันก็แค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น เรื่องทั่วไปนางเป็นคนจัดการ ทว่าเรื่องใหญ่เช่นนี้คงปล่อยผ่านไม่ได้ ข้าน้อยจึงต้องมาดูแลเอง มิเช่นนั้นจะเสียเปรียบผู้อื่นที่คิดหาผลประโยชน์จากเพศที่อ่อนแอกว่า” ไป่เสวียนเอ่ยอย่างรู้ทัน เขามองไปยังบุรุษหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม และท่าทางดูเหมือนจะหงุดหงิดมากเมื่อเห็นเขาสวมชุดคลุมให้ไฉ่เล่ออิง

“จะเป็นใครก็ช่าง ในเมื่อข้าถูกพิษที่นี่ หอชุยอวี้ก็ต้องรับผิดชอบ” ลู่จินจงเริ่มวางอำนาจกับอีกฝ่าย เมื่อสิ่งที่คาดหวังเอาไว้เริ่มไม่ได้ดั่งใจ ก็ต้องหาทางบีบบังคับเพื่อให้ได้มาเท่านั้น

“คนที่วางยาท่านถูกส่งตัวเข้าคุกไปแล้ว มันสารภาพว่าคุณชายลู่คือคนบงการ ส่วนสาเหตุข้าว่าคุณชายคงรู้ดีว่าเกิดจากเรื่องใด” ไป่เสวียนเอ่ยเสียงเย็นใส่ผู้ที่คิดจะใช้เล่ห์เหลี่ยมกับเขา คงคิดว่ามันจะง่ายเพราะมีอำนาจบิดาคุ้มกะลาหัวกระมัง

“หวังอี้หรานงั้นหรือ กล้ามากที่สั่งคนมาวางยาข้า” ลู่จินจงพึมพำกับตนเอง นึกถึงคู่แค้นในเมืองหลวง

“ท่านคงรู้แล้วว่าใครทำ เช่นนั้นข้าน้อยคงต้องขอตัวก่อน หากต้องการจะดื่มกินต่อก็ตามสบาย เอาเป็นว่าข้าน้อยจะไม่คิดเงินกับพวกท่านแล้วกัน ถือว่าเป็นการไถ่โทษ ถึงแม้หอชุยอวี้ของเราจะไม่ได้ทำผิดอันใดต่อพวกท่านก็เถอะ” ร่างสูงลุกขึ้นยืนพร้อมกับรั้งเอาคนตัวเล็กให้ตามขึ้นมาด้วย

คนทั้งสามได้แต่มองตาม โดยเฉพาะลู่จินจง เพราะทำอันใดไม่ได้ หากเรื่องทั้งหมดเป็นฝีมือหวังอี้หรานจริง เขาควรเงียบไว้

ถ้าหน่วยตรวจการสืบต้นตอสาเหตุที่แท้จริงขึ้นมา เขานี่แหละที่จะแย่ ยามนี้ต้องรีบไปจัดการผู้ที่วางยาก่อน ไม่เช่นนั้นเรื่องราวต้องโยงมาถึงตัวเขาเป็นแน่ ส่วนสตรีที่เขาหมายตาก็คงต้องกลับมาจัดการในภายหลัง นางไม่มีทางรอดมือไปได้หรอก

เล่ออิงเดินตามร่างสูงลงมาทางด้านหลังของหอ ตรงไปยังหอน้ำชาที่อยู่กันคนละฝั่งคลอง นางเงยหน้าขึ้นมามองเขาแล้วก็ยิ้มน่าตี “ท่านอามาช่วยข้าหรือเจ้าคะ ดีจัง”

ไป่เสวียนไม่ตอบ ทว่าสองเท้ากลับเดินลิ่วเข้าไปในหอน้ำชาแทน จากนั้นก็ขึ้นไปด้านบนซึ่งเป็นระเบียงสำหรับนั่งชมวิว สามารถมองเห็นลำคลองที่ทอดยาวไปสุดตาได้

เล่ออิงมองตามร่างสูงจนกระทั่งเขาขึ้นไปนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ด้านบน นางจึงหันมาถอดเสื้อคลุมที่สวมอยู่ออก

“พี่จีหยวนฝากไปให้เขาที” เสียงหวานเอ่ยเรียกชายหนุ่มที่ยังคงยืนอยู่ด้านล่าง ก่อนจะยื่นชุดส่งให้เขา จากนั้นนางก็หันมาจัดแจงชุดให้เรียบร้อย ซึ่งมันดูยั่วยวนอย่างไรไม่รู้

“เอ่อ” ชายหนุ่มหมายจะแย้ง

“นายหญิงต้องไปดูแลแขกต่อ เจ้าเอาไปคืนนายท่านเถอะ” ใจ๋ใจ๋ดันร่างสูงให้เดินขึ้นบันได ส่วนนางก็กลับไปทำงาน

ด้านไฉ่เล่ออิงเดินนวยนาดไปที่ศาลาในสวน ที่นั่นมีคุณชายซึ่งเป็นแขกประจำนั่งอยู่ ท่วงท่าการก้าวเดินช่างยั่วยวนดียิ่ง บุรุษใดได้เห็นเป็นต้องหลงกันทั้งนั้น

นางกล่าวทักทายคนทั้งสอง พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้เช่นเคย ก่อนจะนั่งลงชงชาให้ทั้งคู่ ที่เอาแต่จ้องนาง

“นึกว่าวันนี้เถ้าแก่เนี้ยจะไม่มาเสียแล้ว” คุณชายซูกล่าวทักทาย พร้อมกับส่งสายตากรุ่มกริ่มให้เช่นเคย

“แหม…ไม่มาได้อย่างไรเจ้าคะ คุณชายทั้งสองเป็นแขกประจำที่นำเงินมาให้หอชาฮวาทุกวัน เล่ออิงต้องมาต้อนรับอยู่แล้วเจ้าค่ะ” ประโยคที่ได้ยิน หากเป็นคนอื่นเอ่ยมันคงไม่น่าฟังนัก ทว่าพอเป็นไฉ่เล่ออิงกล่าวมันกลับกลายเป็นเรื่องขบขัน ทำให้สองหนุ่มหัวเราะร่วนชอบใจจนเสียงดังไปทั่วบริเวณ และมันก็เป็นเช่นนี้เสมอ เจ้าของหอน้ำชาแห่งนี้เป็นคนอารมณ์ดี จึงทำให้แขกเหรื่อที่มาใช้บริการต่างก็ติดใจ มิใช่แค่ความงามที่นางมี

ไป่เสวียนนั่งมองสตรีที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก นั่งพูดคุยหัวเราะกับบุรุษมากหน้าอย่างสนิทสนมก็นึกหงุดหงิดขึ้นมา จึงสั่งให้คนของตนลงไปตามไฉ่เล่ออิงให้ขึ้นมาพบ

ไม่นานนักสตรีตัวน้อยรูปร่างเย้ายวนก็เดินมาหยุดตรงหน้าเขา ส่งยิ้มหวานให้เหมือนที่ทำกับแขกเหรื่อที่มาดื่มชาที่นี่

“ท่านอามีอันใดจะสั่งข้าหรือเจ้าคะ” เอ่ยถามเสียงหวาน ก่อนจะเดินมายืนข้างตั่งที่นั่งของเขา มือขาวจับการินน้ำชาให้อย่างเอาใจ เล่ออิงทำไม่ต่างจากลูกค้าคนอื่นเลย

“กลับไปเปลี่ยนอาภรณ์เสีย ใส่ชุดที่มันรัดกุมกว่านี้” เอ่ยโดยไม่มองหน้านาง ทว่าหางตาก็ยังมีเหลือบมองบ้าง แต่จะว่าไปต่อให้เขามองนางจริงคนตัวเล็กก็สังเกตไม่เห็นหรอก เพราะหน้ากากที่สวมอยู่มันบังไว้ หากไม่มองหน้ากันตรง ๆ ก็ไม่มีทางรู้

“ไม่เจ้าค่ะ ข้ายังต้องทำงาน หากท่านอาไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวนะเจ้าคะ” ตอบหน้าตาย ก่อนจะย่อตัวคาระวะเขา

“หากเจ้าไม่ไปเปลี่ยน ข้าจะเปลี่ยนให้เอง” ครานี้ใบหน้าของผู้ที่นั่งอยู่หันมาจ้องสตรีตัวน้อยตรง ๆ ทว่ามีหรือเล่ออิงจะกลัว

นางรีบก้าวเดินไปหยุดต่อหน้าเขาแล้วเอ่ยกระตือรือร้น “จริงหรือเจ้าคะ เช่นนั้นเรารีบไปกันเถอะ” มือขาวคว้าแขนแกร่งให้ลุก ทว่าไป่เสวียนก็ได้ขืนตัวไว้ พร้อมกับสะบัดมือออก

“ไร้ยางอาย ในหัวเจ้าคิดแต่เรื่องเช่นนี้หรือไฉ่เล่ออิง” ตวาดใส่อย่างเหลืออด เพราะการกระทำของนางมันชวนให้คิดเช่นนี้ ที่สำคัญคนตัวเล็กก็ไม่ปฎิเสธด้วย จึงเป็นสาเหตุให้ไป่เสวียนคิดเตลิดไปไกล มองว่าสตรีตรงหน้ามักมากจริง ๆ ไม่อย่างนั้นนางจะขอเปิดหอนางโลมทำไม ทั้งที่มีแค่หอน้ำชาก็พอ

“แหม…ท่านอาก็รู้ทันข้าไปเสียทุกเรื่องเชียว” เล่ออิงทำท่ากระมิดกระเมี้ยนเอียงอาย ไม่ต่างจากสตรีในหอนางโลมเลย มันยิ่งทำให้ไป่เสวียนนึกรังเกียจเข้าไปใหญ่ คิดไม่ถึงว่าสิบปีนี้จะทำให้เด็กน้อยที่ไม่ค่อยพูดจาแปรเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้

“ไปให้พ้นหน้าข้า อยากทำสิ่งใดก็ทำไปเลย” เหลืออดแล้วเขาก็ไล่นางอย่างไม่ไยดี แม้แต่หน้าก็ไม่อยากมอง

#ไล่เก่งนะท่านอาเนี่ยะ 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel