บทย่อ
คนเรามีใครบ้างอยากอยู่ในจุดที่ต่อยต่ำ ทว่าเหตุไฉนนางจึงเลือกอยู่ในจุดที่ผู้คนหยามหมิ่น สถานที่นี้มิอาจเป็นเส้นทางที่ปูไปสู่เกียรติยศได้เลย
1. หอนางโลมอันดับหนึ่ง
เสียงดนตรีบรรเลงขับกล่อมอย่างนุ่มนวล เหล่านางรำกำลังขยับร่างกายด้วยท่วงท่าอ่อนช้อย พร้อมกับชายผ้าโบกไสวอยู่บนเวทีกลางหอนางโลมแห่งนี้ ผู้ใดได้มาเยี่ยมชมเป็นต้องกลับมาอีกหน เพราะที่นี่คือสวรรค์ของเหล่าบุรุษในเมืองซูอัน
ผู้ดูแลหอยืนมองแขกเหรื่อแล้วก็ยิ้ม ค่ำคืนนี้มีบุรุษมามากกว่าทุกวัน เพราะมีทหารนับพันเดินทางมาจากเมืองหลวง เพื่อสร้างเขื่อนทางทิศใต้ของเมือง ทำให้หอนางโลมชุยอวี้คึกคักเป็นอย่างมาก สตรีงามไม่พอให้บริการเลยด้วยซ้ำ
ที่นี่คือจุดรวมพลของคนที่มาเยือนเมืองซูอัน หากมาไม่ถึงหอนางโลมชุยอวี้ ก็แสดงว่ามาไม่ถึงเมืองนี้ เพราะไม่ได้มีดีแค่สาวงาม ทว่ายังมีโรงน้ำชาอยู่อีกฝั่งของคลองน้ำด้วย
เพียงแค่เดินข้ามสะพานไม้ บรรยากาศก็จะเปลี่ยนไป เพราะที่นี่มีศาลามากมายให้นั่งดื่มด่ำกับธรรมชาติ มีดนตรีบรรเลงขับกล่อมแผ่วเบาสบายหู ภายในสวนก็ประดับประดาไปด้วยพืชไม้นานาพันธุ์ หอชาฮวาจึงเหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างมาก เหล่าบัณฑิตและคุณชายจึงมักมาที่นี่เพื่อสังสรรค์กัน
ทว่าหากพวกเขาต้องการเสพสุข ดื่มสุราเคล้านารีก็จะไปที่หอนางโลมชุยอวี้ เพียงแค่เดินข้ามสะพานน้ำใสที่กั้นกลางระหว่างสองหอนี้เท่านั้น และมีบางคนควบทั้งสองที่ หลังจากหารือกันในหอชาฮวาแล้วเสร็จ ก็ไปต่อที่หอชุยอวี้
สร้างเม็ดเงินมากมายแก่ผู้ที่บุกเบิกเปิดที่นี่
“ท่านแม่ยิ้มใหญ่เลยนะเจ้าคะ” สาวงามนางหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับสะบัดสะโพกไปมาแผ่วเบา เชื้อเชิญบุรุษที่พบเห็นไปในตัว นางคือหลี่ใจ๋ใจ๋ คณิกาอันดับหนึ่งแห่งหอชุยอวี้
“เป็นเจ้าจะไม่ยินดีกระนั้นหรือ ดูสิสาวงามในหอของเราไม่พอรับแขกด้วยซ้ำ เจ้าเองก็ควรไปทำหน้าที่ของตนนะ”
“แหม…ท่านแม่ข้ารับแขกไปสองรอบแล้วนะเจ้าคะ ขอพักก่อนเถิด” ใจ๋ใจ๋เอ่ยด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน อีกฝ่ายมองด้วยหางตาทำเหมือนไม่พอใจ ทว่ามันเป็นอาการปกติของผู้ดูแลมากกว่า ตู้ชิงหลิวก็แค่หมั่นไส้นางโลมอันดับหนึ่งผู้นี้เท่านั้น ความเป็นจริงแล้วทั้งคู่รักกันมาก
“จ้า เช่นนั้นก็ไปพักเถอะ ค่ำ ๆ อาจจะมีแขกมาอีก” ยกมือขึ้นดันไหล่นางให้เดินกลับไปยังห้องพัก ใจ๋ใจ๋ยิ้มหวานส่งให้ก่อนจะเดินจากไปด้วยท่วงท่ายักย้ายส่ายสะโพก
อีกฝ่ายจึงได้แต่คว่ำปากใส่พร้อมกับมองบน
“นี่ถ้าข้าเป็นสาวอยู่ ใจ๋ใจ๋ไม่มีทางได้เกิดหรอก” สิ้นคำผู้ดูแลวัยสี่สิบ ก็เรียกเสียงหัวเราะของบรรดาสาวงามที่นั่งอ้อล้อกับแขกให้ดังขึ้น สร้างความเฮฮาให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก
หอนางโลมแห่งนี้เรียกได้ว่าเป็นแหล่งชุมนุมชั้นดีของคนมีเงินในเมือง ไม่ว่าจะเป็นสกุลใดก็ล้วนแต่เคยมาที่นี่กันทั้งนั้น ว่ากันว่าหอชุยอวี้มีสตรีงามมากที่สุดในใต้หล้า
แต่ละนางล้วนถูกคัดสรรค์มาอย่างดี ส่วนใครที่ถูกขายมา หากไม่เต็มใจก็ไปทำหน้าที่ดูแลในส่วนอื่น ที่นี่ไม่มีการบังคับขู่เข็ญให้ทำงานเยี่ยงทาส ส่วนหนึ่งก็มาจากเจ้าของก็เป็นสตรี จึงเข้าใจดีว่าการหลับนอนกับบุรุษที่ไม่ได้รักมันฝืนเพียงใด
บางคนก็อาสาที่จะทำ เพราะค่าตอบแทนนั้นแบ่งคนละครึ่ง มีที่อยู่ที่กินให้อีกต่างหาก เจ็บไข้ได้ป่วยก็มีหมอคอยรักษา ทุกคนจึงทำงานกันอย่างมีความสุข และไม่คิดจะจากไปไหน
ณ เรือนฮวา ที่นี่ตั้งอยู่ด้านหลังของหอน้ำชา และติดคลองน้ำสายเดียวกันกับหอน้ำชาและหอนางโลม
สถานที่แห่งนี้ร่มรื่นมาก มีต้นดอกท้อกำลังบานสะพรั่ง ถัดไปเป็นต้นหลิวปลูกเรียงรายกันอยู่ ข้างกำแพงเป็นต้นไผ่ประดับยืนเรียงรายรอบเรือนเป็นแนวดูสวยงาม
ในสวนยังมีบึงน้ำที่ตบแต่งด้วยโขดหินน้อยใหญ่รอบบริเวณ พร้อมกับท่าน้ำที่ทำเอาไว้นั่งดูฝูงปลาและชมดอกบัวสีชมพูที่กำลังเบ่งบานอยู่ในยามนี้ ช่างเป็นเรือนที่อยู่แล้วสบายตายิ่งนัก
ตัวบ้านเป็นแบบยกสูงมีบันไดเจ็ดขั้น มีระเบียงโอบล้อมพร้อมกับไม้ประดับแขวนห้อยลงมาจากขื่อด้านบนเป็นแนวยาวตลอดทาง สร้างความชุ่มชื้นให้กับสายตาดียิ่ง
หากเดินขึ้นมาก็จะพบกับห้องโถงขนาดกลาง สำหรับรับแขกที่มาเยือนห้าหกคน แต่ก็น้อยคนนักจะได้มาที่นี่
เดินต่อมาตามระเบียงทางทิศเหนือ ด้านในก็จะเป็นห้องนอนใหญ่ ตบแต่งอย่างสวยงามโดยเฉพาะเตียง ซึ่งมันปูด้วยขนสัตว์หนานุ่ม ด้านบนเป็นผ้าแพรสีขาวสะอาดตา ผูกโยงลงมาทำให้สามารถปิดได้ทุกมุม ทว่ายามนี้มันถูกตรึงเอาไว้ด้วยปม เพราะยังมิใช่เวลานอน
ส่วนห้องพักของเหล่าผู้ดูแลก็จะอยู่เรือนด้านข้างห่างออกไปสองร้อยก้าว ทว่าคนสนิทก็ยังมีห้องส่วนตัวอยู่บนเรือนใหญ่ ซึ่งมันอยู่ถัดไปสองห้องทางด้านหลัง เพื่อคอยรับใช้ผู้เป็นนายในยามค่ำคืน รวมถึงรักษาความปลอดภัยด้วย เพราะเจ้าของเรือนคือสตรีวัยสิบแปดปีเท่านั้น อีกทั้งยังมีรูปโฉมที่งดงามมาก ชายใดเห็นเป็นต้องถามหาบ้านเรือนทุกครั้งไป
ร่างระหงของใครบางคนกำลังเดินเข้ามาทำลายความสงบของผู้ที่หลับอยู่บนเก้าอี้ตัวยาวซึ่งมันปูด้วยพรมหนานุ่ม
“ฮืม…พี่ใจ๋ใจ๋ เดินให้มันเบา ๆ หน่อย” บ่นพึมพำให้อีกฝ่ายเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังใกล้เข้ามาทุกที
“โถ! นายหญิงก็ ใจ๋ใจ๋เดินเบาแล้วนะเจ้าคะ ก็แค่ช่วงนี้มีน้ำมีนวลขึ้นมานิดหน่อย เลยทำให้น้ำหนักเท้ามันเพิ่มขึ้น” แก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ จนผู้ที่เดินมาด้วยอดหัวเราะไม่ได้
“รู้ตัวด้วยหรือว่าอ้วนขึ้น ไม่ดูแลตนเองประเดี๋ยวตกอันดับไม่รู้ด้วยนะ” หลี่ต้าจงเย้าพี่สาวตน ก่อนจะเดินมาหยุดข้างผู้เป็นนาย ซึ่งนางกำลังขยับตัวลุกขึ้นมานั่งตัวตรง บิดขี้เกียจอย่างที่เคยทำอยู่เป็นประจำ จนคนสนิทต่างก็ส่ายหัวยิ้มเอ็นดู
“น้ำชาขอรับ” ต้าจงยื่นจอกชาส่งให้ ซึ่งลักษณะของมันใหญ่กว่าปกติมาก เพราะคนที่รับมาดื่มบอกว่าน้ำแค่จอกเดียวไม่เพียงพอต่อร่างกายของมนุษย์ ต้องดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ แปดจอกต่อวัน เพื่อให้ผิวพรรณสดใสไม่ดูแห้งกร้าน
คำพูดหลายอย่างที่ผู้เป็นนายสั่งสอน พวกเขาจดจำได้เป็นอย่างดี แม้มันจะประหลาดและต่างออกไปมากก็เถอะ
ทว่า ไฉ่เล่ออิงก็ทำให้เห็นแล้วว่ามันได้ผลทุกอย่าง
รวมถึงกิจการหอนางโลมและหอน้ำชาที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อหกปีก่อน มันยังสร้างผลกำไรให้มากมายจนมีชื่อเสียงเลื่องลือได้ ทั้งที่ตอนนั้นนางพึ่งจะสิบสองหนาวเท่านั้นเอง ทว่าข้อสงสัยนี้พวกเขาก็ไม่อาจคลี่คลายได้ คนที่รู้คงมีเพียงไฉ่เล่ออิงผู้นี้เท่านั้น
#ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยนะคะ ถ้าไม่รบกวนเกินไป กดใจเปิดการมองเห็นให้ไรท์ด้วยนะคะ ขอบพระคุณมากค่ะ