10. ทดสอบ
ไฉ่เล่ออิงชะงักกับคำพูดของคนตัวโต ทว่ามันก็แค่ชั่วครู่เท่านั้น ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงน้อยใจ
“ใจร้าย เดี๋ยวก็เรียกให้มา เดี๋ยวก็ไล่ ชิ! ข้าไปก็ได้ มีบุรุษอีกมากมายรอข้าอยู่ ไม่สนท่านอาแล้ว” ยู่หน้าใส่ก่อนจะสะบัดหนี บรรดาคนสนิทที่ยืนเต็มระเบียงถึงกับทำหน้าเลิ่กลั่ก สบตากันไปมาไม่มีใครกล้าเอ่ยอันใดเลยสักคน
“ไร้ยางอายที่สุด เกิดมาไม่เคยเห็นสตรีใดหน้ามึนไร้การอบรมเยี่ยงนี้เลย นี่ถ้าแม่ทัพตี้รู้ว่าบุตรสาวเป็นเช่นนี้คงเสียใจแย่นะขอรับ” ฉางเฟิงเอ่ยขึ้นมาอย่างเหลืออด
ไป่เสวียนเงยหน้ามองคนของตนที่ปากร้ายยิ่งนัก ปกติไม่เคยเห็นฉางเฟิงจะต่อว่าสตรีเลย ทว่าวันนี้คงเหลืออดกับการกระทำของไฉ่เล่ออิงแล้วจริง ๆ อย่าว่าแต่คนสนิทที่คิดเช่นนั้นเลย แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังนึกรังเกียจ ไม่อยากให้นางเข้าใกล้
ทว่าจะโทษนางฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ไฉ่เล่ออิงคงลำบากมาก ในช่วงที่ต้องต่อสู้ลำพัง ขาดทั้งพ่อขาดทั้งแม่ เด็กน้อยวัยแปดหนาวในยามนั้นกลับเติบโตมาได้ ทั้งยังสร้างอาณาจักรให้ตนเองจนยิ่งใหญ่อย่างที่เห็น ถึงแม้จะมีคนลงทุนให้ก็เถอะ
ทว่าหากนางไม่เก่งพอ คงบริหารทั้งสองหอให้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วแคว้นไม่ได้ เขายอมรับว่านางมีความสามารถในด้านนี้จริง ๆ จึงอยากมาให้เห็นกับตา ที่สำคัญเขามีงานต้องทำด้วย
จ้าวจีหยวนหันมาส่งสายตาดุใส่สหายทันที เพราะเขามาที่นี่บ่อย รู้เห็นความเป็นไปทุกอย่าง สิ่งที่ไฉ่เล่ออิงแสดงออกมา มันมิใช่ตัวตนที่แท้จริงของนางเลย ทว่าหากเอ่ยไปแล้วก็เหมือนทุกคนจะไม่เชื่อ ถ้าผู้เป็นนายอยู่ที่นี่ไปนาน ๆ ก็คงได้เห็นเองว่าคุณหนูไฉ่เป็นคนเช่นไร คำพูดมันคงไม่สำคัญเท่าการกระทำ
“เอ่อ นายท่านอย่าถือสาคุณหนูเลยนะขอรับ อันที่จริงนางไม่ได้เป็นอย่างที่เราเห็นเลยสักนิด อยู่ไปอีกสักพักท่านก็จะเห็นเองขอรับ” คำพูดของคนสนิทมันช่างขัดกับภาพที่เห็นยิ่งนัก
“จีหยวนเจ้าคิดจะแก้ตัวแทนนางกระนั้นหรือ ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่านางไม่ได้ต่างจากสตรีในหอนางโลมเลย ยั่วยวนเก่งจะตาย” ฉางเฟิงยังคงเอ่ยถึงผู้ที่เดินกรีดกรายอยู่ด้านล่าง เรียกเสียงหัวเราะขบขันให้กับบรรดาหนุ่ม ๆ ที่มานั่งดื่มชาฟังเพลง
“สักวันเจ้าจะได้ถอนคำพูด” จีหยวนชี้หน้าสหาย ท่าทางเขาบ่งบอกความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
“หยุดเถียงกันสักที งานที่ให้ไปทำเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงดุดังมาสงบศึกที่กำลังจะเกิด ทำให้ทั้งสองต้องรีบหยุด และต่อมาก็มีชายฉกรรจ์อีกสามคนมาสมทบ ยังความสนใจให้แก่คนที่นั่งรับแขกอยู่ด้านล่างเป็นอย่างมาก
ไฉ่เล่ออิงคอยมองตามกลุ่มคนที่นั่งอยู่บนระเบียงบ่อยครั้ง เพราะท่าทางพวกเขาเหมือนกำลังคิดทำแผนการณ์บางอย่างอยู่ ผู้ที่มาก็ดูเป็นยอดฝีมืออย่างกับกลุ่มองครักษ์
“เถ้าแก่เนี้ยเหม่ออันใดหรือ ข้าถามว่าเมื่อไหร่จะได้ฟังท่านดีดพิณอีกนานแล้วนะที่ท่านไม่ได้เล่นดนตรีเลย” คุณชายซูเอ่ยขึ้น เขาคือแขกประจำของที่นี่ เรียกว่าสิบวันต้องเห็นหน้าเขาเจ็ดถึงแปดวันเลยก็ว่าได้ เพราะชายหนุ่มชอบที่นี่มาก รวมถึงเจ้าของหอที่มีใบหน้างดงามหวานละมุนผู้นี้ด้วย
“ขออภัยคุณชายข้ามัวแต่คิดบางอย่างเพลินไปหน่อย” รีบแก้ตัว ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้อย่างเคย “เช่นนั้นวันนี้ข้าน้อยจะไถ่โทษเป่าขลุ่ยให้ฟังแล้วกันนะเจ้าคะ เพราะดีดพิณคงไม่ไหว” บอกเสียงหวาน ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ต้าจงที่พึ่งกลับมา
ไม่นานนักขลุ่ยหยกสีเขียวก็อยู่ในมือขาว ตามมาด้วยเสียงไพเราะเพราะพริ้งจนแขกเหรื่อในหอต้องหันมาสนใจ
ไฉ่เล่ออิงยืนเป่าขลุ่ยอยู่บนแผ่นหินกลางสระน้ำที่มีความลึกไม่ถึงเข่าด้วยซ้ำ มันถูกสร้างขึ้นมาประดับหอน้ำชาเท่านั้น ด้านล่างมีฝูงปลาหลากสีแหวกว่ายไปมา ราวกับว่าพวกมันก็มาฟังดนตรีเช่นกัน สร้างสีสันความงามให้อย่างน่าตื่นตะลึง เพราะผืนน้ำมีดอกบัวปลูกแซมเอาไว้ด้วย
ภาพที่เห็นจึงไม่ต่างจากสรวงสวรรค์ มีเทพธิดากำลังขับกล่อมดนตรีให้พวกเขาฟัง ยิ่งไปกว่านั้นกลีบดอกอิงฮวาสีชมพูเข้ม ได้พัดปลิวลงมาเพิ่มความงดงามเข้าไปอีก
แม้แต่คนที่ตั้งแง่รังเกียจเมื่อสักพักใหญ่ ยังต้องนิ่งงันราวกับต้องมนต์สะกดเลย เมื่อได้ฟังและเห็นไฉ่เล่ออิงยืนอยู่ท่ามกลางสระบัวด้านล่าง ช่างเป็นจุดชมวิวที่เหมาะเจาะยิ่งนัก
บรรดาแขกเหรื่อต่างก็เอ่ยปากชื่นชมเสียงดนตรี รวมถึงเถ้าแก่เนี้ยของหอ “ใครกันจะโชคดีได้ครองใจนาง” ชายคนหนึ่งที่อยู่บนระเบียงฝั่งตรงข้ามกับกลุ่มของไป่เสวียนเอ่ย
“ข้าอยากเป็นบุรุษผู้นั้นจริง ๆ” อีกคนสำทับ
“เหอะ! ก็แค่สตรีหากินกับบุรุษมิใช่หรือ มีเงินเจ้าก็จ่ายซื้อนางมาก็จบแล้ว นางกล้าปฎิเสธหรือไง” ทว่าอีกคนกลับเห็นต่าง เพราะปกติแล้วสตรีเหล่านี้ก็ซื้อได้ด้วยเงินทั้งนั้น
ไป่เสวียนชักสีหน้าใส่กลุ่มคนเหล่านั้นทันที ทว่าไม่มีใครเห็นหรอก เพราะมัวแต่สนใจสาวงามด้านล่างมากกว่า
“เจ้าพูดผิดแล้ว เถ้าแก่เนี้ยเงินซื้อไม่ได้” คนแรกรีบแย้ง
“เหอะ! ข้าไม่เชื่อ ลองเสนอให้ร้อยตำลึงดูสิ ขี้ค้านจะคลานเข้ามาหา” ชายหนุ่มที่เอ่ยหยันก็ยังยืนยันคำเดิม
“เช่นนั้นเจ้าก็ลองดูสิ” อีกคนท้าทาย
“ได้ เจ้ารอดูได้เลย แต่ถ้าแพ้พนันข้า เจ้าต้องจ่ายมาเท่าตัวนะ ข้าจึงจะยอมลงไป” ชายหนุ่มหน้าตาดียังคงต่อรอง
“ได้! แต่ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าก็ต้องจ่ายเท่าตัวเช่นกันนะ” อีกฝ่ายก็ไม่ยอม ทำให้ทั้งสองทำข้อตกลงกันทันที
ไป่เสวียนมองตามร่างสูงของชายหนุ่ม เขาน่าจะมีอายุไล่เลี่ยกับไฉ่เล่ออิง ใบหน้าก็จัดว่ารูปงามทีเดียว สตรีใดไม่หลงคงเป็นเรื่องยาก เขาจึงนั่งมองดูเฉย ๆ ไม่สั่งให้ลูกน้องขัดขวาง
เสียงขลุ่ยจบลงแล้ว ตามมาด้วยเสียงปรบมือดังขึ้น ร่างเล็กโค้งลงอย่างอ่อนน้อม ก่อนจะก้าวเดินตามแผ่นหินเพื่อกลับมายังศาลา ทว่าใครบางคนกลับขวางไว้เสียก่อน ทำให้นางยังต้องยืนอยู่ในบริเวณสระบัวเช่นเดิม เล่ออิงยังคงส่งยิ้มตามมารยาท
“คุณชายท่านนี้ มีสิ่งใดจะชี้แนะข้าน้อยหรือเจ้าคะ” เอ่ยถามเสียงหวานไม่ต่างจากใบหน้าที่เปื้อนยิ้มในยามนี้
“ข้าอยากได้เจ้าไปปรนนิบัติคืนนี้ หนึ่งร้อยตำลึงพอหรือไม่” ชายหนุ่มรูปงาม ไม่รีรอที่จะยื่นข้อเสนอตามนิสัยของเขา
“หนึ่งร้อยตำลึงหรือเจ้าคะ มันน้อยไปนะ” ยกมือทำเหมือนจะตีอีกฝ่ายด้วยท่าทางเอียงอาย ส่งผลให้คนตรงหน้ายิ้มหยันทันที เพราะนี่เท่ากับว่านางซื้อได้ แต่เงินต้องมากพอ
“งั้นข้าเพิ่มให้อีกห้าสิบตำลึง เจ้าจะว่าอย่างไร” ต่อรองเพื่อให้ตนสมหวัง อย่างน้อยถ้านางตอบตกลงเขาก็เหลืออีกห้าสิบตำลึง หรือต่อให้ขาดทุนชายหนุ่มก็ยอม ขอแค่ได้ยลโฉมนางเป็นพอ พอได้มาเห็นใกล้ ๆ เช่นนี้ เถ้าแก่เนี้ยก็ยิ่งงามจนเขาอยากอยู่บนตัวนางทั้งคืนเสียแล้ว
“แหม…คุณชายช่างใจป้ำเหลือเกินนะเจ้าคะ ทว่าข้าน้อยไม่รับแขกเจ้าค่ะ ร่างกายนี้จะเก็บไว้ให้กับบุรุษอันเป็นที่รักเท่านั้น ถ้าคุณชายสามารถทำให้ข้ารักได้เมื่อใด เราค่อยมาว่ากันนะเจ้าคะ” เอ่ยบอกเสียงหวาน ก่อนจะส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ชิ! คิดจะโก่งค่าตัวน่ะสิไม่ว่า คิดหรือว่าข้ารู้ไม่ทันสตรีเช่นพวกเจ้า เปิดทั้งหอน้ำชาและหอนางโลม ก็เพื่อหาเงินมิใช่หรือ”
ชายหนุ่มเอ่ยหยันทันที และมันก็ทำให้ใครหลาย ๆ คนตั้งหน้าตั้งตารอฟังคำตอบจากปากสตรีตัวน้อยซึ่งนางยังยืนอยู่ที่เดิม โดยเฉพาะไป่เสวียนเขากำลังรอดูว่าไฉ่เล่ออิงจะทำเช่นไร เมื่อเจอสถานการณ์เช่นนี้ และมันคงไม่ใช่ครั้งแรกเป็นแน่ เพราะแม้แต่ผู้ดูแลหรือคนสนิทยังไม่ยอมเข้าไปช่วยเลย
“แหม…คุณชายก็ ใครบ้างจะไม่ชอบเงิน ทว่าสิ่งที่คุณชายปรารถนานั้นมันไม่ได้อยู่ที่นี่นะเจ้าคะ ท่านต้องข้ามฝั่งไปทางนั้นจึงจะได้ในสิ่งที่ต้องการ ที่นี่คือหอน้ำชาหาใช่หอนางโลม สตรีที่นี่เราไม่ขายร่างกายให้กับผู้ใดเจ้าค่ะ” ประโยคท้ายน้ำเสียงดูต่างออกไปมาก มันราบเรียบเย็นยะเยือกอย่างไรไม่รู้ ดวงตาคู่สวยก็ฉายแววคุกรุ่นอยู่ในที พร้อมกับจ้องหน้าบุรุษตัวโตนิ่ง