6. นายหญิงแห่งหอนางโลม
ยามปัจจุบัน ยามเซิน [15:00-16:59]
ไฉ่เล่ออิงแหงนหน้ามองสาวงามอันดับหนึ่งในหอของตนแล้วก็ยิ้มเอ็นดู พี่สาวนอกไส้ผู้นี้ดูมีน้ำมีนวลขึ้นจริง ๆ นางจึงอยากรู้ว่าฝีมือที่ใจ๋ใจ๋มีจะเสื่อมถอยลงด้วยหรือไม่
จึงหันมาคว้าพัดที่วางอยู่สะบัดใส่หน้า อีกฝ่ายก็ปัดป้องในทันที ตามมาด้วยการประลองวิชากันเหมือนแต่ก่อน บนลานกว้างในสวน โดยมีต้าจงยืนลุ้นอยู่บนระเบียง เพราะนานแล้วที่พวกเขาไม่ได้ทำเช่นนี้กันเลย ตั้งแต่ก่อตั้งหอนางโลมก็ว่าได้
ไฉ่เล่ออิงยังคงม้วนตีลังกาอย่างสวยงามเหมือนตอนเด็ก ด้านใจ๋ใจ๋ก็ไม่ยอมแพ้ ต่างคนต่างก็เป็นอาจารย์สอนวิชาให้กันและกัน ประลองคราใดก็หาคนแพ้ชนะไม่ได้ คงมีแต่คนดูเท่านั้นที่ได้กำไร เพราะการต่อสู้นี้หาชมได้ยากยิ่ง
“พอได้แล้วเจ้าค่ะ ใจ๋ใจ๋รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด ตอนนี้ใต้เท้ากรมโยธาเดินทางมาถึงแล้วนะ” เสียงผู้ดูแลดังขึ้นมาห้าม เมื่อทั้งคู่หยุดลงนางก็เดินมาคาระวะไฉ่เล่ออิง
“ทำไมถึงมาเร็วนัก นี่มันพึ่งยามเซินเองมิใช่หรือ” คิ้วสวยผูกกันเป็นปมทันที ก่อนจะเดินมานั่งที่ศาลาริมสระ ส่วนใจ๋ใจ๋แยกตัวกลับไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวรับแขกแล้ว
ต้าจงกระโดดลงมาจากระเบียงตรงมาหาผู้เป็นนาย รอฟังคำตอบจากผู้ดูแลหอนางโลมเช่นกัน
“มีคุณชายสูงศักดิ์จากเมืองหลวงมาด้วยเจ้าค่ะ เห็นว่าเป็นบุตรชายคนรองของกั๋วกง ข่าวคราวเกี่ยวกับคนผู้นี้นายหญิงคงได้ยินมาบ้างแล้ว เขาคือชายหนุ่มเสเพลประจำเมือง คาดว่าตั้งใจมาเที่ยวโดยเฉพาะเจ้าค่ะ” ตู้ชิงหลิวรายงาน
“ขอให้เป็นเช่นนั้น ป้ากลับไปดูแลแขกเถอะ กำชับคนของเราทำหน้าที่ให้ดี อย่าให้เสียชื่อเสียงหอชุยอวี้ได้” เอ่ยแล้วก็ยิ้มหวานส่งให้ ทว่าอีกฝ่ายยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
“มีอันใดอีกหรือ” เอ่ยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ใต้เท้าจ้าวบอกว่าอยากพบเจ้าของหอชุยอวี้เจ้าค่ะ ป้าบอกไปแล้วว่านายหญิงไม่สบาย ทว่า” ตู้ชิงหลิวหยุดไว้เพียงเท่านั้น
“เขาไม่ยอมสินะ ช่างเถอะ เอาเป็นว่าข้าจะไปก็แล้วกัน แต่ให้เขารอหน่อยนะ ก็ข้ายังป่วยอยู่นี่จริงไหม” เอ่ยแล้วก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้ อีกฝ่ายถึงกับทำหน้าแหย ไม่รู้นายของตนจะแผลงฤทธิ์อันใดอีก แต่ละครั้งที่มีคนอยากพบ ไฉ่เล่ออิงมักจะสร้างเรื่องตลอด คราวก่อนก็เอาอะไรไม่รู้มาทาหน้าจนดำไปครึ่งซีก เพื่อหลอกบุตรชายพ่อค้าใหญ่ว่าตนนั้นอัปลักษณ์
“อย่าเล่นจนเกินไปนะเจ้าคะ คนที่มาเป็นขุนนางนะ” คนแก่กว่าเอ่ยด้วยความกังวล เพราะเกรงจะทำให้คนเหล่านั้นโกรธ
“เอาน่า ข้ารู้หรอกว่าสิ่งไหนควรสิ่งไหนไม่ควร” กล่าวพร้อมกับเดินเข้ามาจับไหล่ผู้ดูแลให้หมุนตัว จากนั้นก็ดันให้นางเดิน
“บอกพี่ซูฮวาทำขนมไว้ให้ข้าที่หอน้ำชาด้วยนะป้าตู้” ตะโกนตามหลังหญิงวัยสามสิบเจ็ดที่เดินส่ายก้นเป็นจังหวะ อีกฝ่ายยกมือชูนิ้วโป้ขึ้นแทนการรับคำ พอเล่ออิงหันกลับมานางก็เดินส่ายสะโพกเหมือนผู้ดูแลทำ คนสนิทที่มองอยู่ถึงกับร้องห้าม
“พอเถิดขอรับ” ต้าจงยกมือโบกไปมา
“ชิ! ถ้าเป็นพี่ซูฮวาทำคงชอบล่ะสิ” คว่ำปากใส่เขาด้วย
“ของมันแน่อยู่แล้วขอรับ” คนตอบก็ช่างกระไร ไม่รักษาน้ำใจกันเลยสักนิด จึงได้เห็นสายตาค้อนของผู้เป็นนายทันที ชายหนุ่มเลยได้แต่ยิ้มแห้ง ก่อนจะกล่าวไปเรื่องอื่นกลบเกลื่อน
“นายหญิงจะไปต้อนรับเองหรือขอรับ” ถามเป็นการเป็นงาน
“อืม คงต้องเป็นเช่นนั้น คนกลุ่มนี้มีอำนาจมาก โดยเฉพาะบุตรชายกั๋วกง งานนี้คงทำเป็นเล่นไม่ได้ หอชุยอวี้ของเราอาจได้รับผลกระทบ” น้ำเสียงของนางดูหนักใจไม่น้อย ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะไม่เคยต้อนรับขุนนางที่มียศสูงมาก่อน อย่างมากก็พวกนายกองนายทหาร หรือพวกนายตรวจของเมืองแห่งนี้ ทว่าคนเหล่านั้นนางก็ยังพอรับมือได้ ต่างจากผู้มาเยือนวันนี้
“อย่ากังวลไปเลยขอรับ อย่างไรเสียเราก็มีนายท่านคอยหนุนหลังอยู่ เชื่อว่าไม่มีใครกล้าลงมือกับหอชุยอวี้แน่” ต้าจงทำให้ไฉ่เล่ออิงหวนนึกถึงเรื่องเมื่อหกปีก่อนขึ้นมา
หลังจากช่วยชีวิตสองพี่น้องไว้แล้ว สี่ชีวิตก็ช่วยกันทำมาหากินจนเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง จึงหาทำเลเปิดร้านบะหมี่ ทว่ากิจการมันกลับแย่ลงเรื่อย ๆ จึงต้องกลับมายึดอาชีพเดิมคือหาสมุนไพรขายตามโรงหมอเช่นแต่ก่อน กระทั่งคนของฉีไป่เสวียนติดต่อมาอีก เสนอให้เด็กน้อยทำการค้าในเมืองซูอัน
และนางก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเล จึงเป็นที่มาของหอชุยอวี้และหอชาฮวาอย่างที่เห็น ครึ่งหนึ่งจึงเป็นคนของฉีไป่เสวียน
ทว่าเขากลับไม่เคยเหยียบย่างเข้ามาที่นี่เลย ส่งแค่คนมารับเงินเท่านั้น และผู้ที่มาก็คือจ้าวจีหยวน
“อย่าพึ่งแน่ใจไป พี่ก็เห็นว่าเขาไม่เคยปรากฏตัวสักครั้ง ถ้าเกิดปัญหากับหอชุยอวี้จริง คนที่รับเคราะห์ก็คือพวกเราซึ่งอยู่ที่นี่ต่างหาก เพราะฉะนั้นอย่าประมาทเป็นดีที่สุด” เตือนคนของตน รวมถึงตนเองด้วย เล่ออิงไม่เคยลำพองที่ตนมีคนหนุนหลัง
เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ขนาดนางให้คนสืบก็ยังไม่รู้ที่มาที่ไปแน่ชัด ราวกับตัวตนคนผู้นี้ถูกปิดไว้ รับรู้เพียงว่าเขาคือพ่อค้าที่เดินทางไปทั่วก็เท่านั้น อย่างอื่นสืบไม่ได้แม้แต่ที่พักพิง
“เอาล่ะ พี่ก็ไปเตรียมตัวเถอะ ไปส่งพี่ใจ๋ใจ๋แล้วอยู่เป็นเพื่อนนางก่อนก็ได้ ข้าจะไปอาบน้ำ” เล่ออิงเดินกลับขึ้นเรือน ก่อนเข้าห้องก็เจอกับพี่สาวต่างสายเลือดพอดี
“ดูแลตัวเองให้ดีนะพี่ใจ๋ใจ๋” เอ่ยบอกอย่างเป็นห่วง
“อย่ากังวลเลยเจ้าค่ะ พี่ดูแลตัวเองได้” บอกแล้วก็ยิ้มหวานส่งให้ ก่อนจะย่อตัวลงอย่างอ่อนน้อม จากนั้นก็เดินยักย้ายส่ายสะโพกให้คนด้านหลังมองตามแล้วก็หัวเราะ
“ทำจนติดเป็นนิสัยไปเสียแล้วสินะ” เอ่ยออกมาอย่างเอ็นดู สายตานางยังคงทอดมองไปที่ร่างของใจ๋ใจ๋และน้องชายซึ่งเดินเกาะแขนกันออกไป ทั้งคู่ทุ่มเทมอบชีวิตให้ไฉ่เล่ออิงมาเกือบเก้าปีแล้ว ตั้งแต่นางได้สิบหนาว จนตอนนี้ย่างสิบเก้าแล้ว ทั้งคู่ก็ยังไม่ไปไหน ส่วนแม่นมหว่านได้จากไปแล้วเมื่อเจ็ดปีก่อน ยังไม่ทันได้อยู่อย่างสุขสบายเลยก็มาด่วนตายไปเสียก่อน
อันที่จริงเล่ออิงไม่ได้ยินดีกับการที่ใจ๋ใจ๋ทำงานในหอนางโลมนัก ทว่าอีกฝ่ายอาสาเอง นางบอกว่าชอบที่ได้แต่งตัวสวย ๆ ส่วนเรื่องงานรับแขกนางก็มีวิธีเฉพาะของตน หากไม่ถูกตาต้องใจใครก็อย่าหวังว่าจะได้ร่วมเตียง เพราะใจ๋ใจ๋จะมอมเหล้าจนหลับไปทุกราย ทว่าคนไหนรูปงามร่างกายกำยำ อย่าหวังว่าจะรอดมือจากนางมารสาวผู้นี้เลย ใจ๋ใจ๋จะขอสูบน้ำให้หมดตัวเชียว
เรื่องนี้แม้แต่ต้าจงก็ห้ามไม่ได้ เพราะพี่สาวขอเอาไว้ เขาเห็นว่านางมีความสุขจึงต้องปล่อยเลยตามเลย
เล่ออิงเดินกลับเข้าห้องก่อนจะปิดประตูลงกลอน เพราะนางจะอาบน้ำและแต่งตัว ซึ่งมันต้องใช้เวลานานพอสมควร นางไม่ได้ให้ใครมาช่วย หญิงสาวมักจะจัดการตนเองเช่นนี้เสมอ
มือขาวปลดชุดสุดท้ายที่ห่อหุ้มร่างกายออก เผยผิวขาวอมชมพูให้เห็น พร้อมกับรูปร่างเย้ายวนที่บุรุษทั่วหล้าต่างก็ฝันหา สองเต้าอวบใหญ่เท่าหัวเด็ก ประดับด้วยเม็ดทับทิมสีแดงเรื่อ ขับกับผิวขาวได้ดียิ่งนัก เลื่อนต่ำลงมาก็พบกับสะดือรูปพระจันทร์เสี้ยว รับกับเอวคอดกิ่วเผยสะโพกกลมให้เห็นชัดเจน
หากชายใดได้พบเห็นและสัมผัสคงหลงจนไม่ลืมหูลืมตาเป็นแน่ เพราะสตรีนางนี้หาที่ติไม่ได้เลย ใบหน้าก็งามพริ้งยิ่งกว่าเทพธิดา ทว่าน้อยคนนักจะได้ยลโฉม
นางใช้เวลาอยู่ในบ่อน้ำพักใหญ่ ก่อนจะลุกขึ้นมาเช็ดเนื้อตัวเพื่อแต่งกาย เสื้อตัวในสีขาวบางปลายแขนบานออกถูกหยิบมาสวมหลังจากใส่ต้าโต่ว [ชั้นใน] เรียบร้อยแล้ว ชุดกระโปรงตัวนอกสีเขียวอ่อนก็ถูกนำมาสวมทับแล้วผูกรอบอกไว้ มีสายห้อยระย้าลงมาเป็นรูปทรงดอกไม้สีเขียวเข้ม จึงทำให้ตัดกันดูสวยงาม
ผมดำสลวยถูกมัดครึ่งประดับด้วยปิ่นและเครื่องหัวตามแบบสตรีชั้นสูงในเมือง ที่เหลือปล่อยยาวลงมาดูน่ามอง
ก๊อก! ก๊อก! เสียงบางสิ่งกระทบประตูดังขึ้น ยังความสงสัยมาให้เจ้าของห้องหันไปมอง ทว่ายังไม่ทันที่นางจะเดินไปเปิดประตู อีกฝ่ายก็ก้าวเข้ามาด้านในแล้ว คิ้วสวยผูกกันเป็นปม จ้องมองบุรุษที่กล้าบุกรุกพื้นที่ของตนทันที
“เจ้าเป็นใคร?”