บทที่ 4.1 มากกว่าความลับ
“ทำทุกอย่างอย่างที่ตัวเองมีความสุขเถอะค่ะ คุณให้โอกาสหนูได้มีชีวิตดี ๆ คุณก็ควรให้โอกาสตัวเองได้มีความสุขและได้รับสิ่งดี ๆ บ้าง หนูจะอยู่ตรงนี้เป็นครอบครัว เป็นลูกของคุณเสมอค่ะ คุณแม่” คำพูดของหนูหริ่งทำมัทนามีน้ำตาเอ่อมาคลอเบ้า
“โอย...ซึ้ง ๆ ไม่ไหว” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นขณะที่สูดน้ำมูก ก่อนที่จะหัวเราะเบา ๆ ออกมากลบเกลื่อนความซึ้งที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน
“โอ๊ะ...อย่านะคะคุณ! อย่าร้องค่ะ! เดี๋ยวหน้าที่แต่งมาสวย ๆ จะเปื้อนหมดนะคะ ฮึบไว้ค่ะ!! ฮึบไว้” หนูหริ่งพูดปลอบ พลางก็ทำท่าทำทางสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วกักไว้ในปอดเป็นตัวอย่างให้แม่ทูนหัวของเธอดู มัทนาเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะเบา ๆ ออกมาหนึ่งครั้ง ก่อนที่จะใช้ฝ่ามือของเธอลูบบนผมของเด็กสาวเบา ๆ
“ฉันไปก่อนนะ...” มัทนายิ้มระหว่างที่ยกมือขึ้นทำท่าบ๊ายบายให้กับหนูหริ่งก่อนที่เธอจะเดินไปยังรถมินิคูเปอร์คันเก่งของเธอในโรงรถแล้วขับมันออกไปตามท้องถนน และจากนั้นเพียงไม่ถึงชั่วโมงมัทนาก็มาถึงหน้าบ้านที่เริ่มมีผู้คนพลุกพล่านไปทั่วทั้งในบริเวณงาน
มัทนาหยิบแว่นตาสีดำเลนส์กว้างมาสวมลงใบหน้าเพื่อซ่อนเร้นแววตาของตนเองจากผู้คนในงานที่อาจจะจำเธอได้ก่อนที่เธอจะลงจากรถคันเก่งของเธอ หญิงสาวก้มหน้าสำรวจการแต่งกายของตนเองที่ดูแปลกตาไปจากมัทนาคนเดิม เพื่อทำให้แน่ใจอีกครั้งว่าพวกเขาจะไม่รู้สึกว่าเธอแตกต่างจากสาว ๆ ที่ทยอยเข้ามาร่วมงาน เธอค่อยก้าวขาเดินตามหญิงสาวพวกนั้นเข้าไปยังบริเวณงาน
ในระหว่างที่เธอกำลังเดินปะปนไปกับหญิงสาวคนอื่น ๆ มัทนารู้สึกว่าถูกใครคนหนึ่งกำลังจ้องมองเธออยู่ หญิงสาวจึงเหลือบมองไปทางที่เธอรู้สึก จึงได้พบกับสายตาของแซมที่กำลังมองจ้องเธออยู่จนตาเป็นมันราวกับเสือโหยเห็นเนื้อสมันเช่นนั้น แววตาเจ้าชู้อย่างร้ายกาจของเขาทำให้มัทนารู้สึกขนลุกเกรียวจนต้องรีบก้าวเดินตามหญิงสาวที่ก้าวเดินนำหน้าเธอไป
“รอฉันด้วย” มัทนาแสร้งยกมือขึ้นทำทีพูดกับคนข้างหน้าเพื่อตบตาแซมที่คอยมองเธอไม่ให้คลาดสายตา พลางก็พยายามจะสาวเท้ายาว ๆ แทรกเข้าไประหว่างหญิงสาวพวกนั้น ก่อนที่จะยกมือทาบอกพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก มัทนาไม่รู้ว่าที่แซมมองเธออย่างเอาเป็นเอาตายเป็นเพราะว่าคลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นเธอหรือว่าเธอดันไปแต่งตัวเข้าตาแซมเข้าให้แล้วกันแน่
แดดเริ่มร่มลงในระหว่างที่แสงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้า แสงสีจากไฟนีออนที่ถูกประดับประดาไว้ทั่วบริเวณงานก็เริ่มสุกใสสว่างขึ้นแทนที่แสงสว่างที่ลาขอบฟ้าไป ในขณะเดียวกันเสียงเพลงบรรเลงที่เปิดคลอให้
ผู้มาร่วมงานผ่อนคลายก็ถูกเปลี่ยนจังหวะให้คึกคักขึ้น บริกรชายหญิงเริ่มถือถาดเครื่องดื่มเข้ามาแจกจ่ายให้แขกที่เข้ามาร่วมงาน
มัทนาแฝงตัวอยู่ตรงมุมหนึ่งใกล้กับสระน้ำในบริเวณงาน สายตาของเธอมองเห็นผู้ที่เข้ามาร่วมงานหลายคน และจำได้ว่าหลายคนเป็นเพื่อนในแวดวงของแอนดี้ที่รู้จักเธอ ทำให้มัทนาต้องคอยระวังตัวจากคนพวกนั้นตลอดเวลา แต่เมื่อเวลาผ่านไปร่วมสองชั่วโมงก็เป็นเวลาของพูลปาร์ตี้
หญิงสาวและชายหนุ่มหลายคนที่ถูกว่าจ้างมาให้เอ็นเตอร์เทนเริ่มผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าของตนเองจากชุดนุ่งน้อยห่มน้อยมาเป็นบิกินีชิ้นน้อยที่แทบจะไม่อาจปิดบังอะไรไว้ได้ ทำให้ชายหนุ่มในบริเวณทุกคนต่างก็เทความสนใจไปให้หญิงสาวที่ตอนนี้แทบจะโป๊เปลือยที่เริงร่าอยู่ในสระว่ายน้ำ
จึงได้ทีให้มัทนาเดินตามหาแอนดี้ เพราะตั้งแต่เธอแฝงตัวเข้ามาในงานเธอเห็นแต่เพียงหลังของว่าที่เจ้าบ่าวของเธอไว ๆ แต่มันก็เป็นธรรมดาเพราะเธอไม่ได้บอกกับเขาว่าเธอจะมาร่วมงาน ฉะนั้นแล้ว…การต้อนรับจากเขาจึงไม่เกิดขึ้น
มัทนานึกสนุกที่จะตามหาว่าที่เจ้าบ่าวของเธอ เพื่อที่จะทำเซอร์ไพรส์ เธออยากเห็นสีหน้าของเขาเมื่อเห็นว่าเธอยืนอยู่ตรงหน้าในคืน
สละโสดของเขา มัทนาจึงเดินไปรอบ ๆ งานเพื่อตามหาแอนดี้
ทว่าเธอก็ไม่เจอเขาในบริเวณที่เคยเห็นแผ่นหลังของเขาอยู่ไว ๆ หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินตามเสียงเพลงที่ดังออกมาจากตัวบ้านเข้าไป ภายใน ตัวบ้านเองก็ถูกประดับประดาด้วยไฟแสงสีเช่นกัน ร่างบางยังคงเดินลึกเข้าไปตามเสียงเพลงที่ส่งเสียงอึกทึกตามจังหวะของมัน
ก่อนที่จะเห็นแสงไฟวิบวับลอดออกมาจากช่องประตู ด้วยความสงสัยหญิงสาวจึงเดินตรงเข้าไปยังประตูนั้น มัทนาค่อย ๆ เอื้อมมือเปิดมันออกอย่างแผ่วเบาจากนั้นจึงค่อย ๆ ชะโงกหน้าเข้าไปเพื่อส่องดู พบว่าชายหนุ่มหลายคนรวมทั้งแซมกำลังเพลิดเพลิน สาละวนอยู่กับเรือนร่างหญิงสาวสามสี่คนที่กำลังเต้นระบำยั่วยวนเปลื้องผ้าต่อหน้าพวกเขา
มัทนารู้สึกดีใจว่าแอนดี้ไม่ได้มีส่วนร่วมกับระบำเปลื้องผ้าสุดกระตุ้นอารมณ์ ที่ท้ายที่สุดแล้วอาจจบลงด้วยการสวิงกิ้งเป็นแน่…