บทที่ 3.2 งานเลี้ยงสละโสด
มัทนากลับมานั่งบนเก้าอี้ทำงานตัวเก่งของเธอเพื่อทำงานเช่นในปกติทุกวัน ระหว่างที่เธอหยิบดินสอขึ้นมาถือไว้ในมือคำชักชวนของแซมก็ยังวนเวียนถามอยู่ในความคิดในระหว่างที่เธอจรดดินสอลงขึ้นโครงแบบก็ช่างน้ำหนักระหว่างไปร่วมงานดีหรือไม่ไปดี
ก่อนที่จะตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรออกไปหาปลายสายหนึ่งในรายชื่อที่เธอบันทึกไว้ในโทรศัพท์...
...ลิเดีย...
เพื่อนสาวหนึ่งในนางแบบคู่บุญที่เดินแบบให้กับคอลเล็กชันของเธอตั้งแต่เธอยังเป็นเพียงดีไซน์เนอร์ฝึกหัด ลิเดียมักเป็นที่ปรึกษาทางด้านความรักให้กับเธอเสมอตั้งแต่เธอได้รู้จักและตกลงคบหาดูใจกับแอนดี้ ลิเดียไม่เคยจะเกี่ยงงอนที่จะให้คำปรึกษากับเรื่องรักของเธอสักครั้ง
และในช่วงเวลาที่เธอกำลังสับสนเช่นในตอนนี้...ลิเดียก็มีทางเลือกทางออกที่ดีให้แก่มัทนาเพื่อนรักของเธอ
ชุดสวยและเซ็กซี่ที่สุดที่ถูกแขวนไว้ในตู้ตั้งแต่หลายปีก่อนถูกนำออกมาและส่งให้ร้านซักรีดนำไปซักรีดอย่างเร่งด่วน เพราะคำแนะนำของลิเดีย มัทนาจึงยอมที่จะสละความสันโดษเข้าร่วมปาร์ตี้ในคืนสละโสดของแอนดี้ตามคำชักชวนของแซม
เพียงไม่กี่ชั่วโมงชุดที่ถูกส่งไปซักรีดกับร้านใกล้บ้านก็ถูกนำมาส่งให้ถึงหน้ารั้วบ้านเป็นเวลาที่ประจวบกับที่หนูหริ่งกลับมาจากโรงเรียนพอดี เธอจึงอาสาที่จะรับเข้าบ้านและนำมาให้ผู้เป็นแม่ทูนหัวของเธอ
“มีชุดมาส่งค่ะ หนูกลับมาพอดีเลยรับเข้ามาด้วยเลย” หนูหริ่งยกชุดขึ้นแสดงให้มัทนาดูระหว่างที่สายตาของเธอก็มองชุดสีดำเลื่อมลายแมลงทับในมือของตนเอง
“ชุดสวยมากเลยนะคะ” คำชมของหนูหริ่งทำให้มัทนายิ้มออกมา
“ขอบใจจ้ะ” หญิงสาวยิ้มบาง ก่อนที่เธอจะเอ่ยปากถามเด็กสาวบ้าง
“ไปสอบมาเป็นยังไงบ้างจ้ะ ? ”
“ก็ดีค่ะ แต่ว่าบางวิชาหนูพยายามแล้วยังทำไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลยค่ะ” น้ำเสียงของเด็กสาวแฝงความวิตกเอาไว้
“อะไรที่ไม่ถนัดเราก็ทำแค่ที่ทำได้ก็พอจ้ะ ความพยายามเอาไว้พยายามกับสิ่งที่เราถนัดจะดีกว่า” มัทนาให้คำปรึกษาไปยิ้มไป เพราะเธอเองก็เลือกที่จะทิ้งสิ่งที่ไม่ถนัดไว้ข้างหลังเช่นกัน
“โอเคค่ะ” หนูหริ่งยิ้มยกมือทำสัญลักษณ์โอเค
“คุณจะไปแฮงค์เอ้าท์ใช่มั้ยคะ ? ” หนูหริ่งเอ่ยถาม เธอไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการที่มัทนาจะออกไปข้างนอก แต่สิ่งที่เธอสะดุดใจก็คือการแต่งตัวของมัทนาแม่ทูนหัวของเธอ
เพราะการแต่งตัวส่วนใหญ่ที่หนูหริ่งคุ้นเคย มัทนามักแต่งตัวอย่างทะมัดทะแมง เธอชอบใส่เสื้อเชิ้ตตัวโคร่งและกางเกงสกินนี่(กางเกงยืดแนบเนื้อ) เพื่อที่จะไปไหนมาสะดวกเธอไม่ใช่พวกที่ชอบใส่ชุดสวยเรี่ยราด ถึงแม้วัน ๆ เธอจะนั่งอยู่ที่เก้าอี้เขียนงานวันละหลาย ๆ ชั่วโมงก็ตามที ในครั้งนี้จึงรู้สึกแปลกใจมากในการเลือกเครื่องแต่งกายของมัทนา แต่อีกใจก็อยากเห็นมัทนาใส่ชุดเลื่อมพรรณรายสีเปลือกแมลงทับตรงหน้านี้เสียเร็ว ๆ
“ฉันจะไปปาร์ตี้จ้ะ ปาร์ตี้สละโสดของแอนดี้ ว่าที่เจ้าบ่าวของฉัน” มัทนารู้สึกจักจี้ที่ริมฝีปากเมื่อพูดคำว่าเจ้าบ่าวจึงทิ้งหางเสียงแผ่ว ๆ ตรงท้ายประโยค
“น่าสนุกนะคะ ปาร์ตี้สละโสด” หนูหริ่งพึมพำเมื่อเห็นสีหน้าของมัทนาที่ดูไม่ค่อยมีความมั่นใจสักเท่าไหร่
“คงอย่างนั้นมั้งจ๊ะ” มัทนาฉีกยิ้มในขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้นยืน
“คุณต้องสนุกกับมันสิคะ...เราคิดทำอะไรแล้วทุกสิ่งนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ดี ๆ ทั้งนั้น คุณเคยพูดไว้กับหนูแบบนี้” หนูหริ่งพูดพร้อมกับค่อย ๆ เดินเข้าไปหามัทนาผู้ซึ่งเป็นแม่ทูนหัว
“จ้ะ...มันต้องดีแน่” มัทนายิ้มสดชื่นทั้งที่ภายในใจไม่ได้รู้สึกสดชื่นอย่างรอยยิ้มเท่าไหร่
“คืนนี้ไม่ต้องรอฉันนะ ปิดบ้านได้เลยอาจจะกลับดึกหน่อย เดี๋ยวฉันใช้กุญแจวิเศษเอง”
“ค่ะ”
มัทนาส่งยิ้มให้หนูหริ่งอีกครั้งก่อนที่จะหอบหิ้วเอาชุดสวยสีเปลือกแมลงทับเดินขึ้นบนห้องลับจากสายตาของหนูหริ่งไป
หลังจากที่หายตัวขึ้นไปบนห้องราวสักชั่วโมงเห็นจะได้มัทนาก็เดินลงบันไดมาพร้อมกับชุดที่เธอเพิ่งส่งไปซักรีด
หนูหริ่งที่กำลังนั่งกินข้าวโพดป๊อบอย่างสบายใจหันมองชุดเปิดไหล่ข้างหนึ่ง ผ่าเฉียงขึ้นสูงถึงหน้าขาสีเขียวเลื่อมเปลือกแมลงทับที่สวมอยู่บนเรือนร่างของมัทนาด้วยดวงตาลุกวาว
“หนูร้องหวงแม่ทันมั้ยคะ ? ” คำถามของหนูหริ่งทำเอามัทนาหน้าเสียเพราะภายในใจของเธอก็คิดเป็นห่วงความรู้สึกของหนูหริ่ง
“ถ้าหนูหริ่งไม่สบายใจฉันไม่แต่งก็ได้ อยู่ไปแบบนี้ก็ได้นะ” เด็กสาวได้หุบยิ้มลงในทันที เพราะรู้สึกผิดกับคำพูดของตนเอง
“หนูขอโทษค่ะ หนูไม่คิดว่าคุณจะรู้สึกไม่ดี...กับคำพูดของหนู” หนูหริ่งพูดเสียงอ่อน
“หนูหริ่งเป็นเหมือนลูกสาวของฉัน เราต้องอยู่กันไปอีกนานเลย ฉันไม่ค่อยได้ดูแลเธอเท่าไหร่ ฉันเลยรู้สึกว่ายังทำหน้าที่ไม่ดีพอเลยไม่กล้าจะใช้คำว่าแม่แทนตัวเอง...ฉันคิดว่าถ้าการกระทำของฉันทำให้เธอรู้สึกไม่ดี ฉันก็ยินดีทำให้เธอสบายใจ” มัทนาเปิดอกพูด
หนูหริ่งยิ้มก่อนที่จะวางชามข้าวโพดลงบนโซฟาแล้วเดินมากอดผู้เป็นแม่ทูนหัว