บทที่ 2 มอมเมา 2
แต่สุดท้ายแล้วผมกลับคิดไม่ถึงเลยว่า รุ่นน้องที่ผมเคยคบสมัยเรียนมหา’ ลัย จะกลายมาเป็นคนรักของพี่ชายผม ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอยังทำให้พี่ชายของผมเจ็บปวดและเสียใจอย่างมหันต์ ถึงขั้นต้องหันหน้าไปพึ่งสารเสพติด จนทำให้สติสัมปชัญญะขาดหาย กินยานอนหลับเกินขนาดเพื่อจบชีวิตของตัวเองในที่สุด
และในตอนที่รู้ว่าชนิกานต์คือคนรักที่หักอกและทำลายจิตใจพี่ชายของเขา จนทำให้ชีวิตของพี่ชายของเขาเสียหลักถึงขั้นพบกับจุดจบอันโหดร้าย สิ่งเดียวที่เขาคิดได้ในเวลานั้นคือทุกสิ่งทุกอย่างอาจจะเกิดขึ้นเพราะชนิกานต์ต้องการแก้แค้นเขา...
แก้แค้นที่เขาเคยทิ้งหล่อนไป
ใช่...รุ่นน้องคนนั้นที่ผมเคยคบหรือจะเรียกว่าแฟนเก่าก็คงไม่ผิดคือชนิกานต์ อิงครัต ผู้หญิงคนที่กำลังหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนรถยนต์ส่วนตัวของเขาในเวลานี้...
พาหนะสี่ล้อสมรรถนะสูงแบรนด์ดังจากยุโรปเลี้ยวเข้าสู่คอนโดมิเนียมใจสุดหรูใจกลางกรุงเทพมหานครก่อนจะเลี้ยวเข้าช่องจอดรถส่วนตัวตรงใต้ตึกสูงสิบแปดชั้น อันเป็นสถานที่สำหรับพักผ่อนชั่วครั้งชั่วคราวของพฤทธิ์ที่เดือนหนึ่งจะมาเยือนสักครั้ง เพราะปกติแล้วชายหนุ่มจะพักอยู่ที่บ้านจิรวีปกรณ์เป็นหลัก นับตั้งแต่ย้ายกลับมาอังกฤษเมื่อสามเดือนก่อน
ครอบครัวจิรวีปกรณ์ทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่สมัยต้นตระกูลราวๆ รัชกาลที่หกและดำเนินกิจการสืบต่อกันเรื่อยมาจนมาถึงรุ่นของคุณพ่อและพี่ชายของเขา ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น พี่ชายของเขาก็เพิ่งจะเข้ารับตำแหน่งประธานบริษัทได้เพียงปีเศษๆ ก่อนที่พี่ชายของเขาจะเสียชีวิตไป
และด้วยความที่คุณพ่อของเขาวางมือจากงานในบริษัทไปเป็นปีแล้ว บวกกับที่เขาไม่ต้องการให้บุพการีต้องเหนื่อยทั้งกายทั้งใจอีก จึงได้ตัดสินใจลาออกจากบริษัทที่ทำงานอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เพื่อกลับมารับช่วงต่อกิจการของครอบครัว ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยคิดจะกลับมาทำหน้าที่ตรงนี้เลยสักครั้งซึ่งเหตุผลหลักๆ ก็เพราะว่าธุรกิจตรงนี้มีพีรเชษฐ์ดูแลอยู่แล้ว
พฤทธิ์เป็นคนชอบถ่ายรูปมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแม้ว่าจะเลือกเรียนบริหารตามความต้องการของครอบครัว แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยทิ้งความชอบนั้นของตัวเอง และต่อมาเมื่อได้มีโอกาสไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ก็เหมือนมีช่วงเวลาที่เขาจะได้ทำตามความฝันของตัวเองอีกครั้งและงานที่ชายหนุ่มทำตอนที่อยู่อังกฤษก็คือการช่างภาพนั่นเอง
เพราะด้วยความชอบและมีใจรัก บวกกับพรสวรรค์ที่แสวงหาเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย พฤทธิ์ก็สามารถเป็นช่างภาพฝีมือดีที่หลายๆ บริษัทต้องการร่วมงานด้วยได้อย่างไม่ยากเย็นและถ้าหากว่าพีรเชษฐ์ไม่มาด่วนจากไปอย่างกะทันหันเสียก่อน แน่นอนว่าพฤทธิ์เองก็คงไม่มีทางทิ้งงานที่ตัวเองรักกลับมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวรภายในเร็วๆ นี้แน่นอน
และในตอนนี้...พฤทธิ์ก็กำลังใช้พรสวรรค์ในการถ่ายภาพของตนในทางมิชอบอย่างยิ่ง อาทิการตั้งกล้องเพื่อถ่ายภาพหญิงสาวคนหนึ่งที่เวลายังไม่ได้สติอยู่บนเตียง
ด้วยความที่คอนโดหรูใจกลางเมืองแห่งนี้เป็นโครงการของจิรวีปกรณ์ ดังนั้นพฤทธิ์จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งชายหนุ่มยังสามารถเรียกดูหรือตรวจเช็กระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่ได้ด้วยตัวเองตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ซึ่งนั่นก็หมายความว่า...ไม่ว่าต่อจากนี้เขาจะทำอะไรกับชนิกานต์ คนอื่นก็จะไม่สามารถล่วงรู้ได้หรือต่อให้รู้แต่ก็ไม่สามารถตามหาหลักฐานได้อย่างง่ายดาย เพราะทุกอย่างในห้องนี้ รวมไปถึงทุกอย่างในคอนโดสิบแปดชั้นแห่งนี้ล้วนตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
ต่อให้เขาฆ่าชนิกานต์ตายตรงนี้...เธอก็จะกลายเป็นเพียงบุคคลที่หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยในความคิดของใครหลายๆ คนเท่านั้น
ทว่า...การฆ่าผู้หญิงคนนี้ให้ตายไปนั้นเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายดายเกินไป เขาเองก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้น เพราะต่อให้รู้สึกเกลียดชังมากแค่ไหน เขาก็จะไม่ยอมให้อีกฝ่ายตายด้วยน้ำมือของเขาเด็ดขาด
เพราะมันคงสะอิดสะเอียนน่าดู...
“ไม่เจอหน้ากันกี่ปีนะนีนี่? ทำไมความสวยของเธอมันถึงได้ลดลงไปเยอะขนาดนี้” พฤทธิ์ว่าพร้อมกับมือหน้าที่ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของหญิงสาวออก
“ขี้เหร่ขนาดนี้ พี่พีหลงเธอหัวปักหัวปำไปได้ยังไงฮะ!” พฤทธิ์จัดการลอกคราบคนบนเตียงจนเหลือแต่เพียงชุดชั้นในเสร็จก็ผละออกมายืนดูผลงานตัวเองด้วยสายกึ่งเย้ยหยัน
ชายหนุ่มจำได้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ยังคบๆ ขั้วๆ กับชนิกานต์อยู่นั้น หล่อนเป็นผู้หญิงที่มีผิวขาวนุ่มทั้งยังเนียนละเอียดมาก ดูเป็นคุณหนูไฮโซที่ไม่เคยต้องสัมผัสกับแสงแดดภายนอกเลยสักครั้งอย่างไรอย่างนั้น ผิดกับในตอนนี้ที่นอกจากผิวจะดูคล้ำขึ้นกว่าเดิม แล้วเนื้อหนังเธอยังแห้งกร้านกว่าเดิมมาก ราวไม่ทาครีมบำรุงผิวมาหลายเดือนแล้วอย่างไรอย่างนั้น