บทที่ 3 กระตุกหนวดเสือ (1)
บทที่ 3 กระตุกหนวดเสือ (1)
สองสัปดาห์มานี้ชีวิตในภูเก็ตของแอนดี้แทบจะหาความสงบสุขไม่ได้สักวัน เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเริ่มปรากฏตัวตามสถานที่ต่าง ๆ เขาจะต้องพบเจอหญิงสาวผู้เป็นเสมือนเงาตามตัวของเขาเสมอ
มาลีรินทร์มักจะคอยป่วนตามประกบเขาแจในทุกที่ที่เขาอยู่ เพื่อประกาศตัวกราย ๆ ว่าแอนดี้เป็นของเธอแล้ว ด้วยหวังจะกันคู่แข่งทุกคนของเธอออกให้ห่าง มิหนำซ้ำหากว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาหลบลี้หนีหน้าละก็ เขาจะต้องวุ่นวายกับการตามเช็ดตามล้างที่เธอได้ทำไว้ บิลค่าใช้จ่ายจากหนี้ที่ชายหนุ่มไม่ได้ก่อมักมาหลังจากนั้นเสมอ และนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขาหัวเสียอยู่ทุกวี่วัน หากไม่เพราะกลัวเป็นข่าวฉาวเขาคงจะหักหน้าหล่อนด้วยการไม่จ่าย แล้วส่งเธอไปนอนคุกสักคืนสองคืนเพื่อดัดนิสัย
ก๊อก ก๊อก!!
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้งก่อนจะมีหนุ่มร่างบึกผลักประตูเข้ามา โดยที่ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องกำลังยืนจัดแต่งทรงผมอยู่ตรงหน้ากระจก เขาเพียงปรายสายตาขึ้นสบก่อนจะหมุนตัวหันหน้ามา
“คุณมาลีรินทร์ ไปแล้วครับท่าน ท่านสบายใจได้แล้วนะครับ”
คำรายงานเพียงประโยคเดียวทำเอานักธุรกิจหนุ่มผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งใจ แอนดี้ยกยิ้มมุมปากก่อนจะถามออกไป
“ไปไหน? เอ่อ..ช่างเถอะ ฉันไม่ได้อยากรู้เรื่องนั้นสักเท่าไหร่”
“ครับ.. ส่วนประวัติของเธอ อีกสองวันคุณภาดาจะรายงานให้ท่านทราบทันทีที่ท่านถึงกรุงเทพครับ เพราะข้อมูลของเธอมีน้อยมาก ๆ เหมือนกับว่ามีใครจงใจลบประวัติส่วนตัวของเธอ หรือไม่อย่างนั้นก็อาจเพราะเธอเพิ่งกลับมาอยู่ที่ไทยได้ไม่นานครับ” หนุ่มร่างบึกรายงานในสิ่งที่เขาได้รับมอบหมายให้ผู้เป็นเจ้านายฟัง
“เด็กหัวนอกสินะ!!”
แอนดี้พึมพำขึ้น เมื่อนึกถึงคืนที่เขาบังเอิญไปได้ยินสำเนียงเนทีฟจากปากของมาลีรินทร์ที่กำลังถกเรื่องปรัชญาเศรษฐศาสตร์กับชายตาสีฟ้าในงานเลี้ยงค่ำวานนี้ กระนั้นก็ยังฟันธงเรื่องชนชั้นของเธอไม่ได้ แม้ภายนอกหญิงสาวจะดูหัวสูงปี๊ดและดูท่าจะจบการศึกษามาค่อนข้างดีก็ตาม เพราะสิ่งที่เธอทำไว้กับเขามันช่างขัดกับภาพลักษณ์เหล่านั้นเสียเหลือเกิน
“มีอะไรอีก?” แอนดี้ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีทีท่ากระอักกระอ่วนที่จะรายงานบางสิ่งให้เขารับรู้
“เอ่อ…ผู้จัดการของโรงแรมที่คุณมาลีริทร์เข้าพัก มาขอพบท่านครับ”
“มาลีรินทร์!!!”
………………
ฮัดชิ้ววว!!
“โอ้ยยย อากาศเมืองไทยต้องทำฉันป่วยตายก่อนแน่ ๆ ภูเก็ตเมื่อวานฝน กรุงเทพวันนี้แดดเปรี้ยงเลย”
สาวสวยที่สภาพตอนนี้ยับเยินเกินกว่าจะพบหน้าใครได้บ่นพึมพำขึ้น เธอกำลังนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงกว้าง จมูกข้างนึงของเธอถูกยัดไว้ด้วยกระดาษทิชชู พร้อมเสียงซู้ดน้ำมูกเป็นระยะ ๆ
แต่นี่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้มาลีรินทร์ต้องรีบระเห็จกลับกรุงเทพด่วน แต่เหตุผลสำคัญนั่นก็คือ ใกล้สิ้นเดือน…เหมือนใกล้สิ้นใจ…
“อีกตั้งสองวันกว่าเงินเดือนจะเข้า…ฉันไม่ยอมอดตายอย่างอนาถในที่หนาวเหน็บ หดหู่ วังเวงจนปวดใจอย่างที่นี่หรอก”
พูดจบเธอก็แหงนหน้าขึ้นพลางกลอกตากวาดมองไปรอบ ๆ ห้องพักหรูขนาดกว่า 100 ตารางเมตร ซึ่งเป็นสมบัติราคาแพงชิ้นเดียว ที่เธอมีชื่อของเธอเองระบุเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ ซึ่งมันตั้งตระหง่านอยู่บนทำเลทอง ใจกลางสีลม และที่ซุกหัวนอนนี้เป็นที่ที่เธอไม่ต้องกังวลเรื่องรายจ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าจิปาถะใด ๆ เพราะมีผู้อุปการะคุณจัดการมันให้ทั้งหมด
เพราะทันทีที่บิลค่าใช้จ่ายแสดงตัวเลขราคาแจ้งเตือนเข้ามา เพียงสิบนาทีต่อมายอดหนี้จะเปลี่ยนจากสถานะค้างจ่ายเป็นปกติทันที รวมทั้งเงินสามหมื่นบาท จะถูกโอนเข้าบัญชีเธอทุก ๆ วันสิ้นเดือนตอน 8 โมงเช้าแม้ว่ามันจะไม่ได้พอยาไส้กับไลฟ์สไตล์ที่เกินฐานะของเธอในตอนนี้ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย เมื่อเธอเลือกที่จะรับเงินน้อยนิดนี้แลกกับอิสรภาพของตัวเอง
คิดได้ดังนั้นหญิงสาวก็กลิ้งตัวหลุน ๆ และคลานลงเตียงก่อนจะชันตัวลุกขึ้นเดินไปยังห้องนั่งเล่น และรื้อหาบางสิ่งในกระเป๋าสะพายก่อนจะชูกระดาษแผ่นบางยาวขึ้นมา พานให้ดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำตารื้น
“กะจะเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักเดือน..”
คิดได้ดังนั้นมาลีรินทร์ก็หมุนตัวกลับเข้าห้องนอนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อออกไปจัดการแปลงตัวเลขบนเช็คเปลี่ยนเป็นเงินสด หนึ่งแสนบาทถ้วน เข้าบัญชีทันที
…………
สามสิบนาทีต่อมามินิคูเปอร์รุ่นลิมิเต็ดคู่ใจก็เคลื่อนออกจากลานจอดรถของคอนโดหรู เพื่อมุ่งเข้าสู่ใจกลางกรุงที่การจราจรกำลังติดเหง็ก
“เฮ้อ…ออกมาได้ถูกเวลาจริง ๆ รินเอ้ย”
มาลีรินท์บ่นพลางยกมือเรียวดันแว่นกันแดดขึ้นไปคาดไว้บนศีรษะ หน้าสวยที่วันนี้มีเพียงเครื่องสำอางบางเบาโปะกลบความอิดโรยจากไข้หวัด เธอหันมองรถเลนซ้ายขวาที่ขนาบกับเธอที่ไม่มีทีท่าจะขยับสักนิด เธอลดกระจกลงเพื่อมองหางแถวของรถที่ยาวเหยียดสุดลูกตา ก่อนจะพ่นลมหายใจเหนื่อยอ่อนออกไปหนึ่งเฮือก และเอียงหน้าฟุบลงไปกับพวงมาลัยรถโดยหันหน้าออกไปทางกระจกข้างอย่างรอเวลา ราวเกือบห้านาทีรถมินิก็สามารถเคลื่อนตัวออกไปได้ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเธอได้ตกเป็นเป้านิ่งให้สายตาคู่หนึ่งตั้งแต่เกือบสิบนาทีที่แล้วแล้ว
“ตามมั้ยครับท่าน?”
“ไม่ต้อง… ฉันจะเข้าบ้านเลย ให้คนไปสืบเลขทะเบียนรถมา”
“ครับท่าน”
ชายหนุ่มหน้าตาคมคายยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก ทว่าดวงตาของเขากร้าวแข็งจนน่ากลัว เขาสะบัดขาแว่นกันแดดให้กางออกก่อนจะยกมันขึ้นสวม ขณะมองท้ายรถคันเล็กที่เคลื่อนเลี้ยวแยกไปคนละทางกับเขาอย่างสนใจ