บท
ตั้งค่า

ฆ่าปิดปาก

ตั้งแต่กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เธอก็ยังถูกกระทำแบบเดิมไม่มีเปลี่ยน นับวันความไร้ตัวตนของเธอยิ่งหนักเข้ามากยิ่งขึ้น เพียงเพราะว่า แม่ของเธอเป็นหญิงสาวที่มาจากชนบทจริง ๆ หรือ แล้วที่ผ่านมา พ่อไม่ได้รักแม่หรืออย่างไร จนถึงตอนนี้เอง จินเฟิงยังค้นหาคำตอบในความสงสัยนั้นไม่ได้เลย  ตั้งแต่เธอลืมตาขึ้นมาดูโลกนี้ แม่ก็เป็นเพียงคนเดียวที่โอบอุ้มเธอมา

บ้านเสิ่นไม่เคยปฏิบัติดีกับแม่เลยสักครั้ง นั่นสาเหตุเป็นเพราะย่าเสิ่นและปู่ไม่ชอบที่แม่เป็นหญิงสาวบ้านนอก  มันน่าแปลกใจไหม ทั้งที่คนเหล่านั้น ทำเรื่องไม่ดีกับแม่ แต่แม่ก็ยังคงสั่งสอนให้เธอนั้นกตัญญูกับปู่ย่า แล้วก็พ่อ ทำไมแม่ถึงโง่เสียจริง ๆ จินเฟิงนั่งคิด ขนาดที่คิ้วเริ่มขมวดด้วยความสงสัย

มือเรียวบาง ทว่าหยาบกระด้างเพราะการทำงานมาแรมปี ตั้งแต่เล็กจนโตขึ้นมา ไม่เคยมีสักวันที่จินเฟิงจะได้ใช้ชีวิตได้อย่างสุขสบาย สมกับที่เป็นทายาทตระกูลเสิ่น

เสื้อผ้าของคนในตระกูลส่วนใหญ่ต้องซักมือเท่านั้น และหน้าที่นี้เป็นของเธอมาตั้งแต่จำความได้ เคยมีครั้งหนึ่งที่จินเฟิงซักเสื้อผ้าแม่ใหญ่ไม่สะอาดพอ เรื่องราวเพียงเล็กน้อย แต่คนเหล่านั้นกลับตบตีเธอจนบอบช้ำ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสายตาของคนเป็นพ่อ แต่ไร้ซึ่งการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

จนบางครั้งจินเฟิงก็คิดเหมือนกัน ว่าเธออาจไม่ใช่ทายาทตระกูลเสิ่นจริง ๆ  แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อแม่ของเธอ ดีเกินกว่าที่จะทำแบบนั้นอย่างแน่ ๆ 

"รีบซักผ้าเร็วหน่อยจินเฟิง ในครัวยังมีงานที่ต้องทำอยู่"

"ค่ะป้า"

ความบอบบางของเธอในอดีต ถึงทำให้คนอื่นเอาเปรียบได้ง่าย ๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่แปลก เพราะเธอนั้นเติบโตมาจากแม่ที่บอบบางและอ่อนโยนประหนึ่งแก้วที่บางคล้ายจะแตกหักเอาเสียได้ง่าย ๆ 

ชีวิตก่อนเธอจดจำได้อย่างดี ว่าการกลับมาของหัวหน้าแก๊งมังกรมันยิ่งใหญ่มากขนาดไหน ทางรอดเดียวของเธอในตอนนี้ คือคว้าหัวใจของผู้ชายคนนั้นมาให้ได้ เพียงแต่ว่าด้วยนิสัยของอีกฝ่ายแล้ว การที่จะได้มาซึ่งหัวใจมังกรที่ดุร้ายแบบนั้น มันมีราคาที่ต้องจ่ายมากมายทีเดียว

อาหารมื้อกลางวัน ก็ยังคงเป็นข้าวกับผักดองไม่เปลี่ยน

"มองอะไร ได้อาหารแล้วก็รีบไปสิ"

"ค่ะ ๆ "

"ต้องให้โมโห "

คนงานที่เป็นคนของแม่เลี้ยง ยังคงกลิ่นแกล้งจินเฟิงตามคำสั่งของนายหญิงมาตลอด ไม่เคยมีความรู้สึกผิดเลยสักครั้ง มีแต่ความรู้สึกสาแก่ใจ เป็นถึงทายาทตระกูลเสิ่น แต่ชีวิตการเป็นอยู่นั้น ย่ำแย่เสียมากกว่าคนใช้ในบ้าน น่าสมเพชจริง ๆ 

ตระกูลโจว

พ่อเฒ่าตระกูลโจวเห็นว่าหลานชายอาการเริ่มทรุดลง ถึงได้เริ่มคิดว่าหรือให้ตระกูลเสิ่นแต่งเข้าบ้านโจวมาได้แล้ว เรื่องอื่นเขาไม่อยากวุ่นวายมากเท่าไหร่ แต่สำหรับเรื่องการหมั้นหมายและแต่งงานกับตระกูลเสิ่น นี่มันเป็นเรื่องราวที่สำคัญ และบ่งบอกถึงความมั่นคงของตระกูลโจว

"ฉันจะไปทวงถามเรื่องแต่งงานกับตระกูลเสิ่น"

คนเป็นปู่เอ่ยกับหลานชายที่นอนซมอยู่กับที่ นับวันอาการยิ่งหนักลง เฟยหลงไม่ยอมกินอาหารอะไรเลย นานนับวันร่างกายถึงได้ดูอิฐโรย

"ใครจะมาอยากแต่งงานกับคนที่นอนป่วยเป็นผักแบบผม ปู่หยุดความคิดนั้นเถอะ"

น่าเหลือเชื่อแม้ว่าหลานชายตัวดีจะป่วยหนัก แต่ก็ยังคงมีเรี่ยวแรงที่จะเถียงปู่อย่างเช่นเขา ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือว่าร้องไห้ออกมาดี

"ทำไมล่ะ แกสมควรที่จะแต่งงานได้แล้ว"

เฟยหลงคิดว่าปู่ช่างไม่ดูสภาพของเขาในตอนนี้เลย แล้วคนอย่างอ้ายหนิงน่ะหรือที่จะยอมแต่งงานกับคนป่วยใกล้ตายแบบเขา ตอนนี้ไม่ใช่ว่าไปแอบมีความสัมพันธ์กับฉิงฮั่น ลูกชายบ้านโจวสายรองอยู่แล้วหรือ ผู้หญิงก็น่าสมเพชแบบนี้เหมือนกันหมด  กระบอกตาร้อนผ่าวด้วยความเกลียด เขารู้สึกว่ามันคงไม่มีจริง ๆ สำหรับผู้หญิงที่พร้อมลำบาก และพร้อมต่อสู้กับเขาไปแม้ในวันที่โหดร้าย

"เอาเถอะ ปู่อยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ"

ถามว่าเขาสามารถที่จะลุกเดินไปมาได้หรือเปล่า นั่นเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่เพราะไม่ค่อยมีแรงมากเท่าไหร่พยาบาลที่บ้านรองจ้างมาเลยแนะนำให้เขานอนพัก ช่างถือเป็นการดูแลที่ทำให้ผู้ป่วยนอนเป็นผักเร็วดี จริง ๆ 

"อาหารมาแล้วค่ะ"

เมื่อคนเป็นปู่เห็นว่าถึงเวลาอาหารของหลานชาย ถึงได้ไม่รบกวนอีก เขาแค่หวังดีอยากให้หลายชายแต่งงาน การมีภรรยาเข้ามาช่วยดูแล อย่างไรแล้วนั่นก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือยังไง

อาหารวันนี้ยังคงเป็นอาหารที่บำรุงสุขภาพ

"ฉันไม่กิน เธอกินมันสิ"

พยาบาลสาวตัวสั่น เพราะเธอรู้อยู่แก่ใจว่าอาหารสำหรับคุณชายโจวนั้น เป็นสิ่งที่ต้องห้าม

"คือว่า ฉัน"

"นี่คือคำสั่ง"

รอยยิ้มร้าย ยิ้มผ่านวูบหนึ่งก่อนที่จะหายไป พยาบาลสาวมือสั่นน้ำตาไหลพรากยามที่ตักอาหารของคุณชายโจวเข้าปาก เธอรู้ดีว่าในอาหารนั้นมีพิษผสมอยู่ ใครจะคิดว่าวันนี้คุณชายโจวจะเป็นบ้าบังคับให้ตนเองกินอาหาร ถ้าหากไม่กินเข้าไปมันก็จะน่าสงสัย แต่ถ้ากินมันเข้าไป มันก็เป็นอันตรายถึงชีวิต

"ฉันไม่กล้าค่ะ"

ชามอาหารตกแตกละเอียด ก่อนที่พยาบาลสาวจะวิ่งออกมาจากห้องของคุณชายโจว เรื่องนี้ถูกรายงานถึงบ้านรองอย่างรวดเร็ว คิดหรือว่าเมื่อพยาบาลคนนั้นจะมีชีวิตรอด ไม่มีทางที่บ้านรองจะปล่อยให้รอดไปอยู่แล้ว เพียงไม่นานข่าวอาชญากรรมก็ขึ้นหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ แต่นั่นแหละจับมือใครดมไม่ได้อยู่ดี

เฟยหลงกระตุกยิ้มมุมปาก เขาหยิบแว่นสายตาขึ้นมาสวมหลังจากที่ต้าหลางกับต้าหลงแอบเข้ามาในตอนกลางดึกคืนหนึ่ง

"ผู้นำครับ เห็นทีว่าบ้านตระกูลรองเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว" ต้าหลางเริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เจ้านายฟัง พยาบาลสาวคนนั้นถูกฆ่าปิดปาก ลูกน้องบอกว่าเบื้องหลังตระกูลรองจ่ายเงินไปมากพอสมควร ที่จะทำให้คดีนี้จบลงอย่างรวดเร็ว

"อืมรู้แล้ว พวกนายก็อย่าทำตัวให้เป็นเป้ามากนัก ควบคุมกิจการทุกอย่างให้ดีเท่านั้น ระหว่างนี้คนพวกนั้นก็น่าจะแสดงท่าทีออกมามากมายทีเดียว"  

"ครับ"

ลูกน้องสองคนถอยออกไปอย่างเงียบสงบ ด้วยความเก่งกาจของฝาแฝดคู่นี้ เขาไว้ใจว่าไม่มีทางที่ใครจะตามร่องรอยได้ เรื่องราวทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนการ

ดวงตาคู่คมมองผ่านออกไปท่ามกลางความมืด เพราะการช่วงชิงขั้วอำนาจของการเป็นผู้นำตระกูลโจว เขาถึงสูญเสียพ่อแม่ไป  ตระกูลรองไม่คิดถึงสิ่งไหน นอกจากสิ่งที่มาซึ่งอำนาจของตนเอง เป็นความเห็นแก่ตัวที่ทำให้เฟยหลงยิ้มไปไม่ถึงดวงตา 

รุ่งเช้าวันถัดมา

จินเฟิงออกจากบ้านหลังจากที่เธอนั้นจัดการงานในส่วนของตนเองเสร็จแล้ว เธออยากรีบออกจากบ้านที่ไม่แตกต่างจากขุมนรกแห่งนี้ให้เร็วมากที่สุด เท่าที่จะทำได้  รอแค่โอกาสนั้นมาถึง เธอจะออกไปโดยที่ไม่ลังเล

สำหรับวันนี้ จินเฟิงจะไปจัดการกับเงินเก็บจำนวนหนึ่งในบัญชีของแม่ โดยการคิดที่จะเอาเงินในส่วนนั้นไปซื้อที่ดินในเขตที่ถูกมองข้าม ในอนาคตที่ดินในส่วนนั้นราคาจะสูงมากว่าเดิมมากถึงสิบเท่า และมูลค่าสูงขึ้นเรื่อย ๆ 

จินเฟิงถอนเงินออกมาหนึ่งแสนหยวน สำหรับราคาที่ดินในส่วนนั้นหนึ่งแสนหยวนสามารถซื้อที่ได้หลายห้องทีเดียว หลังจากติดต่อซื้อและโอนที่ดินมาเป็นชื่อของตัวเองเรียบร้อย ก็กลับบ้านในช่วงใกล้มืดแล้ว เธอเตรียมตัวมาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ถูกลงโทษอย่างแน่นอนอยู่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอจะได้รับในอนาคตแล้ว ต่อให้โดนตีจนหลังลาย นั่นก็คุ้มค่า

"จินเฟิง นายท่านเสิ่นเรียกเธอเข้าพบ"

น่าแปลกใจที่วันนี้ คนบ้านเสิ่นถึงได้มีสีหน้าประหลาดออกไปเสียสักหน่อย อย่าบอกนะว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นจะเกิดขึ้นแล้ว เธอนั่งลงบนพื้นตามที่เคยทำมาตลอด

"มาแล้วก็ดี ฉันจะไม่ถามหรอกนะว่าเธอหายไปที่ไหนมา แต่เธอรู้ตัวนะว่าเธอเป็นทายาทตระกูลเสิ่นคนหนึ่งเหมือนกัน"

นั่นเป็นเสียงของคนเป็นย่า ท่าทางที่พูดเหมือนมีน้ำใจแบบนั้นคืออะไร ย่าเสิ่นใจดีมากถึงขนาดนี้หรอกหรือ มันไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปได้ ถ้าเธอไม่สามารถที่จะทำประโยชน์อะไรให้ได้ มีหรือที่อีกฝ่ายจะยินยอมที่จะพูดดีแบบนี้ได้

"ค่ะ"

หลังจากที่เห็นว่าปฏิกิริยาเชื่อฟังของจินเฟิงเป็นอย่างไร ย่าเสิ่นกับแม่เลี้ยงของเธอก็ไม่ลังเลที่จะพูดถึงเรื่องที่จะส่งเธอไปแต่งงานแทนน้องสาว

"เถอะนะ อ้ายหนิงยังต้องมีอนาคตอีกยาวไกล ถือเสียว่าเสียสละเพื่อน้อง" แม่เลี้ยงเอ่ยออกมาอย่างเสแสร้ง เรื่องนี้จินเฟิงรู้เป็นอย่างดี

เสียสละอย่างนั้นหรือ อยากจะหัวเราะออกมาให้ฟันร่วงจริง ๆ ที่ผ่านมามีใครที่ปฏิบัติดีกับเธอบ้าง ไม่ใช่ว่าแค่อาหารก็ปฏิบัติกับคนใช้ดีกว่าเธอที่เป็นตระกูลเสิ่นเหมือนกันคนหนึ่งหรือ ทว่าพูดออกไปก็เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรที่ดีขึ้นมาเท่าความเงียบ

"ถ้าเป็นแบบนั้น ส่งฉันไปแต่งงานกับคุณชายโจวแทนน้องสาวก็ได้ค่ะ"

อ้ายหนิงยิ้มออกมาอย่างดีใจเป็นคนแรก เหมือนกับยกภูเขาออกจากอก การที่ไม่ต้องแต่งงานกับสามีที่ขี้โรคนับว่าเป็นสิ่งที่ดี สำหรับสามีที่มีแต่ความอัปมงคล เหมาะสมกับจินเฟิงแล้วล่ะ เหมาะสมกันมากซะเหลือเกิน

"ดี อีกหนึ่งเดือนข้างหน้าตระกูลโจวจะจัดงานแต่ง เตรียมตัวให้ดีล่ะ"

แน่นอนว่าตระกูลเสิ่นก็รักหน้าตา ไม่อยากให้ใครว่าได้ว่าคนบ้านเสิ่นนั้นละเลยเจ้าสาวของตระกูลโจว ทุกคนปิดหูปิดตาทำดีกับจินเฟิง อ้ายหนิงถึงกับให้เสื้อผ้าดี ๆ แก่คนเป็นพี่สาวครั้งแรก อย่างน้อยตัวไร้ค่าในวันวานก็ทำประโยชน์กับเธอได้ในวันนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel