บทย่อ
ในฉงหมิงไม่มีใครยิ่งใหญ่กว่าเขา สวรรค์เมตตาให้กลับมาครั้งนี้ ไม่มีทางที่เธอจะปล่อยให้ขาทองคำคู่นี้หลุดลอยไปแน่ใครว่าเขาจะตกต่ำกัน มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่คิดได้เธอจะใช้ความรักดักมังกรให้ดู
ผู้นำที่ป่วย
ในปี ค.ศ. 1997 เป็นช่วงต้นฤดูร้อน ทว่าอากาศในวันธรรมดาที่ว่าร้อนแล้ว สถานการณ์ในตระกูลโจวก็ร้อนไปยิ่งกว่า ในเมื่อผู้นำอย่างโจวเฟยหลงล้มป่วยด้วยอาการที่ไม่รู้สาเหตุ เป็นเพราะตระกูลโจวเป็นที่หนึ่งแห่งการส่งออกสินค้า ไม่ว่าจะเป็นจำพวกอาหารแปรรูป หรือแม้กระทั่งสิ่งทอที่มูลค่าสูง แน่นอนว่าเมื่อผู้นำล้มป่วย ไม่อาจที่จะทำหน้าที่ได้เต็มร้อย ก็มีบ้านรองที่คอยจ้องจะเสียบแทนอยู่ตลอดเวลา
"อาหารมาแล้วค่ะ"
สาวใช้ถือชามอาหารที่มีควันกรุ่นลอยออกมา แม้แต่พยาบาลประจำตัวก็อดที่จะกลืนน้ำลายลงคอไม่ได้ อาหารเช้าสำหรับผู้นำโจวในเช้านี้ คือโจ๊กหอยเป๋าฮื้อ สำหรับตระกูลที่ยิ่งใหญ่แล้ว ต่อให้กินอาหารพวกนี้ในทุกวันก็ไม่มีทางที่จะจนลง ในเกาะฉงหมิงในตอนเหนือของเซี่ยงไฮ้แล้ว เป็นพื้นที่สำคัญของเซี่ยงไฮ้
"ทานโจ๊กก่อนเถอะนะคะ"
พยาบาลที่ตระกูลโจวสายรองจ้างมา พยายามที่จะพยุงคนเป็นคนป่วยให้ลุกขึ้นมากินโจ๊กในชาม ทว่าโจวเฟยหลงกลับตอบกลับมานิ่ง ๆ
" ฉันไม่อยากกิน"
ผู้นำโจวปฏิเสธอาหารเสียงเข้ม แม้ว่าร่างกายจะเริ่มผอมแห้งลงไปมากเท่าไหร่ เขาก็ไม่คิดที่จะกินอาหาร เหล่าคนใช้ได้แต่จนใจ และรายงานเรื่องนี้ไปถึงนายท่านตระกูลโจวสายรอง อย่างน้อยนายท่านโจวสายรองก็เป็นญาติที่เหลืออยู่ของผู้นำโจว ถ้าไม่นับท่านปู่โจว ที่วางมือจากกิจการทุกอย่างแล้ว
เพียงไม่นานเรื่องที่โจวอาการแย่ลงทุกวันก็มาถึง โจวฮั่นเฉินผู้เป็นน้องชายของบิดาของโจวเฟยหลงหรือที่โจวเฟยหลงเรียกว่าอารอง พูดให้ถูกก็เป็นตระกูลโจวสายรอง มิใช่ทายาทตระกูลโจวสายหลักอย่างเช่นโจวเฟยหลง เพราะเช่นนั้นแล้วเมื่อไหร่ที่เขายังอยู่ ตระกูลโจวสายรองไม่อาจที่จะกล้าเอื้อมมือขึ้นมาได้
" แล้วเมื่อไหร่ไอ้เฟยหลงมันจะหายไปจากโลกนี้ได้สักที ผมเบื่อที่ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของมันแล้ว"
โจวฉิงฮั่นเอ่ยออกมาอย่างติดรำคาญ เขาออกที่จะไปในทางคุณชายเจ้าสำราญมากกว่าการสนใจเรื่องกิจการ แค่ต้องการความยิ่งใหญ่และเหนือกว่าญาติผู้พี่เท่านั้นที่คนอย่างเขาต้องการ ตั้งแต่เล็กจนโต เขามักจะเป็นคนเดียวที่ถูกคนอื่นเปรียบเทียบกับเฟยหลงมาโดยตลอด
"แกใจเย็นหน่อยสิ คิดจะทำการใหญ่ไม่ใช่ว่าต้องใจเย็นกว่านี้หรอกหรือ รับรองว่าอีกไม่นานทุกอย่างที่เป็นของมันจะต้องเป็นของครอบครัวเรา"
"ผมต้องการคู่หมั้นของมันด้วย ดาราสาวตระกูลเสิ่นคนนั้น"
ฉิงฮั่นยิ้มออกมาอย่างมาดร้าย เขามีอีกหลายวิธีที่จะได้มาซึ่งผู้หญิงคนนั้น มีใครบ้างที่ต้องการที่จะแต่งกับผู้ชายที่นอนรอความตายแบบนั้น แค่คิดแล้วฉิงฮั่นก็รู้สึกสาแก่ใจขึ้นมา ถ้าเก่งจริงก็เอาชนะเขาในตอนนี้ให้ได้สิ
"แกก็อย่าประมาทให้มันมากเกินไป เจ้าเฟยหลงมันอยู่ในวงการนี้มานานหลายปี แกคิดหรือว่ามันจะหมดเขี้ยวเล็บ ทำอะไรก็อย่าประมาทให้มันมากเกินไป"
สำหรับเสิ่นอ้ายหนิงเธอเป็นดาราที่ขึ้นชื่ออยู่ในยุคนี้ ต้องเรียกได้ว่านี่คงเป็นยุคทองเลยก็ว่าได้ เป็นเพราะได้อำนาจจากตระกูลโจวที่ช่วยหนุนหลัง ถึงทำให้เสิ่นอ้ายหนิงอยู่ในวงการมาได้อย่างดี นับวันยิ่งเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ในเซี่ยงไฮ้มีใครบ้างที่ไม่รู้จักดาราสาวอย่างเสิ่นอ้ายหนิง
ทว่าตอนนี้ใบหน้าสวยกำลังเคร่งเครียด เมื่อคู่หมั้นที่สมบูรณ์แบบของเธอล้มป่วย และยังไม่แน่เลยว่าอีกฝ่ายจะมีโอกาสกลับมาหายดีอีกหรือไม่ เธอไม่ได้ต้องการที่จะแต่งงานกับผู้ชายที่นอนเป็นผักแบบนั้นเสียสักหน่อย ชีวิตนางเอกแบบเธอจะมาจบลงแบบนั้นได้อย่างไรกัน ทว่าตอนนี้ชีวิตในวงการของเธอขึ้นอยู่กับตระกูลโจว ถ้าหากว่าจะถอนหมั้นกับอีกฝ่ายนั่นคงจะเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่
"คุณเสิ่นเตรียมตัวเข้าฉากเลยครับ"
อ้ายหนิงวางแก้วน้ำลง ก่อนที่จะเดินไปเข้าฉากได้อย่างมีความเป็นมืออาชีพ ไร้ซึ่งสิ่งที่วิตกกังวลเหมือนดั่งเช่นก่อนหน้านี้ ตระกูลเสิ่นนั้นได้ทำพันธสัญญาหมั้นหมายลูกสาวเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ในช่วงแรกเสิ่นอ้ายหนิงก็คิดว่านั่นมันเป็นเรื่องราวที่ดี แต่ปีที่ผ่านมานี้เธอเริ่มคิดว่ามันไม่ดีเลย
"คุณเสิ่นครับ มีคนฝากช่อดอกไม้มาให้"
อ้ายหนิงรับช่อดอกไม้ที่ทีมงานส่งมาให้อย่างมึนงง เธอคิดว่าอาจเป็นแฟนคลับสักคนหนึ่ง ไม่ได้ใส่ใจที่จะเปิดอ่านข้อความในจดหมายมากนัก
"ได้ข่าวว่าคู่หมั้นของเธอล้มป่วยไม่ใช่หรือ ทำไมถึงมีกะจิตกะใจมารับงานได้ล่ะ"
เพื่อนร่วมวงการนั่งลงและเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจอีกฝ่ายมากนัก เพราะสนิทกันระดับหนึ่งถึงกล้าที่จะเอ่ยถามถึงเรื่องราวเหล่านั้นได้
"ทำไมฉันต้องดูแลด้วยล่ะ ก็มีพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่นี่"
เสิ่นอ้ายหนิงตอบไปแบบไม่ใส่ใจ เอาจริง ๆ ถ้าหากในตอนนี้คุณชายโจวหมดประโยชน์แล้ว เธออาจตัดทิ้งไปแล้ว แต่ตอนนี้หน้าที่การงานของเธอยังคงต้องพึ่งอำนาจมังกรอย่างเขาอยู่
"สมกับเป็นเธอจริง ๆ"
เสิ่นอ้ายหนิงยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ คนอย่างเธอนั้นยังต้องใส่ใจอะไรอีกกันหรือ ตอนที่ลุกออกจากกองถ่าย ยังไม่ลืมที่จะหยิบช่อดอกไม้เมื่อครู่ติดมือไปด้วย จะทิ้งก็เสียดายไปหน่อย เพราะดอกไม้พวกนี้น่าจะราคาแพงทีเดียว
สำหรับในเซี่ยงไฮ้ถือว่ารุ่งเรืองมากทีเดียวในยุคนี้ ความรุ่งเรืองนี้เป็นเรื่องที่ดีสำหรับดารานักแสดงที่กำลังเป็นดาวรุ่ง ในขนาดเดียวกันก็มีดาราหลายคนที่ดับไปพร้อมกับความรุ่งเรืองเหล่านี้
"สวัสดีครับ"
โจวฉิงฮั่นดักรออีกฝ่ายระหว่างทาง เสิ่นอ้ายหนิงแปลกใจเล็กน้อย แต่เธอก็พอจะจำได้ว่าอีกฝ่ายคือลูกชายตระกูลโจวสายรอง และที่สำคัญถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับโจวเฟยหลง คนที่รับช่วงผู้นำต่อก็คือโจวฉิงฮั่นคนนี้
"สวัสดีค่ะ คุณโจว"
รอยยิ้มบางอย่างกระตุกขึ้น คนอย่างอ้ายหนิงไม่มีทางที่จะไปตกต่ำตามผู้ชายที่นอนเป็นผักแน่ ๆ คนที่ทำอะไรไม่ได้ยังจะมีประโยชน์อะไรอยู่อีกล่ะ ใบหน้าของโจวฉิงฮั่นละม้ายคล้ายคลึงคู่หมั้นของอ้ายหนิงอยู่หลายส่วน พูดให้ถูกคืออีกฝ่ายหน้าตาดี แม้ว่าเรื่องหน้าตานั้นจะเทียบโจวเฟยหลงไม่ได้เลยก็ตาม แต่ก็ถือว่าดูดีมาก ๆ
"ผมหิวจังเลย เราไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่าครับ"
ทั้งสองไม่รู้เลยว่าทั้งสายตาและการกระทำของทั้งคู่ อยู่ในสายตาของสายตาของคนสนิทของเฟยหลงเรียบร้อยแล้ว ที่จริงเจ้านายของเขาพอจะรู้ก่อนหน้านี้แล้วว่าคู่หมั้นของตนเองนั้นเป็นคนอย่างไร น่าเสียดายแทนผู้หญิงโง่คนนี้จริง ๆ
สำหรับแก๊งมังกรที่โด่งดังที่สุดในเขตทางเหนือ ไม่เคยมีใครที่จะมาโค่นล้มได้เลยสักครั้ง ผู้นำที่ถนัดใช้สมองมากกว่ากำลังแล้ว จะมีอะไรน่ากลัวมากกว่านี้อีก
"ผู้หญิงคนนั้นโง่จริง ๆ "
แฝดพี่อย่างต้าหลางหันไปพูดกับแฝดน้องอย่างต้าหลง ทั้งคู่เติบโตที่ฉงหมิง ตั้งแต่จำความได้ พ่อแม่ของเขาก็เป็นหนี้บุญคุณตระกูลโจวสายหลัก
" เพราะแบบนี้สินะ "
"นั่นน่ะสิ "
หลังจากที่มองหน้ากัน ก็เริ่มติดตามทั้งคู่ไปที่ร้านอาหารสุดหรู สำหรับคนที่อยู่ในระดับสูงเท่านั้นถึงจะเข้าไปด้านในได้ ด้วยอำนาจของแก๊งมังกรแล้วไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าไปในนั้น
"เหมือนว่าตระกูลโจวสายรอง กำลังจ้องจะทำอะไรบางอย่าง น่าขำชะมัด"
ต้าหลางเอาเมนูอาหารนั่งมอง เพียงกระซิบเบา ๆ กับต้าหลงเท่านั้น
"เหอะ ทิ้งเพชรไปหาก้อนกรวด ดีจริง ๆ "
ในขนาดที่อ้ายหนิงกับฉิงฮั่นเริ่มพูดคุยอย่างสนิทสนมกันมากขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างถูกอัดเอาไว้ในกล้องเล็ก ๆ อย่างแนบเนียน ไม่มีอะไรที่ผู้นำตระกูลโจวจะไม่รู้
"รับอะไรดีคะ"
พนักงานเดินมารับออร์เดอร์ ทั้งสองถึงรีบสั่งอาหารมาคนละอย่างสองอย่าง แม้พนักงานจะแปลกใจเล็กน้อย ที่เห็นว่าผู้ชายสองคน หน้าตาคล้ายคลึงกัน ซ้ำยังชอบกินอาหารคล้ายกันอีก แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจ เพราะว่าอีกฝ่ายเป็นฝาแฝดกัน
"รอสักครู่นะคะ "
เพียงไม่นานอาหารก็ถูกจัดเสิร์ฟ ทุกอย่างส่งกลิ่นหอมจนตอนนี้ท้องของสองพี่น้องเริ่มหิวขึ้นมาจริง ๆ ตอนนี้งานที่เจ้านายสั่งมาก็เสร็จบรรลุไปแล้ว พวกเขาคงทานอาหารเพื่อเป็นรางวัลได้แล้ว