ตอนที่ 9 ห้าปีผ่านไป
...5 ปีต่อมา...
“มาร์ตินคะ” สองมือเรียวคล้องลำคอแกร่ง ก่อนที่ร่างผอมเพรียวจะค่อยๆ หย่อนตัวลงบนตักของชายหนุ่ม มาร์ตินที่กำลังนั่งอ่านบทอยู่รีบว่างเอกสารลง หันมาให้ความสนใจแฟนสาวที่คบหากันมานานถึง 4 ปี “วันนี้ที่คุณพูดกับนักข่าว...หมายความว่ายังไงหรอคะ”
“ก็ตามนั้นเลยครับ ผมว่าเราสองคนก็คบกันนานแล้ว...มันคงถึงเวลาอันสมควรแล้วแหละ”
“แต่คุณควรบอกอลิสก่อนนะคะ ไปบอกกับนักข่าวว่าจะหมั้นกันเร็วๆ นี้ อลิสก็ทำตัวไม่ถูกสิ”
“ทำไมครับ หรืออลิสไม่อยากหมั้นกับผม” มือใหญ่เกลี่ยปอยผมปกหน้างามออก จมูกโด่งเคลื่อนเข้าไปจุมพิตหน้าผากนูนสวย หญิงสาวคลี่ยิ้มหวานละมุนก่อนจะซบหน้าลงบนแผ่นหน้าอกแกร่ง ส่วนสองแขนก็กอดรัดร่างหนาของแฟนหนุ่มไว้แน่น
อลิส หรือ อลิสสา นางแบบสาวสวยสุดเซ็กซี่ที่กำลังโด่งดังอยู่ในตอนนี้ เธอมีดีกรีเป็นถึงนักเรียนนอกและยังเป็นลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวผู้ทรงอิทธิพลในประเทศด้วย ทั้งคู่พบรักกันที่งานแห่งหนึ่งเมื่อ 4 ปีที่แล้ว จากนั้นก็สานสัมพันธ์กันมาเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นแฟนกันในที่สุด ซึ่งอลิสสามีอายุน้อยกว่ามาร์ติน 3 ปี ตอนแรกที่คบกัน แฟนคลับไม่ค่อยสนับสนุนเท่าไหร่เพราะมาร์ตินถือได้ว่าเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่โด่งดังที่สุดในตอนนี้ แต่ด้วยฐานะทางสังคม รวมไปถึงความเพียบพร้อมในหลายๆ ด้าน ทำให้อลิสสาสามารถก้าวผ่านกำแพงของแฟนคลับไปได้
แต่เมื่อวานนี่สิ แฟนหนุ่มของเธอแอบกระซิบบอกนักข่าวว่าจะหมั้นกันในเร็วๆ นี้ ทำให้วันนี้เป็นข่าวโด่งดังไปทั่วทั้งเอเชีย แฟนคลับแห่แสดงความยินดีกันอย่างล้นหลาม ในขณะที่เธอเพิ่งรู้ข่าววันนี้
“อยากสิคะ แต่คุณควรบอกอลิสก่อนนะคะ เวลานักข่าวถามจะได้ตอบตรงกัน”
“ก็ผมอยากเซอร์ไพรซ์คุณนี่” เขากอดร่างของแฟนสาวแน่นขึ้น ความรักที่มีต่ออลิสสาถือว่าชัดเจนแล้ว ตลอดระยะเวลาที่คบกันเขาไม่เคยไปวอแวกับใครเลย เรียกได้ว่าอลิสสาเข้ามาปราบเสือของแท้
เขาอยากชีวิตกับผู้หญิงคนนี้ไปจนแก่เฒ่า อลิสสาเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างเอาใจเก่งแต่ไม่เจ้ากี้เจ้าการ ในช่วงที่แฟนคลับยังไม่ยอมรับ เธอก็อดทนสู้อยู่หลายปีจนสามารถก้าวผ่านอุปสรรคไปได้ เขาไม่ได้รู้สึกเสียดายเลยที่สละโสด ไม่เคยรู้สึกหนักใจสักนิดว่าเรทติ้งจะตก กลับกันมันยิ่งทำให้นักข่าวอยากรู้เรื่องของเขากับแฟนสาวมากขึ้น กระทั่งเขาต้องพักงานละครไปเกือบสองปีเพราะอยากใช้เวลาส่วนตัวกับแฟนสาวก่อนเข้าพิธีหมั้น หลังจากนั้นถึงจะกลับไปทำงานในวงการอีกครั้ง
“เซอร์ไพรซ์มากเลยค่ะ อลิสตกใจมาก” หญิงสาวจุ๊บแก้มแฟนหนุ่มเบาๆ แต่เหมือนว่ามันจะไม่จบแค่นี้ เพราะอะไรบางอย่างของมาร์ตินแข็งขึ้นจนแทงสะโพกงอนงาม ดวงตาหวานฉ่ำจ้องตากัน ก่อนที่มาร์ตินจะเคลื่อนหน้าเข้ามาประกบริมฝีปากบางอย่างอ้อยอิ่งแล้วแปรเปลี่ยนเป็นจูบแสนดุดัน มือตวัดเกี่ยวสายชุดนอนออกจากหัวไหล่สวย
“ผมขออะไรสักอย่างได้ไหมครับ” น้ำเสียงแหบพร่าสุดแสนเซ็กซี่เอ่ยขึ้น
“อะไรคะ”
“ปีนี้ผมจะจองคุณไว้ก่อน แต่ปีหน้าเราต้องแต่งงานกันนะ”
“เร็วขนาดนี้เลยหรือคะ”
“ผมอยากมีลูกก่อนอายุ 35 ปี”
“มาร์ตินคะ” อลิสสาหยุดการกระทำ ใช้สองมือรั้งต้นคอแกร่งเอาไว้ “อลิสว่ามันเร็วไปนะคะ”
“ทำไมครับ หรืออลิสไม่อยากมีลูกกับผม”
“อยากมีค่ะ...แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้” เธอปฏิเสธทางอ้อม มาร์ตินพูดเรื่องนี้ประจำจนเริ่มชินแล้ว แต่ใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดขอวงเธอได้เพราะยังต้องใช้เรือนร่างในการทำงานอยู่ “คุณก็รู้ว่าอลิสเป็นนางแบบ เรื่องหุ่นคือเรื่องสำคัญ ถ้ามีลูก อลิสอาจจะโดนตัดออกจากแฟชั่นวีคที่มิลานก็ได้”
“แล้วคุณจะไปทำงานให้เหนื่อยทำไมครับ คุณก็รู้ว่าผมสามารถเลี้ยงดูคุณได้ตลอดชีวิต”
“แต่อลิสรักงานเดินแบบค่ะ อลิสก็เพิ่งเข้าวงการเมื่อไม่กี่ปีเอง อลิสรู้นะคะว่าคุณอยู่ในวงการนานจนเริ่มอิ่มตัวแล้ว แต่อลิสขอได้ไหมคะ....เราอย่าเพิ่งพูดเรื่องลูกเลยนะ”
เป็นอีกครั้งที่มาร์ตินโดนแฟนสาวปฏิเสธจนหน้าชา ตลอดระยะเวลาที่คบกันเธอให้เขาป้องกันตลอด เพราะกลัวพลาดท้องขึ้นมาแล้วจะเสียการเสียงาน
“คุณงอนอลิสหรอคะ” เธอถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นแฟนหนุ่มเงียบไป
“ไม่ได้งอนครับ ผมแค่ไม่อยากมีลูกตอนแก่”
“รอหน่อยนะคะ อลิสสัญญาว่าจะมีลูกให้คุณแน่นอน” ริมฝีปากเล็กจุ๊บแก้มสากเบาๆ เหมือนเป็นการง้อ เพราะยังไงมาร์ตินก็เปลี่ยนความคิดเธอไม่ได้หรอก “ไว้อลิสพร้อม...อลิสจะบอกคุณนะคะ”
และบทรักถูกดำเนินต่ออย่างเร่าร้อน เธอรู้ดีว่ามาร์ตินงอนแต่เชื่อว่าไม่กี่วันก็หายเพราะเขามักเป็นแบบนี้ประจำ มาร์ตินคือคนเดียวที่เธอรักและเป็นคนเดียวที่เข้าใจเธอมากที่สุด หากแต่ว่ายังไม่ใช่เวลาที่จะต้องมีลูก งานและชื่อเสียงสำคัญกว่า เพราะเธอเพิ่งถูกเสนอชื่อให้ไปร่วมงานแฟชั่นวีคที่มิลาน หนทางตรงนี้ยังอีกยาวไกลไม่มีใครสามารถเปลี่ยนความคิดของเธอได้อย่างแน่นอน
ในขณะที่อีกฟากหนึ่ง...
“ป้าจ้ะ หมูปิ้งสี่ไม้จ้ะ”
เสียงหวานใสของหญิงสาวหน้าตาสะสวยดังขึ้น เธอหยิบแบงค์สีเขียวในกระเป๋าออกมาสองใบยื่นให้แม่ค้าพร้อมถอนหายใจยาวพรืด หมูปิ้งไม้ละสิบบาทน่าจะเป็นอาหารประจำชีวิตไปแล้วมั้ง
ดวงตากลมโตฉายแววเศร้า หมูปิ้งไม้ละสิบบาทเธอกินแค่สองไม้ ส่วนอีกสองไม้แบ่งให้ลูกชายตัวน้อยๆ กิน ความจริงก็อยากพาลูกไปทานอาหารดีๆ ที่ภัตตาคารเหมือนคนอื่นบ้าง แต่ยอดเงินอันน้อยนิดที่มีพอประทังชีวิตไปวันๆ กินได้มากสุดแค่ร้านหมูกระทะข้างทาง
เป็นห้าปีที่ค่อนข้างลำบากพอสมควร หลังจากที่รู้ว่าตัวเองท้องเธอก็ไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยเหมือนเพื่อนๆ เพราะไม่มีเงินส่งตัวเองเรียนเนื่องจากต้องเก็บเงินไว้ให้ลูกน้อย แต่ก็ไม่ได้ตัดช่องน้อยแต่พอตัว เธอจึงเลือกเรียนมหาวิทยาลัยเปิดแทน จะเข้าไปทีก็แค่ตอนสอบ
เอมิกาเรียนจบด้านบัญชีมา ตอนนี้ทำงานเป็นนักการบัญชีที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน เงินเดือนแค่หมื่นสองแต่ต้องเลี้ยงทั้งครอบครัว เพราะนิโลบลไม่เคยส่งเงินมาให้ครอบครัวใช้เลย ทำให้เธอต้องทำงานเสริมโดยการรับจ้างแจกใบปลิวหลังเลิกงาน ก็พอได้ค่าข้าววันละร้อยสองร้อย เก็บหอมรอมริบไปเรื่อยๆ เพราะอีกไม่กี่เดือนลูกชายก็จะเข้าโรงเรียนเรียนแล้ว
แต่ละวันผ่านไปด้วยความเหนื่อยล้า ได้แต่บอกตัวเองว่าสักวันเดี๋ยวมันก็ดีขึ้น โชคดีที่ปริยภัทรคอยส่งคนมาดูแลอยู่เรื่อยๆ ทำให้คนในบ้านไม่กล้าทำอะไรเธอกับลูก แต่ก็แอบมีกลั่นแกล้งลูกชายตัวน้อยๆ บ้างเช่นปิดประตูไม่ให้เข้าบ้าน เธอก็ไม่ได้อยากให้ลูกอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้หรอก แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่บริษัทในตัวเมืองรับเข้าทำงาน เธอจะย้ายออกจากบ้านหลังนี้ทันที ตอนนี้ก็เท่ากับว่าทนๆ อยู่ไปก่อน
กึก!
รถสองแถวจอดที่หน้าบ้านเก่าๆ หลังหนึ่ง เธอจ่ายค่าโดยสารสิบสองบาทแล้วล้วงกุญแจเปิดประตูรั้วผุๆ พังๆ เข้าไป แต่ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นลูกชายตัวน้อยๆ นั่งรออยู่หน้าบ้านทั้งๆ ที่ช่วงนี้ยุงค่อนข้างชุก
“ออสติน...ลูกมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้!”