3
เฟยฉี(ธิดาเทพ)รวบรวมพลังของนางอย่างที่สุด ดวงจิตเจียนแตกสลาย แต่นางห่วงแสนห่วงหลายชีวิตที่นับจากนี้ไม่อาจดูแลพวกเขาได้ กระนั้น อย่างไรต้องหาคนมาฟูมฟักสี่ก้อนซาลาเปาให้เติบโต และไม่รู้ด้วยสาเหตุใด ขอทานผู้นั้นจึงมีจิตผูกพันกับหญิงสาว
หากจะว่าไปแล้ว ก็เป็นเพราะถูกชะตา อีกทั้งดวงคล้ายจะมีสิ่งเกื้อหนุนกัน หลายวันที่ผ่านมา นางได้พบไป๋ซินหลิวฝู และติดตามอีกฝ่ายอยู่เงียบๆ ผ่านกระแสจิต แลtรับรู้ว่าขอทานผู้นี้มีจิตใจดี มากด้วยความเข้มแข็ง ผิดแต่พื้นดวงน่าสงสารอยู่สักหน่อย ชีวิตนับว่าสั้นนัก กระทั่งจู่ๆ เฟยฉีได้เห็นเงาหนึ่งล่องลอยไปมา มีความแค้นอัดแน่น เงาดังกล่าว เดี๋ยวพุ่งเข้าพุ่งออกพยายามเข้าไปสิงร่างของขอทาน
ความแค้นคนผู้นั้น ก็ไม่ต่างจากเฟยฉี และนับว่าดี เพราะนางจะช่วยส่งเสริมให้ผู้มาสวมร่างขอทานให้อยู่เหนือผู้อื่น ไม่ถูกใครมารังแกง่ายๆ อีกทั้งไม่เบาปัญญาจนไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมพวกที่อ้างตนว่าเป็นฝ่ายธรรมะ และนางจะมอบปราณของธิดาเทพให้อีกฝ่ายไว้รับมือผู้อื่น พลังดังกล่าวนี้ เรียกได้ว่าเทียบเท่ากับผู้ฝึกวรยุทธ์อย่างหนักมานับยี่สิบปีเลยทีเดียว
“ฝากเจ้าด้วยนะ... หลิวฝู”
แสงหนึ่งพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่มันจะหายแวบผ่านริมฝีปากของไป๋ซินหลิวฝูที่เผยอขึ้นเล็กน้อย
คนที่นอนด้วยสภาพเสื้อผ้าฉีกขาด สะดุ้งเฮือกสุดแรง ถึงกระนั้นก็ยังเคลื่อนไหวร่างกายไม่ค่อยได้นัก ปวดเมื่อยทั้งตัว แขนข้างหนึ่งมีเลือดไหลซึม ยามนี้ฝนหยุดตกแล้ว และนางรับรู้ได้ว่า แสงแรกของดวงอาทิตย์กำลังจะฉายขึ้นทาบทับขอบฟ้า
ทว่ายามนั้นเหตุใดกัน ใบหน้านางซีกด้านบนถึงรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งปิดทับเอาไว้ หน้ากากรึ... นางสวมหน้ากากตั้งแต่เมื่อใดกัน
เสียงหนึ่งที่คล้ายการปลอบโยนเอ่ยขึ้น
“เจ้ายินดีจะเป็นธิดาเทพคนใหม่หรือไม่ ไป๋ซินหลิวฝู”
ธิดาเทพ...คืออันใด ผู้มาสวมร่างขอทานยังประติดประต่อสิ่งใดไม่ได้
“อย่าตื่นตระหนก ขอเพียงยอมรับหน้าที่นี้ เจ้าจะได้สิ่งที่ผู้อื่นไม่อาจมี ขอทานเอ๋ย พร้อมรับหน้าที่สำคัญหรือไม่...”
ใจหนึ่งของไป๋ซินหลิวฝูอยากปฏิเสธ แต่นางกลับเอ่ยถามไปว่า
“หากชาตินี้ ข้าจะไม่ถูกผู้อื่นรังแก และไม่ต้องอดยาก ตายก็มีคนสรรเสริญ ข้ายอมรับเงื่อนไขของท่าน”
เฟยฉีหัวเราะน้อยๆ และตอบกลับ “นอกจากการใช้ชีวิตอย่างสันโดษ และตายจากไปเงียบๆ โดยไร้ดินกลบหน้าแล้ว หลิวฝู...เจ้าก็จะมีทุกอย่าง... เพียงแต่อาจต้องเหนื่อยอยู่บ้าง ถึงจะได้สิ่งที่มุ่งหวังตามมา เชื่อเถิดข้ามองคนไม่ผิด เมื่อข้าเลือกเจ้า สวรรค์ก็จะเปิดทางให้เอง”
“ฮึๆ ๆ ก่อนอื่น ข้าหิวและไม่อยากตายอยู่ที่นี่ ท่านช่วยข้าได้หรือไม่”
ดวงจิตของเฟยฉีพร่าเลือน ใกล้จะแตกสลายหายไป และแทนที่นางจะตอบคำถามอีกฝ่าย แต่ส่งเสียงถามเรื่องสำคัญแทน
“หลิวฝู... เจ้าเลี้ยงเด็กเป็นหรือไม่... เด็กแสบแสนซน ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นจอมมารน้อย!”
ยามนั้นผู้ที่มาอยู่ในร่างขอทานฉงนอย่างหนัก และไม่คิดจะเจรจากับเฟยฉีแล้ว ด้วยท้องนางดังโครกครากอย่างแรง พอหิวจัดนางก็ยื่นมือไปคว้าต้นหญ้าเขียวๆ ก่อนดึงมันออกจากผืนดิน และส่งเข้าปาก เคี้ยวราวกับมันเป็นอาหารเลิศรส
ยิ่งเคี้ยวแทนที่จะดีขึ้น มันกำลังทำให้ท้องไส้นางปั่นป่วนหนัก
ให้ตายเถอะ โลกที่นางทะลุมิติเข้ามา ช่างน่ากลัว เต็มไปด้วยเรื่องชวนให้หวาดหวั่นโดยแท้ อีกอย่างความหิวที่เกิดขึ้นทรมานเหลือเกิน ยามนั้นนางที่สะบัดตัวไปมาบนพื้นชื้นแฉะ บังเอิญได้เห็นงูตัวเขื่องเลื้อยตรงมาหานางราวกับเห็นเป็นศัตรู!
ขณะที่ไป๋ซินหลิวฝู กำลังหาทางที่จะหลบหนีจากอสรพิษ นางสำเหนียกได้ว่า ยามนี้ไม่ได้มีงูแค่ตัวเดียว ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หวาดกลัว ทักษะแต่เดิมที่ฝึกฝนมาอย่างหนักในโลกที่จากมา ทำให้นางนิ่งจิตใจสงบลง และพร้อมรับมือ
ขณะเดียวกัน หน้ากากเปลือกไม้บางๆ นี้ ก็ส่งกระแสจิตให้หัวนางโล่ง ทั้งคล้ายสร้าภาพต่างๆ ให้เพื่อนางรับมืออสรพิษร้ายตรงหน้า
ด้านหน้างูเห่าเลื้อยเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และมันต้องการฉกนางเป็นแน่ ส่วนอีกตัวที่ใหญ่กว่ายามนี้มาถึงตัวไป๋ซินหลิวฝูแล้ว สถานการณ์เช่นนี้จะเพลี้ยงพล้ำไม่ได้เด็ดขาด ในโลกนิยายนางคงไม่ใช่แมวเก้าชีวิต เพราะรับรู้ได้ถึงการเจ็บปวดเป็นอย่างดี
เมื่อรวบรวมสติได้จึงพลิกตัวแล้วใช้มือข้างที่ถนัดรวบหางงูตัวอยู่ใกล้ที่สุดเอาไว้ นางสะบัดงูตัวดังกล่าวราวกับเป็นไม้ตีสุนัข ฟาดใส่งูที่กำลังบ่ายหน้ามาหานาง
ความเร็ว และการเคลื่อนไหวที่อยู่ๆ ก็คล่องแคล่วถึงปานนั้นทำให้ไป๋ซินหลิวฝูฉงนหนัก นางต่อสู้หมัดมวยได้ดีล้มผู้ชายตัวโตๆ อย่างสบาย และใช้อาวุธสงครามหลากหลายชนิด ถนัดการยิงปืนเป็นที่สุด ส่วนของมีคมนางชำนาญไม่น้อย ทว่ายามนี้ยังไม่น่าแปลกใจเท่าการเคลื่อนไหวร่างกาย ซึ่งแค่สมองคิดภาพ ทุกอย่างก็เกิดขึ้นในไม่กี่วินาทีต่อมา
ถึงจะฟาดงูในมือใส่อีกตัวไปแล้ว แต่ตัวที่นางจับหางไว้มันก็หมายจะพันท่อนแขนนาง บีบรัดให้กระดูกแหลกเละ ดังนั้นไป๋ซินหลิว
ฝูจึงพลิกสถานการณ์ตลบหลังมันด้วยการฟาดงูในมือใส่หินก้อนใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ จุดที่ยืนอยู่
แรงที่ส่งออกไปทำให้งูมึนงง ก่อนนางจะจับหัวงูตัวนั้นแล้วเตรียมรีดพิษจากต่อมของมันออกมา เป็นจังหวะเดียวกันกับงูบนพื้นที่หมายจะเข้ามาจัดการไป๋ซินหลิวฝู
ในทันใดนั้นภาพที่นางคิดเอาไว้ในหัวก็บังเกิด พิษจากต่อมงูที่นางใช้มือบีบเอาไว้พุ่งอย่างแรง ตรงไปยังงูอีกตัว ซึ่งไม่ใช่แค่พิษ หากเลือดสดๆ ก็ตามออกมาด้วย
แม้แต่ไป๋ซินหลิวฝูก็ตกใจ นางมีความสามารถล้ำลึกถึงเพียงนี้ หรือเป็นเพราะดวงวิญญาณเฟยฉีมอบบางสิ่งไว้ให้แก่นาง รวมถึงหน้ากากปริศนา
เมื่องูในมือปล่อยพิษออก และหัวของมันอาบไปด้วยเลือดก็เหมือนว่ามันจะสิ้นฤทธิ์ ส่วนอีกตัวกำลังจะเลื้อยหนี ไป๋ซินหลิวฝูจึงไม่รอช้า นางกระโดดขึ้นเหนือพื้นแล้วจับงูด้วยอีกมือ ก่อนจัดการมันอย่างรวดเร็ว
ทุกอย่างน่ากลัวชวนให้ขนลุก แต่หญิงสาวทำไปด้วยสัญชาติญาณการเอาตัวรอด ยามนี้นางกระหายน้ำอย่างหนักและหิวมากๆ
ปกติไฉนนางจะกินงู แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในโลกนิยาย ทุกอย่างเป็นไปได้หมด
หัวงูทั้งสองตัวถูกนางใช้ใบไผ่ตัด สิ่งนั้นเกิดจากภาพในหัวเช่นกัน แน่นอนใบไผ่คม แต่หากนางไม่มีกำลัง หรือวรยุทธ์มากพอ คงไม่อาจเปลี่ยนสิ่งนี้เป็นอาวุธได้
ภาพที่นางเห็นยามนี้ สามารถเปลี่ยนเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ของนางไปเสียหมด และร่างกายนั้นอ่อนแรง ไป๋ซินหลิวฝูจึงจัดการดื่มเลือดงูเห่าเสีย รสชาติเค็มเล็กน้อย แต่พอไหลผ่านลำคอลงสู่ท้อง นางก็มีพลังงานมากขึ้น
ทุกอย่างที่นางทำอยู่ในตอนนั้น ปรากฏให้สองร่างที่เดี๋ยวหลบหลังต้นไม้ใหญ่ เดี๋ยวคอยชะเง้อคอขึ้นมอง ต้องขวัญหนีดีฝ่อ
ฝ่ายเด็กชายที่เป็นพี่ใหญ่รู้สึกไม่ชอบมาพากล ส่วนอีกคนในวัยห้าขวบ เขากลั้นปัสสาวะแทบไม่ไหว
สตรีผู้นี้ แม้รูปลักษณ์ใกล้เคียงกับภาพที่บิดาบอก และพวกเขาต้องพานางกลับเรือนหลังน้อยติดทะเลสาปจริงๆ หรือ
ไม่เอา ไม่มีทางเด็ดขาด นางช่างเหมือนภาพวาดปีศาจร้าย ที่พวกเขาเคยได้ยินผู้อื่นเล่าให้ฟัง
ห่าวอู๋ยืนตัวแข็ง หัวใจดวงน้อยหล่นหายไปอยู่ปลายเท้าแล้ว
“ต้าเกอ... ขะ ข้า... กลัว และปวดฉี่เหลือเกิน ไม่เอานะ เราต้องไม่ขอความช่วยเหลือจากนาง ดะ ได้หรือไม่” บอกพี่ชายคนโตได้เท่านั้น กางเกงก็ไม่ได้ทันถอด ห่าวอู๋ก็ถ่ายเบาออกมา พร้อมร้องไห้งอแง ด้วยความกลัวจะถูกพี่ชายดุ แต่นั่นยังไม่เท่าภาพของสตรีที่จับงูไว้ในมือ และดื่มเลือดสดๆ ของมันลงท้องไป
พริบตาต่อมา นางหันมาทางพวกเขา และจ้องเขม็งราวกับต้องการดื่มเลือดกินเนื้อเด็กๆ ทั้งสองคน