ตอนที่ 4
รถยนต์ส่วนตัวถูกเคลื่อนออกมา ทินภัทรทำหน้าที่สารถี มองน้องกับแม่เปิดประตูนั่งลงตรงเบาะหน้าและหลัง รถเคลื่อนออกจากตัวบ้าน นวฤทธิ์หลับตาเพื่อตั้งสติ นาลินน้ำตานองหน้าเสียดายวันเวลาเคยรู้จักสนิทชิดเชื้อกัน เหตุการณ์เลวร้ายเพียงครั้งเดียว ทำให้ทุกอย่างพังทลายลง
เธอไม่เข้าใจสามีจนถึงตอนนี้ เขาทำแบบนั้นทำไม ทั้งๆ ที่รักทยุดมากถึงขั้นเอ่ยปากตายแทนกันได้ แล้วเหตุใดถึงลั่นไกนัดนั้นทำให้เพื่อนสนิทต้องตาย เธอเฝ้าถามเขาหลายต่อหลายครั้ง แต่กลับมีเพียงความเงียบงัน ไร้ซึ่งคำพูดใดออกมา
“ไม่เป็นไรนะคะแม่ เวลาจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง” เนตรอัปสรปลอบมารดา แม้ในใจเธอนั้นเจ็บปวดมากเพียงใด เมื่อคนที่รักกลับกลายเป็นศัตรู
รถจอดเทียบหน้าบ้าน มารศรีก้าวลงมามีบุตรสาวคอยพยุง สองสายตามองไปยังหญิงสาวหน้าตาสะสวย ยืนรออยู่หน้าประตูเข้าตัวบ้าน เมื่อสองแม่ลูกเดินไป แขกแปลกหน้ายกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณน้า”
มารศรีรับไหว้ แล้วหันมามองบุตรชาย
“นี่ดาวครับ เพื่อนผมเอง”
“เชิญเข้าในบ้านก่อนดีกว่าค่ะ” ดาวรีย์บอกแล้วเดินนำเข้าด้านใน
มาถึงห้องรับแขก สองร่างนั่งข้างกัน ดาวรีย์มองชายหนุ่มแล้วยิ้มให้ มารศรีรับรู้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ตกลงเรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่ แล้วหญิงสาวชื่อดาวคือใคร
“นี่เป็นบ้านของดาวนะคะ พอดีว่าดาวย้ายไปอยู่ที่ใหม่กับคุณพ่อ เลยคิดว่าจะปล่อยเช่าค่ะ” หญิงสาวเริ่มอธิบาย “แต่ดาวได้รู้จักกับทินก่อน ทินเปรยว่าอยากได้ที่อยู่ใหม่ ดาวเลยตัดสินใจยกที่นี่ให้ค่ะ”
“ยกให้เหรอคะ?” ทักษภรร้องถาม
“ยกให้สิคะ แต่มีข้อแม้คือทินต้องยอมให้ดาวทำงานกับเขาค่ะ” เธอพูดแล้วหันไปอมยิ้มให้ชายหนุ่มอีกครั้ง
มารศรีหันมามองบุตรชายด้วยความไม่เข้าใจ
“ผมกับดาวเป็นหุ้นส่วนกันครับ พ่อคุณดาวลงทุนตั้งบริษัทให้ผมบริหาร”
“พ่อดาวชอบทินน่ะค่ะ พ่อมองออกว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ อีกหน่อยบริษัทที่บริหารคงเจริญมาก”
ทักษภรกัดฟันด้วยความขุ่นใจ เพราะเมื่อก่อนเคยคิดว่าพี่กำลังตกหลุมรักพี่เนตร แต่ไม่นานกลับกลายเป็นอื่นได้โดยง่าย พี่ชายเธอไม่ได้จริงใจกับพี่เนตรเลยสักนิด
ดาวรีย์รู้สึกได้ว่าน้องสาวของหนุ่มอันตนหมายปองไม่พอใจ เลยยิ้มกว้าง
“น้องพรใช่ไหมคะ คุณทินเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ”
“ใช่ค่ะ” ทักษภรตอบเสียงแข็ง
“ห้องของพรพี่จัดให้ชั้นบนนะคะ พี่คิดว่าพรน่าจะชอบ”
ทักษภรเม้มริมฝีปาก
“ไม่มีที่ไหนที่พรพอใจเท่ากับบ้านที่พรจากมาหรอกค่ะ!” ปลายเสียงติดไม่พอใจ เหลือบมองพี่ชายเห็นสีหน้าแววตาเรียบนิ่ง
“ขึ้นไปดูก่อนดีกว่านะคะ บางทีอาจถูกใจก็ได้”
“พรคงไม่มีทางเลือกหรอกค่ะ ต่อให้ไม่ถูกใจก็เถอะ!”