๓.๒ สิ่งที่ต้องสูญเสีย
“ไม่ค่ะน้ากรอง พ่อไม่ฟังเอม พ่อคิดว่าเอมเป็นเด็กใจแตกที่จะทำเรื่องไม่ดี จะทำให้พ่อเสื่อมเสียชื่อเสียง พ่อตบเอมค่ะน้ากรอง พ่อตบเอมในวันเกิดของเอม ของขวัญที่พ่อให้เอมคือรอยนิ้วมือ รอยนิ้วมือที่อยู่บนหน้าและอยู่ในใจเอมตอนนี้…”
เมื่อพูดประโยคนั้นน้ำตาหยดใสๆ ก็ไหลอาบลงสองแก้มอย่างน่าเวทนา ทำให้กรองทองอดไม่ได้ที่จะรั้งร่างบางเข้ามากอดเพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นให้
“โธ่...คนดีของน้า”
“เพราะฉะนั้นน้ากรองอย่ารั้งเอมเลยนะคะ บางทีถ้าเอมไปอยู่กับน้าอร มันอาจจะดีกับทุกฝ่าย เพียงแต่เอมอาจจะไม่ค่อยได้เจอน้ากรองกับพี่อิสร์แล้ว ถ้าเอมไปถึงบ้านน้าอร เอมจะโทรศัพท์มาบอกที่อยู่นะคะ เมื่อไหร่ที่น้ากรองกับพี่อิสร์ว่าง อย่าลืมไปหาเอมบ้างนะ เอมจะรออยู่ที่นั่น ถ้าพี่อิสร์มาไม่ทันเอมฝากบอกพี่อิสร์ด้วย” เสียงหวานเอ่ยสั่งลาคนที่เป็นที่รักด้วยน้ำตา เธออยากบอกลาพี่อิสร์ อยากรอเขา อยากเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจากกันไกล แต่เวลาเหลือน้อยแล้ว เธอจึงได้แต่บอกผ่านแม่ของเขา
“ไม่ต้องมีใครไปไหนทั้งนั้น กลับบ้านกับพ่อเดี๋ยวนี้เลยนะเอม”
เสียงที่ดังขึ้นจากข้างหลัง ทำให้ทั้งเอมมาลินและกรองทองหันขวับไปมองด้วยความตกใจ
“พ่อ!”
“คิดไว้ไม่มีผิด ว่าที่อยากออกจากบ้าน ก็เพราะจะแล่นมาที่นี่” ธนินมองลูกสาวด้วยความโกรธและผิดหวัง เขาอนุญาตให้เอมมาลินออกไปข้างนอกกับแทนไทก็จริง ทว่าไม่ไว้วางใจสักนิด จึงให้คนมาดักรอดูที่หน้าปากซอย และเมื่อคนของเขารายงานว่า เห็นเอมมาลินเดินเข้ามาในนี้ เขาจึงรีบตามมาที่นี่ และยิ่งได้ยินว่าลูกสาวนัดหมายกับผู้ชายที่เขาสั่งห้ามคบ ธนินก็ยิ่งโกรธจัด
“ใจเย็นๆ นะคะคุณ ค่อยๆ พูด ค่อยๆ จากัน” กรองทองพูดจาไกล่เกลี่ยสถานการณ์ เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ เอมมาลินยิ่งจะน้อยใจและยิ่งจะเตลิด
“คุณไม่ต้องยุ่ง บอกลูกชายของคุณว่าให้เจียมตัวดีกว่า ไม่อย่างนั้นอาจจะติดคุกข้อหาพรากผู้เยาว์”
“ลูกชายของดิฉันกับหนูเอม คบหากันด้วยความบริสุทธิ์ใจค่ะ ไม่เคยทำอะไรเสียหาย คุณสบายใจได้”
“จะสบายใจได้ยังไง ในเมื่อผมห้ามแล้ว ลูกสาวผมยังแล่นมาถึงที่นี่ แถมยังนัดแนะกันอีก คุณไม่ห้ามแถมยังสนับสนุนแบบนี้เป็นผู้ใหญ่ประสาอะไร หรือคิดอยากให้ลูกชายจับลูกสาวผม จะได้พลอยสบายไปด้วย”
“กรุณาให้เกียรติดิฉันกับลูกด้วยค่ะ พวกเราไม่เคยคิดแบบนั้นกับหนูเอม”
“คุณกับลูกมีเกียรติอะไรล่ะ คุณก็น่าจะรู้ว่าลูกสาวผมกับลูกชายคุณมันคนละระดับกัน ถ้าเป็นคุณคุณจะยอมให้ลูกสาวมาเกลือกกลั้วกับผู้ชายแบบนี้ไหม”
“หยุดก้าวร้าวน้ากรองนะคะพ่อ ถ้าจะด่าก็ด่าเอม น้ากรองไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้” เอมมาลินสุดที่จะทนฟังคำพูดของบิดา จึงแทรกขึ้นด้วยความเสียใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับบ้านกับพ่อ”
“เอมไม่กลับค่ะ เอมจะไปตามทางของเอม” เอมมาลินส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะเบี่ยงตัวเข้าไปหลบด้านหลังกรองทอง “น้ากรองช่วยเอมด้วยนะคะ”
“มานี่เลยยัยเอม”
ธนินขยับไปกระชากแขนเล็กออกมาจากด้านหลังของกรองทองเต็มแรง เอมมาลินพยายามจะขัดขืนและบิดแขนออกจากมือพ่อ
“ปล่อยเอมนะคะพ่อ ปล่อย...”
“ไม่ปล่อย กลับบ้านกับพ่อเดี๋ยวนี้”
คนเป็นพ่อออกแรงลากถูลู่ถูกัง ดึงลูกสาวออกมาจากบ้านจัดสรรที่หลังเล็กกว่าบ้านพักคนรับใช้ของตัวเอง โดยที่เอมมาลินได้แต่หันไปหากรองทองอย่างขอความช่วยเหลือ กรองทองจึงรีบก้าวตามออกมา
ธนินเปิดประตูรถด้านหน้า ยัดลูกสาวเข้าไปข้างใน ส่วนตัวเองอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนขับ แต่ในจังหวะนั้นเองประตูฝั่งที่เอมมาลินนั่งอยู่ก็ถูกผลักออก พร้อมกับที่ร่างบางรีบก้าวลงมา จากนั้นก็วิ่งหนีไปแบบไม่คิดชีวิตทันที
“หนูเอมเดี๋ยวก่อนลูก อย่าเพิ่งไป” กรองทองเห็นภาพนั้นจึงตะโกนเรียก แล้ววิ่งตามไปทันทีเพราะกลัวว่าเอมมาลินจะเตลิดไปไกล ทว่าเอมมาลินไม่คิดจะฟัง วินาทีนี้สิ่งที่เอมมาลินต้องการมากที่สุดก็คือหนีให้พ้นจากพ่อ
กรองทองตามทันเอมมาลินในจังหวะที่ใกล้จะถึงหน้าปากซอยอย่างเฉียดฉิว เธอคว้ามือเล็กเอาไว้พลางหายใจอย่างหอบเหนื่อย
“ปล่อยเอมค่ะน้ากรอง เอมไม่อยากกลับไปกับพ่อ” เอมมาลินเอ่ยขอร้องพลางมองไปยังรถของพ่อ ซึ่งกำลังแล่นมาด้วยความเร็วสูง
“ฟังน้าก่อนนะคะคนดี กลับไปปรับความเข้าใจกับพ่อนะ”
“ไม่ค่ะ เอมไม่กลับ เอมกับพ่อไม่มีทางจะเข้าใจกันได้ ในสายตาพ่อเอมคือเด็กนิสัยไม่ดี เอมไม่อยากอยู่กับพ่อแล้ว ปล่อยเอมนะคะ”
“ไม่เอาจ้ะ ไม่พูดแบบนี้นะ เชื่อน้านะว่าพ่อรักหนูเอม”
“ไม่…พ่อไม่รักเอม พ่อไม่รักเอม ปล่อยค่ะ ปล่อย”
มือเล็กบิดออกจากการเกาะกุมของกรองทองมากกว่าเดิม เมื่อรถของพ่อกระชั้นชิดเข้ามา และเมื่อกรองทองไม่ยอมปล่อย ความหวาดหวั่นและหวาดกลัว กลัวที่ตัวเองจะต้องกลับไปกับพ่อ ก็ทำให้เอมมาลินเผลอสะบัดมือออกเต็มแรง จนกรองทองเสียหลักไปกลางถนน และสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น!
เอี๊ยด!!!
โครมม!!!
“น้ากรอง!”
เสียงหวานหวีดร้องอย่างตกใจ ภาพที่เห็นคือภาพรถชนกระแทกเข้ากับร่างของกรองทองเต็มแรง แรงจนกระทั่งกรองทองกระเด็นลงไปชนกับขอบฟุตบาท แล้วกลิ้งมากลางถนนอีกรอบ เลือดแดงฉานไหลทะลักออกมาจากปากและจมูกจนเนืองนอง ร่างของกรองทองมีอาการชักกระตุกคล้ายดั่งเจ็บปวดเหลือคณา
เอมมาลินตั้งสติได้ กำลังจะวิ่งเข้าไปประคอง แต่ก็ช้ากว่าใครอีกคนที่ทั้งวิ่งทั้งเรียกแม่ของตัวเองด้วยเสียงสั่น
“แม่...แม่ครับ...”
กวินภพประคองศีรษะมารดาขึ้นมายังอ้อมแขน ตาจ้องมองหน้าของแม่ด้วยความหวาดหวั่น เขากลัว…กลัวอย่างที่ไม่เคยกลัวอะไรเท่านี้มาก่อนในชีวิต กลัวว่าจะสูญเสียผู้หญิงที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตให้เขามาตั้งแต่เล็กจนโตไป
“อิสร์...” เสียงนั้นเบาแทบจะไม่ได้ยิน มือพยายามจะยกขึ้นลูบหน้าของลูก แต่เหมือนกับมันหนักอึ้งจนยกไม่ขึ้น กวินภพจึงต้องเป็นฝ่ายกำมือของแม่มาแนบแก้มตัวเอง
“แม่เจ็บมากมั้ยครับ ทำใจดีๆ ไว้นะ เดี๋ยวอิสร์จะพาแม่ไปโรงพยาบาล”
“แม่…เจ็บ…แม่…มะ…ไม่…ไหว…แล้ว…”
“แม่ต้องไหวสิ แม่เก่งจะตาย อย่าทิ้งอิสร์ไปนะ”
“แม่…รัก…อิสร์...”
สิ้นคำร่างของกรองทองก็กระตุกเฮือกติดๆ กันสองสามครั้ง จากนั้นลมหายใจที่ผาดแผ่วก็หมดสิ้นลง ตาเบิกโพลงคล้ายอย่างคนที่จากไปทั้งที่ยังมีห่วง
“แม่!” กวินภพเรียกแม่เสียงดัง กอดกระชับร่างไร้ลมหายใจจนแน่น น้ำตาลูกผู้ชายไหลนอง ร่างโยกโยนเพราะสะอื้นฮัก
เอมมาลินมองภาพนั้นด้วยน้ำตานองหน้า หัวใจดวงน้อยปวดหนึบ มือเย็นเฉียบด้วยความตกใจและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา และเธอเองเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด ร่างบางค่อยๆ ทรุดตัวลงแล้วขยับเข้ามาหา มือเล็กกำลังจะเอื้อมไปหาร่างของกรองทอง ทว่าก็ต้องชะงักค้าง เมื่อถูกตวาดดังลั่น
“อย่ามาแตะตัวแม่พี่”
น้ำเสียงและสายตาของเขาทำให้เอมมาลินสะดุ้งและเย็นวาบคล้ายดั่งเลือดในตัวกำลังจะกลายเป็นน้ำแข็ง เธอไม่เคยได้ยินและเห็นสายตาแบบนี้ของพี่อิสร์มาก่อน
“เอมขอโทษ…เอมไม่ได้ตั้งใจ…” เธอเอ่ยมันออกมาทั้งน้ำตานองหน้าเช่นกัน มือเล็กยกขึ้นพนมไหว้ที่อก แต่กวินภพก็ไม่ได้มอง เขาหันหน้าไปมองหน้ามารดา ยกมือขึ้นปิดตาให้ ก่อนจะซบหน้าลงกับใบหน้าที่เปื้อนเลือดของแม่ เพราะรู้ว่านี่คือครั้งสุดท้ายที่จะได้ทำ
วิ้ววว วิ้ววว
เสียงหวอรถฉุกเฉินดังใกล้เข้ามาพร้อมกับไฟสีส้มแดงกะพริบวิบๆ เจ้าหน้าที่ลงจากรถ เมื่อรู้ว่าคนเจ็บสิ้นลมแล้ว ผ้าขาวถูกนำมาคลุมร่าง จากนั้นเจ้าหน้าที่จากมูลนิธิอาสาก็ยกศพขึ้นรถ เพื่อพาไปส่งยังโรงพยาบาล โดยมีกวินภพขึ้นรถไปด้วย
น้ำตาลูกผู้ชายยังไหลพราก หากเป็นยามปกติ ตอนนี้แม่เขาคงกำลังเข็นรถเข็นออกไปยังหน้าปากซอย เพื่อจะขายบะหมี่ บะหมี่ที่อร่อยที่สุดในโลกในความรู้สึกของเขา แต่วันนี้แม่กลับต้องไปโรงพยาบาล ไม่ได้ไปเพื่อรักษาตัวเหมือนอย่างหลายๆ คน แต่ไปเพื่อแต่งตัวแต่งหน้าให้สวยที่สุด…เป็นครั้งสุดท้าย…