๓.๓ สิ่งที่ต้องสูญเสีย
แม้รถฉุกเฉินจะแล่นออกไปได้สักพักแล้ว ทว่าผู้คนในละแวกนั้นก็ยังคงจับกลุ่มคุยกัน บ้างก็ถาม บ้างก็เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยสายตาทุกคู่ตอนนี้ยังจ้องมองอยู่ที่เด็กสาววัยสิบเจ็ด ซึ่งยังนั่งพนมมืออยู่กลางถนน และทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เธอคือต้นเหตุของการเกิดอุบัติเหตุรถชนคนตายในครั้งนี้
“น้ากรองขา…เอมขอโทษ…เอมไม่ได้ตั้งใจ…”
เสียงหวานเอ่ยละล่ำละลัก พร้อมกับค่อยๆ ก้มลงกราบบนคราบเลือดที่เปรอะเปื้อนอยู่บนถนน เป็นภาพที่ช่างสุดสะเทือนใจและน่าเวทนา จนใครต่อใครเลยไม่กล้าที่จะประณามเธออีก
ร่างบางยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ไม่สนใจรถราที่เริ่มแล่นเข้าออกได้อย่างปกติ บางครั้งเธอก็อยากให้รถคันใดคันหนึ่งแล่นมาชนเธอ เพื่อที่เธอจะได้ตายตามน้ากรองไป แต่รถเหล่านั้นต่างก็หักพวงมาลัยหลบคันแล้วคันเล่า
“เอม…”
เสียงเรียกชื่อเธอดังขึ้น พร้อมกับมือใหญ่ของคนเป็นพ่อโอบลงบนไหล่ จับให้ร่างบางลุกขึ้น แล้วประคองไปขึ้นรถอีกคันซึ่งคนขับรถขับมารับตามคำสั่ง ส่วนคดีความและรถคันที่เกิดเหตุซึ่งเขาเป็นคนขับชนเอง ธนินให้ทนายความเป็นคนเข้ามาจัดการแทน
งานสวดอภิธรรมศพคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายแล้ว แขกเหรื่อที่มาร่วมงานค่อนข้างหนาตา เพราะผู้ล่วงลับเป็นที่รักใคร่ของคนในชุมชน กระนั้นก็ไร้เงาของคนที่เป็นสาเหตุการตาย จะมีก็เพียงทนายความที่มาร่วมงานแทนทุกคืน กวินภพยังคงนิ่งขรึม และตั้งใจทำหน้าที่ครั้งสุดท้ายของตัวเองให้ดีที่สุด เขาไม่ได้บอกกล่าวเพื่อนคนไหนเรื่องที่แม่เขาตาย เพราะเห็นว่าเพื่อนแยกย้ายไปฝึกงานกันหมดแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เพื่อนสนิทของเขาฝึกงานที่ต่างจังหวัด จึงไม่อยากรบกวนการฝึกงานของเพื่อน อีกทั้งงานสวดมีเพียงแค่สามคืน และพรุ่งนี้ก็จะเผาแล้ว
เสียงพระสวดมาติกาซึ่งเป็นบทสวดสุดท้ายดังกระทบใจคนฟัง ย้ำเตือนว่าผู้ที่จากไปนั้นไปลับ ไม่มีทางที่จะฟื้นหรือหวนกลับมาอีกแล้ว กวินภพนั่งพนมมือฟังอย่างสงบ ทว่าในใจกำลังร้องไห้กับความสูญเสีย แม้จะเป็นวันที่สามแล้ว แต่เขาก็ยังทำใจไม่ได้ ภาพในวันนั้นยังตามหลอกหลอนเขาทั้งหลับทั้งตื่น แม่จากเขาไปแล้ว จากไปโดยที่เขายังไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจใดๆ น้ำซุป เส้นบะหมี่ หมูหมัก เกี๊ยว และผักต่างๆ ที่แม่เตรียมเอาไว้ขาย กลับต้องถูกนำมาเลี้ยงแขกในงานศพของแม่คืนแรก มันช่างเป็นเรื่องที่ยากเกินทำใจ
“ตัดสินใจได้หรือยังอิสร์” เสียงเสียงหนึ่งถามขึ้นหลังจากที่พระสวดจบแล้ว
“ยังครับ”
“ให้พ่อได้ดูแลอิสร์นะ พ่ออยากทำหน้าที่ของพ่อบ้าง พ่อขอโอกาสนะลูก และพ่อคิดว่าแม่คงอยากให้เป็นเช่นนั้นเหมือนกัน”
บุรุษที่แทนตัวเองว่า ‘พ่อ’ วางมือบนไหล่ของกวินภพแล้วตบเบาๆ อย่างให้กำลังใจ แล้วมองไปที่รูปหน้าศพคล้ายดั่งพูดอะไรในใจกับเจ้าของรูป ก่อนจะเดินออกจากศาลาไปเงียบๆ
ศาลาสวดศพเงียบเชียบและวังเวงลง หลังจากแขกคนสุดท้ายกลับไป ร่างบางที่ยืนเงียบๆ อยู่ข้างเสาจึงก้าวออกมา พร้อมกับเอ่ยเรียกชื่อผู้ชายที่เคยเป็นความอบอุ่นและความหวังของชีวิต ซึ่งนับตั้งแต่วันเกิดเรื่องเขายังไม่ยอมอนุญาตให้เธอเข้ามาร่วมงานศพของน้ากรองเลย แต่เธอก็ยังแอบมา มาฟังสวดศพเงียบๆ แล้วก็กลับไปนอนร้องไห้ทุกคืน
“พี่อิสร์คะ”
“มาทำไม” เสียงเอ่ยถามยังคงเย็นชาเช่นเดียวกับวันแรก เขารู้ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ แต่ภาพที่เขาเห็นมันก็ยากเกินกว่าจะทำใจและตอกย้ำความจริงอยู่เสมอ ว่าเธอกับพ่อคือคนที่ทำให้แม่เขาตาย
“เอมอยากมาขอกราบศพน้ากรอง ขอให้เอมได้ขอขมาและเอ่ยลาน้ากรองเป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะคะ”
“เชิญเถอะ”
หลังจากได้รับฟังคำอนุญาต เอมมาลินเกือบจะหลุดยิ้มออกมาทั้งน้ำตา เพราะคิดว่ากวินภพคงจะหายโกรธและให้อภัยเธอได้บ้างแล้ว
“พี่อิสร์...พี่อิสร์ไม่โกรธเอมแล้วใช่ไหมคะ”
“ถ้าพี่ทำให้พ่อเอมตายบ้าง เอมจะโกรธพี่มั้ย”
มันไม่ใช่คำตอบ แต่เป็นคำถามที่แทนคำตอบได้เป็นอย่างดีว่าถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ให้อภัยเธอ น้ำตาที่กลั้นไว้จึงไหลลงมานองหน้า หากเป็นเมื่อก่อนกวินภพคงไม่ลังเลที่จะรั้งร่างบางเข้ามากอดปลอบ ทว่าบัดนี้เขาทำได้เพียงมองด้วยสายตานิ่งเฉยเย็นชาเท่านั้น
“ต้องให้เอมทำยังไง พี่อิสร์ถึงจะหายโกรธ
“ขอให้ทุกอย่างระหว่างเราสิ้นสุดกันแค่นี้”
“พี่อิสร์...”
เสียงหวานปนเศร้าครางเรียกชื่อเขาอย่างสั่นเครือ ถ้อยคำประกาศิตประโยคนั้นมันแล่นเข้ามาบาดลึกในหัวใจ จนเธอผวาเข้าไปกอดเขาอย่างทำใจไม่ได้
“อย่าทำแบบนี้กับเอมเลยนะคะ เอมขอโทษ เอมเสียใจ เอมไม่ได้ตั้งใจจะทำให้น้ากรองตาย เอมขอโทษ…ฮือๆๆ”
ลำแขนเรียวกอดรอบเอวสอบไว้แน่น ใบหน้าเปื้อนน้ำตาซบลงกับอกแกร่ง ร่างโยกโยนตามแรงสะอื้น ปากพร่ำเอ่ยคำขอโทษและพร่ำบอกถึงความเสียใจของตัวเอง ทว่าเขาก็ยังคงยืนนิ่งเฉย เสมือนดั่งถ้อยคำของเธอไร้ซึ่งความหมายใดๆ อ้อมแขนอันอบอุ่นที่เคยกอดปลอบยังวางแนบชิดตัวเอง เป็นการบ่งบอกเอมมาลินว่า นับจากนี้ไปอ้อมแขนนี้จะไม่มีให้สำหรับเธออีกแล้ว
มันหนาวเหน็บ…ปวดลึก…ราวกับว่าเธอกำลังกอดก้อนน้ำแข็ง
ยิ่งนานก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเธอเป็นฝ่ายยอมแพ้ ถอยห่างออกมาจากร่างสูง ยกมือที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงขึ้นเช็ดน้ำตา ก่อนจะก้าวไปกราบศพของน้ากรองเงียบๆ
กลิ่นธูปลอยวน สายตาจดจ้องมองรูปหน้าหีบศพ พร้อมกับคำพูดที่ดังก้องอยู่ในใจ
น้ากรองขา…น้ากรองคงรับรู้ว่าเอมเสียใจมากแค่ไหน
หากย้อนเวลาได้ เอมอยากจะเป็นคนตายแทนน้ากรอง
น้ากรองรู้ใช่ไหมคะว่าเอมไม่ได้ตั้งใจ
เอมไม่รู้ว่าน้ากรองจะโกรธและเกลียดเอมมากไหม
แต่พี่อิสร์ไม่ให้โอกาสและไม่ให้อภัยเอมแล้ว
เอมขออโหสิ และขอให้ดวงวิญญาณของน้ากรองไปสู่สรวงสวรรค์
และหากมีสักวันที่น้ากรองยกโทษให้เอมแล้ว น้ากรองช่วยดลใจให้พี่อิสร์ยกโทษให้เอมด้วยนะคะ