บทที่ 3
เมื่อทำธุรกรรมที่ธนาคารจนเสร็จแล้ว ทนายจารึกก็ขอตัว แต่คริมาชวนเขาให้ไปรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน กริชดนัยนิ่งฟังคนทั้งคู่คุยกัน ขณะที่เขากำลังตรวจอ่านเอกสารและตรวจดูสมุดบัญชีธนาคารอีกรอบ
“ลุงอยากกินแกงคั่วสับปะรดฝีมือของหนูวี่”
จารึกเอ่ยเปรยขึ้นมา คริมาหัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ยเย้าเขาเสียงหวาน
“ถ้าวี่ลงมือทำเองเย็นนี้ ลุงจาจะอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันใช่ไหมคะ”
“อยู่สิครับ”
เขามองเธออย่างเอ็นดู สายตามองเลยไปยังกริชดนัย ที่กำลังดูจะสนใจกับเอกสารตรงหน้า มากกว่าสนใจบทสนทนาของพวกเขา
“มหาวิทยาลัยเปิดเมื่อไหร่ครับคุณวี่”
“ปลายเดือนหน้าน่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นระหว่างนี้ คุณวี่ก็รบกวนช่วยคุณกริชในการทำงานด้วยนะครับ”
จารึกนำเสนอความสามารถของคริมาเต็มที่ เพราะอยากจะให้กริชดนัยมองเธอดีขึ้นบ้าง เขาคลุกคลีกับครอบครัวนี้มานาน ทำงานให้กันมาตั้งแต่รุ่นพ่อ จนมารุ่นของพี่ชาย ดังนั้นเขาจึงรับรู้เรื่องราวทั้งหมด...เรื่องความบาดหมางของสองพี่น้อง จนทำให้กริชดนัยต้องเตลิดหนีไปอยู่ต่างประเทศตัดขาดกับทางบ้าน เขาเป็นคนที่ขอให้กานต์เอกยังส่งเงินปันผลให้กับกริชดนัยตามส่วน รวมถึงเงินเดือน...ที่ถูกพัดชาภรรยาของกานต์เอกมาบอกกับเขาเป็นการส่วนตัวว่า คุณกานต์เอกขอสั่งให้เงินเดือนกริชดนัยแค่ครึ่งเดียว เพราะไม่ได้มีส่วนช่วยงานอะไรในบริษัท เขาก็ทำหน้าที่จัดการส่งเงินให้กับกริชดนัยตามนั้น ทางกริชดนัยเองแทบไม่ค่อยได้แตะต้องเงินในบัญชีสักเท่าไหร่ ไม่เคยสอบถามเลยสักหนในเรื่องเงินทองจากบริษัทส่วนที่ตัวเองควรจะได้ตามสิทธิ์
เขาก็ได้แต่ไกล่เกลี่ย รักษาผลประโยชน์ให้กับกริชดนัย เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย เอ็นดูรักใคร่กันในฐานะหลาน กับพ่อของกริชดนัยนั้นก็เรียกใช้กันสนิทสนมกลายจากนายจ้างเป็นเพื่อนรัก เขานั้นมองเห็นความร้าย...ในตัวของพัดชา แต่พูดมากไม่ได้ เขาเข้าใจว่าเรื่องแบบนี้ถ้าเข้าไปเสือกจะเดือดร้อนเสียเปล่าๆ เขาหวังจะให้ระยะเวลาทำให้กานต์เอกเจอกับความแปลกในตัวภรรยาเอง เลือดย่อมข้นกว่าน้ำเขาคิดแบบนั้น...จนรู้สึกผิดที่ตัวเองน่าจะทำได้ดีกว่านี้ พี่น้องควรจะเข้าใจกันก่อนหน้านี้ ไม่ควรทอดระยะเวลาจนสายเกินไปแล้วแบบนี้
ตอนนี้สิ่งที่เขาทำได้ คือค่อยเผยสิ่งที่เขารู้เห็นมา บอกกล่าวในสิ่งที่กริชดนัยควรได้รู้และเคยเข้าใจผิดไป
เรื่องแรกสุดที่ควรจะเร่งแก้ไขความเข้าใจผิด ก็คือเรื่องของคริมา
“เอ่อ...วี่ยินดีค่ะ แต่ว่า...”
เธอหันไปมองกริชดนัยที่เงยหน้าขึ้นจากเอกสาร แล้วมองสบตาเธอพอดี นัยน์ตาของเขาทำให้เธอรู้สึกสะท้านเยือก...
นัยน์ตานั้นเย็นชา เหยียดเยาะ ไร้ซึ่งความอบอุ่นเหมือนอย่างที่เขาเคยมองเธอ
“เอ่อ อะ อากริชจะว่ายังไงคะ ถ้าวี่จะช่วยงาน”
“เอาสิ...”
กริชดนัยเอาเอกสารเก็บเข้าซองก่อนจะเอามันเก็บเข้าไว้ในกระเป๋าเอกสารให้เรียบร้อย “ดีเหมือนกันที่จะไปช่วยงานอา แต่วี่ทำงานเป็นด้วยหรือ?”
เขาถามน้ำเสียงนั้นเย็นชาพอๆ กับสายตา คริมากลืนน้ำลาย เธอฝืนยิ้มสดใสส่งให้กับเขา
“ทำเป็นสิคะ วี่มาช่วยงานคุณพ่อได้สองสามปีแล้วล่ะค่ะ”
“ฝึกไว้เผื่อวางแผนฮุบกิจการในอนาคตเหรอ?”
คำถามต่อมาทำให้คริมาถึงกับหุบยิ้ม หน้าของเธอซีดลง ทนายจารึกเห็นท่าไม่ดี เลยเอ่ยชวนกริชดนัยคุยไปเรื่องอื่น เพื่อให้บรรยากาศในรถดีขึ้น
คริมาค่อยผินหน้าเมินไปทางกระจกรถเพื่อจะไม่ได้มองเขา...
เธอค่อยเลื่อนมือไปจับที่หัวใจของตัวเอง
สายตาและคำพูดของเขาช่างเสียดแทงเหลือเกิน
แต่เธอจะต้องทนได้นะคริมา เธอจะต้องทนให้ได้...
หญิงสาวได้แต่ร้องบอกตัวเองแบบนั้น
...
คริมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ทะมัดทะแมงขึ้น คือเปลี่ยนจากเดรสตัวสวยเป็นเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นเพื่อเธอจะได้ทำงานครัวได้สะดวก เธอตั้งใจทำอาหารสุดฝีมือในวันนี้ เพื่อให้จารึกได้รับประทาน รวมไปถึงใครบางคนด้วย
เขาไปอยู่เมืองนอกหลายปี คงไม่รู้ว่าเธอทำอะไรเป็นแล้วหลายอย่าง เธอไม่ใช่เด็กสาว...เหมือนเมื่อก่อน เด็กสาวไร้เดียงสาอายุเพียงสิบสี่ปี วัยที่กำลังคุกรุ่นด้วยฮอร์โมนทางเพศ เริ่มสนใจเพศตรงข้าม เริ่มหลงใหล และได้ลิ้มรสหวานของคำว่าความรัก
เธอหลงรักเขา...
อาหนุ่มที่มีรอยยิ้มสดใส รูปร่างสมาร์ท หน้าตาหล่อเหลา หน้าตาของเขาสะดุดสายตาของคริมาเป็นอันดับแรก ต่อมาด้วยความมีเสน่ห์และเซ็กซ์แอลพีลของเขา สาวน้อยในตอนนั้นหลงรักชายหนุ่มที่อายุมากกว่าเธอถึงสิบเอ็ดปี เธอแทบไม่มีสายตามองชายหนุ่มในวัยเดียวกันหรือใกล้เคียง...ขณะที่กริชดนัยเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัยและเพิ่งได้ช่วยพี่ชายทำงานในบริษัท เขากำลังเนื้อหอมมาก
ความสดใส สมาร์ทและเสน่ห์ของกริชดนัย ไม่ได้ทำให้แค่สาวน้อยวัยสิบสี่ปีลุ่มหลง มันรวมไปถึงมารดาของหล่อนที่เป็นพี่สะใภ้ของเขาด้วย!
ความไม่ซื่อสัตย์ของพัดชา มีคนรู้เห็นเพียงแค่สองคน...
และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่อง...ในคืนนั้น
คืนแห่งความแตกร้าว ในสายสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง
คืนแห่งความอัปยศของสาวน้อยแรกผลิ
คืนแห่งความลับนั้น มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รู้เห็น...หนึ่งในนั้นคือทนายจารึก สงสารสาวน้อยที่ถูกตราหน้าว่าแรดร่าน อย่างสุดใจ และกำลังพยายามช่วยแก้ไข ให้กริชดนัยได้เข้าใจคริมาเสียใหม่ ว่าบางทีเขาอาจจะเข้าใจผิดไปเกี่ยวกับเรื่องราวในคืนนั้น
คริมาตั้งใจกับอาหารมื้อนี้มาก ป้านารับบทลูกมือช่วยเหลือเจ้านายสาว คริมานั้นชอบทำอาหาร เธอทำอาหารได้รสชาติถูกปากกานต์เอก และทำอาหารได้หลายอย่างนอกจากอาหารไทย จนกานต์เอกให้เธอทำอาหารเย็นขึ้นโต๊ะเกือบทุกมื้อ ป้านาก็เบามือลงไปมาก และเบาใจที่ไม่ได้ถูกนายหญิงของบ้านอย่างพัดชาบางทีหาเรื่องว่าเธอทำอาหารไม่อร่อย หรือมาวุ่นวายกับเรื่องค่าใช้จ่ายที่ไปจับจ่ายหาของสดมาทำอาหารรับประทาน