บทที่1(2)
หญิงสาวปิดปากเงียบ หัวใจลุ้นระทึกอยู่ทุกวินาทีว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ครั้งแรกของการทำงานนี้เธอไม่ได้กลัวว่าลูกค้าจะไม่ประทับใจแต่กลัวเสียใจต่างหาก
อริสราสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่แล้วขยับตัวเข้าใกล้ชายหนุ่ม เขาดูดีมากจนเธอรู้สึกประหม่า แถมยังตัวสูงใหญ่ราวกับจะจับเธอเหวี่ยงลงกับพื้นด้วยมือเพียงข้างเดียวได้
“คุณเป็นคนที่นี่หรือต่างจังหวัดคะ” เธอถามเพราะรู้สึกได้ถึงความอันตรายในตัวเขา ที่ถามว่าเธอขายความบริสุทธิ์ในราคาแค่นั้นเขาต้องการอะไรกันแน่
ไม่เชื่อหรือดูถูกกัน
บางสิ่งบางอย่างที่สื่อผ่านออกมาจากนัยน์ตาคมเข้มคู่นั้นมันทำให้เธอรู้สึกอยู่ไม่สุข
“ฉันเป็นคนต่างจังหวัด” เขาบอกแค่นั้นเพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะบอกรายละเอียดอื่นกับเธอ
อริสราชวนคุยตามคำแนะนำของเพื่อนสมัยประถมที่เคยเล่าเมื่อหลายวันก่อน ทว่า พอลงสนามจริงเธอกลับรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่อย่างเหลือเกิน รู้สึกว่าตัวเองแข็งทื่ออย่างกับหิน
งานนี้ไม่ใช่แค่เรื่องบนเตียงแต่ต้องรู้ข้อมูลลูกค้าด้วยเพราะถ้าเป็นคนใกล้ตัวเกินไปพวกเธอจะไม่รับงานเหตุผลก็เพื่อความปลอดภัยและความสบายใจในอนาคต
“งั้นเชิญคุณอาบน้ำก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะรอข้างนอกค่ะ”
ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยสายตาของเขาจับจ้องไปที่มืออันสั่นเทาของเธอ ทีแรกเขาคิดว่าเธอโกหกเรื่องประสบการณ์แต่พิจารณาดูแล้วคงใช่อย่างที่เพื่อนว่าไว้เกินครึ่ง เขาเริ่มอยากรู้ว่าเธอมีเหตุผลอะไรถึงมาทำงานนี้
“ร้อนเงินหรือเปล่า”
“คะ”
“อาบน้ำเพิ่มเท่าไร”
แนน เพื่อนที่ชักชวนมาบอกเอาไว้แล้วว่าลูกค้ามักจะมีนอกเหนือจากที่คุยต้องทำตามข้อตกลงให้เรียบร้อยเพื่อไม่ให้เสียผลประโยชน์ต้องสังเกตดูลูกค้าให้ดี ผู้ชายบางคนจะเอานั่นเอานี่สุดท้ายไม่ยอมจ่ายตามที่ตกลงกันไว้
อริสราเริ่มกลัวมือที่สั่นอยู่แล้วกลับยิ่งสั่นขึ้นไปอีกเมื่อเขายิงคำถามและยื่นข้อเสนอมาให้ถึงแม้อีกใจก็อยากได้เงินเพิ่มแต่สิ่งที่เธอต้องเจอมันอาจจะน่ากลัวจนนึกภาพไม่ออกเหนือสิ่งอื่นใดคือความอับอายที่เธอมี
“พอดีหนูมีธุระต่อค่ะ เอาไว้…”
“แล้วไป”
เขาไม่เรื่องมากอย่างที่เธอนึกกลัว ชายหนุ่มตัดบทแล้วก็ขยับตัวลุกขึ้นจากโซฟา
เขารู้ดีว่าผู้หญิงเหล่านี้ส่วนใหญ่รักสะอาด เป็นปกติที่ลูกค้าอย่างเขาต้องชำระล้างร่างกายก่อนขึ้นสังเวียน เวธัสเดินเข้าห้องน้ำไปปล่อยให้เธออยู่ด้านนอกรอ
ครืด~
หญิงสาวตกใจกับเสียงแจ้งเตือนสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของตัวเองยิ่งเห็นชื่อบนหน้าจอตอนที่เธอกำลังทำใจถอดชุดของตัวเองหัวใจยิ่งสั่นระรัว เธอเอื้อมมือไปจับเครื่องมือสื่อสารคิดอยู่เป็นนาทีจนสายถูกตัดไปแต่สุดท้ายก็ต้องโทร.กลับ
“มีอะไรอิฐ”
(พี่เอยแม่ได้เงินแล้วนะ พี่ไม่ต้องหายืมแล้ว)
อิฐเป็นน้องชายของเธอที่อายุห่างกันหกปี ตอนนี้เรียนอยู่คณะวิศวะกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของภาคเหนือ น้องชายของเธอเรียนเก่งมาตั้งแต่ยังเด็กต่างจากเธอที่เรียนอยู่ในระดับกลางๆ ห้อง อาศัยความขยันถึงได้เรียนมหาวิทยาลัยดีๆ กับเขา
เอย อริสรา หญิงสาววัยยี่สิบหกที่เพิ่งเรียนจบมาได้สามปีกว่า ทำงานอยู่ในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่ตอนนี้เจอพิษเศรษฐกิจและคนคอรัปชั่นในองค์กรจนต้องปิดตัวลง เธอเองก็กลายเป็นคนตกงานอย่างไม่ได้ตั้งตัวไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
ประจวบกับที่น้องชายต้องจ่ายค่าเทอม แม่ถูกกดดันไล่ที่ซึ่งเคยทำมาหากินจากอดีตนักการเมืองผู้มีอิทธิพล แถมยังรู้มาหมาดๆ ว่าแม่ติดหนี้ลูกนักการเมืองรายนี้ยอดเหยียบล้าน
เธอเคยสงสัยว่าก่อนหน้านี้ว่าแม่หาเงินจากไหนมาเพื่อส่งเธอกับน้องเรียน จริงอยู่ว่าร้านข้าวมันไก่ของแม่ค่อนข้างขายดี แต่เธอก็คิดว่ามันอาจจะไม่เพียงพอต่อการเลี้ยงลูกที่อยู่ในวัยเรียนทั้งคู่
“แม่เอามาจากไหน อย่าบอกว่าไปยืมพวกมันอีกนะ”
พวกมันที่ว่าคือพวกของปวีย์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของสีหราช คนที่เคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหลายสมัย แต่สมัยนี้พ่ายแพ้ให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ไฟแรงที่ครองใจคนในพื้นที่มากกว่า ถึงแม้จะมีข่าวลือว่าสีหราชทุ่มเงินหลายล้านกับการหาเสียงและซื้อเสียงอย่างลับๆ แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับอีกคนอย่างทิ้งห่างมากมายหลายหมื่นคะแนน
นั่นแปลว่าเขาถูกประชาชนที่รับเงินไปคนละสี่ห้าร้อยนั้นหักหลัง เหตุผลที่คนไม่เลือกก็คงเป็นเพราะความบ้าอำนาจของชายวัยห้าสิบกว่าปีคนนี้
(ผมไม่รู้ว่ะพี่เอย แต่แม่บอกว่าพี่ไม่รับสายเลยโทรบอกให้ผมโทรหาพี่ว่าไม่ต้องหายืมเพื่อนแล้ว)
เอยขยับฝ่ามือเล็กขึ้นมาวางตรงอกข้างซ้ายที่มันเต้นเร็วรัวขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ดวงตาคู่สวยมองไปยังบานประตูที่มีเสียงน้ำจากฝักบัวเล็ดลอดออกมาพลางคิดตื่นตระหนก
“โอเค งั้นแค่นี้นะ”
(อยู่ไหนนะ) น้องชายถามอย่างนึกสงสัยเพราะปกติแล้วพี่สาวไม่เคยกลับบ้านดึกโดยที่ไม่บอกกล่าวว่าไปไหน
“บ้านเพื่อน เดี๋ยวจะกลับ”
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเธอเทียวยืมเงินเพื่อนหลายคนเพื่อที่จะเอามาจ่ายค่าเทอมให้น้อง แต่มีแค่เพื่อนสนิทอย่างปภาวรินที่ให้ยืมห้าพันบาทยังขาดอีกสองหมื่นกว่าที่ต้องหาเพิ่ม มีเวลาอีกไม่กี่วันก็จะหมดเขตจ่ายแล้ว
สุดท้ายเพื่อนสมัยประถมที่เธอยังพูดคุยกันอยู่ก็แนะนำให้มาทำงานนี้เพราะหาเงินได้เร็วที่สุด เธอเคยคิดว่าชาตินี้คงไม่คิดจะทำแต่สุดท้ายความตกอับก็บีบบังคับให้เธอเดินเข้าสู่วงการอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ไหนจะต้องรับรู้ว่าแม่ติดหนี้คนพวกนั้นอีกหลายแสน จ่ายแต่ดอกเบี้ยทุกเดือนโดยที่เธอไม่เคยรับรู้ กระทั่งแม่ทนหาเองไม่ไหวถึงยอมบอกเธอ ซ้ำตอนนี้เธอยังตกงาน ตระเวนหางานทั่วทั้งจังหวัดแล้วพอมีที่ถูกใจแต่อีกเป็นเดือนกว่าจะได้เงินจากการทำงาน
สุดท้ายแล้วเธอก็ตัดสินใจเลือกขายศักดิ์ศรีของตัวเองโดยรับงานนี้ มันก็ดีกว่าให้เธอไปเป็นของไอ้ปวีย์ ผู้ชายสารเลวคนนั้นเพื่อแลกกับหนี้หลายแสน แค่เห็นหน้ามันเธอก็เหมือนโลกมันมืดไปหมดแล้ว
(ออ รีบกลับนะแม่เป็นห่วง)
เสียงจากน้องชายเรียกสติของเธอให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว อริสรารีบคว้ากระเป๋าสะพายใบเล็กแล้ววิ่งไปหยิบรองเท้าก่อนจะเปิดประตูหนีออกไปจากห้องทันที
เกือบไปแล้ว เธอเกือบจะตัดสินใจพลาด
ไม่รู้แล้วว่าแม่หาเงินมาจากไหนแต่ตอนนี้ขอเปลี่ยนใจ การจะขายศักดิ์ศรีมันไม่ง่ายเลยสำหรับเธอ