ตอนที่ 3 : ทำไมไม่เคยชนะ
ตอนที่
[3]
ทำไมไม่เคยชนะ
หลังจากที่สามารถต่อรองกับฮ่องเต้หน้ายักษ์สำเร็จ ซูซีหลินก็นอนแผ่กายบนเตียงอย่างไม่รักษากิริยาใด ภาพนี้ทำให้จินจูทนไม่ไหวต้องรีบไล่เหล่านางกำนัลออกไปด้วยไม่อยากให้เกิดเสียงซุบซิบเกี่ยวกับกุ้ยเฟยที่ไม่ดีออกไป แม้ว่าข่าวลือเกี่ยวกับกุ้ยเฟยที่คนภายนอกตำหนักกล่าวถึงในยามนี้จะไม่ค่อยดีอยู่แล้วก็ตาม แต่ทว่าตั้งแต่ที่กุ้ยเฟยตื่นขึ้นมาในเช้าวันนี้ดูเหมือนจะมีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ไหนจะข้อตกลงกับฝ่าบาทนั่นอีก พระนางจะยอมจากไปจริงหรือ นับตั้งแต่ที่ตนได้มีโอกาสรับใช้อีกฝ่ายมา ซูกุ้ยเฟยนั้นเอาใจผูกติดกับตำแหน่งมารดาแผ่นดินมากเพียงใดเหตุใดตนจะไม่รู้ จินจูใช้สายตาลอบมองผู้เป็นนายอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะรีบหลุบสายตาลง
ซูซีหลินไม่ได้รับรู้ถึงความคิดของนางกำนัล นางเพียงทบทวนเรื่องราวของนิยายและข้อมูลเกี่ยวกับซูซีหลิน เพื่อจะได้วางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ซูซีหลินคือบุตรสาวคนรองของแม่ทัพซู ซูซีซาน แม่ทัพใหญ่ของแคว้นที่ประจำการอยู่ที่เมืองชายแดนอย่างเจินโจว เพื่อรักษาความสงบที่นั่น นานทีปีหนถึงจะได้เข้ามาเมืองหลวง อาจจะเพราะด้วยเจ้าตัวไม่ได้ชื่นชอบบรรยากาศของเมืองหลวงมากนัก อยู่ที่เมืองชายแดนดูจะสงบสุขมากกว่าดูการเชือดเฉือนไปมาระหว่างเหล่าขั้วอำนาจต่าง ๆ ในเมืองหลวง
แต่ทว่าเมื่อหลายปีก่อนที่แม่ทัพซูได้พาครอบครัวกลับมาที่เมืองหลวงเพื่อร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จหลังจากปราบปรามเผ่าเมิ่งหนึ่งในศัตรูที่สร้างความรำคาญให้แคว้นมาเนิ่นนาน ในตอนนั้นเองซูซีหลินที่ติดตามบิดามาได้พบกับองค์รัชทายาทรูปงามที่อายุไม่ห่างจากตนมากนักเป็นครั้งแรกราว ๆ สามสี่ปี แม้ว่าจะอายุเพียงห้าหนาว แต่เด็กน้อยก็รู้ว่าผู้ใดหน้าตาดี ความประทับใจยามแรกพบของซูซีหลินต่ออวี๋กงซู่ฮ่องเต้ หรือยามนั้นคือองค์รัชทายาทอวี๋กงซู่ก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ
เวลาผันผ่านไปหลังจากนั้นอีกแปดปี อดีตฮ่องเต้ได้มีรับสั่งให้องค์รัชทายาทมาฝึกการทหารพร้อมทั้งสังเกตการณ์แคว้นหมิงที่มีแววว่าจะบุกมารุกรานแคว้นหลิวหยวนได้ทุกเมื่อกับแม่ทัพใหญ่ที่เมืองเจินโจว นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้ซูซีหลินได้พานพบกับเขาอีกครั้ง ยิ่งเห็นว่าเขาเติบโตขึ้นมาแล้วสง่างามเปี่ยมด้วยบารมีของผู้สูงศักดิ์มากเพียงใด ในใจก็ยิ่งสลักชื่อของเขาลงลึกในใจมากเท่านั้น
ทว่าในยามที่หญิงสาวพยายามที่จะเริ่มอยากจะสานสัมพันธ์กับเขา หลังจากที่ติดตามเขามาครึ่งค่อนวันเข้าไปในป่า ในยามนั้นก็ปรากฏว่ามีทหารแคว้นหมิงได้ลอบโจมตีอวี๋กงซู่เสียก่อน ทำให้องครักษ์ของเขาต้องกระจายกำลังออกไปเพื่ออารักขาผู้เป็นนาย แต่ไม่รู้ว่าอารักขาอย่างไร จึงเหลือเขาที่กำลังบาดเจ็บอยู่เพียงลำพังผู้เดียว ในยามนั้นซูซีหลินร้อนใจเป็นอย่างมากที่คนที่ตนมีใจให้บาดเจ็บ จึงได้รีบเข้าไปให้การช่วยเหลือ….
แต่อนิจจาที่ซูซีหลินนั้นวัน ๆ เอาแต่สนใจแค่เรื่องประทินโฉม ผัดแป้งแต่งตัว ความรู้รอบตัวจึงมีไม่มากนักเพราะเจ้าตัวไม่พยายามฝักใฝ่ แม้เป็นถึงบุตรีของแม่ทัพใหญ่ แต่จะให้จับอาวุธ ขี่ม้าก็ไม่อาจทำได้ ที่ติดตามอวี๋กงซู่มาได้ก็เพราะให้สาวรับใช้คนสนิทขี่ม้าพามา แต่ในจังหวะหน้าสิ่วหน้าขวาน สตรีที่ทำอันใดไม่เป็นก็ได้แต่ฉีกอาภรณ์ของตนออกมาสำหรับใช้ในห้ามเลือดและพันแผลให้เขา
และในจังหวะนั้นเองคนผู้หนึ่งก็ปรากฏกายขึ้น
“แม่นาง ข้ามีความรู้เรื่องสมุนไพรและการทำแผล ให้ข้าทำให้เขาเถิด”
เป็นช่ายเฟิ่งจิ่ว
ไม่รอให้ตอบรับสิ่งใดอีกฝ่ายก็รีบทำทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่วและเป็นระเบียบ ไม่นานองค์รัชทายาทก็ถูกปฐมพยาบาลเรียบร้อย รวมถึงผ่านขีดอันตรายจากการติดเชื้อมาได้
รู้ตัวอีกที ซูซีหลินก็รู้ว่าตนเองพลาดไปเสียแล้ว
หญิงสาวที่มาใหม่สามารถดึงความสนใจของอวี๋กงซู่ไปเสียแล้ว
ช่ายเฟิ่งจิ่วที่ยามนั้นได้เดินทางมาเพื่อร่ำเรียนในสำนักศึกษาที่ว่ากันว่าสอบคัดเลือกเข้ายากหนักหนาได้ ต้องเป็นผู้ที่เพียบพร้อมไปด้วยความรู้และทักษะในด้านต่าง ๆ ขั้นพื้นฐานเป็นอย่างดีถึงจะมีโอกาสสอบผ่านและเข้ามาเรียนที่สำนักศึกษาชงฮุ่ยแห่งเมืองเจินโจวได้
ในยามนั้นที่อวี๋กงซู่รู้ว่าสตรีที่มาช่วยเหลือตนเป็นผู้ใด จากนั้นเขาก็เอาแต่แวะเวียนไปที่สำนักศึกษาแห่งนั้นบ่อย ๆ ระหว่างที่อยู่ที่นี่
ด้านซูซีหลินนั้นก็ไม่ยอมแพ้ นางเริ่มเกาะติดกับชายหนุ่มมากยิ่งขึ้น จนทำให้เขาเกิดความรำคาญใจอย่างยิ่งยวด แต่ด้วยความที่ยังไว้หน้าแม่ทัพใหญ่ จึงไม่ได้จัดการอันใดกับซูซีหลินอย่างจริงจังนัก
จนวันหนึ่งที่เขาถูกอดีตฮ่องเต้เรียกตัวกลับวังหลวงเป็นการด่วน ทำให้เขาต้องห่างจากช่ายเฟิ่งจิ่วไป แต่ถึงกระนั้นในใจก็ยังสลักสตรีผู้นี้ไว้ในใจ
จากนั้นองค์รัชทายาทอวี๋กงซู่ก็ได้กลายเป็นอวี๋กงซู่ฮ่องเต้ เพราะอดีตฮ่องเต้นั้นมีอาการประชวรหนักซึ่งไม่ได้ระบุว่าเป็นโรคใด แต่สามารถประคองตนเองได้เพียงหนึ่งปีกว่า ๆ เท่านั้น คล้ายในยามนั้นพระองค์รอให้พระโอรสพร้อมสำหรับรับช่วงต่อแล้วจึงจะจากไป
และไม่นานหลังจากนั้นไทเฮาและฮองเฮาก็จากไปเช่นกัน
ในตอนนั้นเองที่ซูซีหลินรู้ว่า เมื่อเขากลายเป็นผู้ปกครองแผ่นดินแล้วต่อไปก็คงหนีไม่พ้นการที่ต้องแต่งตั้งฮองเฮาคู่บารมี คราแรกซูซีหลินร้อนใจเป็นอย่างมากแต่ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาที่ภายหลังเขาสามารถยื้อเวลานั้นออกไปได้ถึงสามปี
ทว่าสามปีผ่านไปก็เป็นช่วงเวลาที่ช่ายเฟิ่งจิ่วกำลังจะจบการศึกษาจากสำนักศึกษาและต้องเดินทางกลับเมืองหลวง ในใจของซูซีหลินเริ่มร้อนรนอีกครั้งและรับรู้ได้ว่า หากอีกฝ่ายกลับไปเมืองหลวงฮ่องเต้ต้องพยายามเกี้ยวพาและรับอีกฝ่ายให้รับตำแหน่งฮองเฮาเป็นแน่ สมองของบุตรสาวแม่ทัพใหญ่จึงเริ่มคิดหาแผนการอย่างหนัก
ทว่าเหมือนโชคจะเข้าข้างซูซีหลิน ยามนั้นบิดาและพี่ชายที่เป็นรองแม่ทัพสามารถช่วยกันจัดการกองทัพแคว้นหมิงที่พยายามรุกรานชายแดนแคว้นมาหลายปีจนสำเร็จ
สองพ่อลูกตระกูลซูแม้ว่าจะชนะศึกกี่คราก็ไม่เคยขอปูนบำเหน็จอันใดจากผู้ปกครองแผ่นดิน แต่ยามนี้กลับถูกบุตรสาวและน้องสาวที่เป็นดั่งดวงใจขอร้องอ้อนวอนอยากจะเป็นมารดาแผ่นดินเคียงคู่กับจักรพรรดิ ด้วยมีใจให้ผู้ที่อยู่บนบัลลังก์ตอนนี้มาตั้งแต่ครั้งยังเยาว์วัย
แม้จะขัดต่อหลักการในใจ สุดท้ายสองพ่อลูกตระกูลซูก็ยินยอมเข้าเมืองหลวงเพื่อทำตามความต้องการของบุตรสาวและน้องสาวอันเป็นที่รัก
แต่แล้วพวกเขาก้ต้องผิดหวังเพราะสุดท้ายตำแหน่งที่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ให้ได้นั้นอย่างมากที่สุดก็คือกุ้ยเฟย โดยกล่าวว่าตำแหน่งฮองเฮาต้องเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด แม่ทัพใหญ่เมื่อรู้ว่าแม้ดึงดันไปก็ไม่มีอันใดเปลี่ยนแปลงเพราะอวี๋กงซู่ฮ่องเต้ดูเหมือนว่าจะไม่ยินยอมในตอนนี้ จึงคิดว่าค่อยให้บุตรสาวพัฒนาตนเองเพื่อไปสู่ตำแหน่งนั้นในภายหลังก็ได้
ซูซีหลินแม้จะได้เข้าวังหลวงแต่ก็ยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ยิ่งรู้ว่าศัตรูหัวใจกำลังเดินทางเพื่อกลับมาเมืองหลวงแล้วยิ่งไม่อาจทำใจสงบได้ สุดท้ายจึงได้ตัดสินใจส่งนักฆ่าฝีมือดีไปกระทำการลับหลังทุกคน เพื่อลอบฆ่าศัตรูหัวใจให้ตายตกไปก่อนที่จะได้เข้าเมืองหลวง
แต่ทว่านอกจากช่ายเฟิ่งจิ่วจะไม่ตายแล้ว ยังได้พบกับผู้ที่มีความสามารถหนำซ้ำยังรูปงามอย่างข่ายเชี่ยนหยุน เข้ามาช่วยเหลืออีก ซึ่งเขาก็คือ พระเอกในนิยายคุณหนูอันดับหนึ่งของหลิวหยวนนั่นเอง หลังจากได้ทำการช่วยเหลือกันและถูกชะตากันอย่างยิ่งยวด ข่ายเชี่ยนหยุนก็ตั้งใจว่าจะช่วยช่ายเฟิ่งจิ่ว จัดการสตรีร้ายกาจที่วางแผนชั่วในครั้งนี้ให้จงได้
ที่จริงแล้วหลังจากที่อวี๋กงซู่ถูกเรียกตัวกลับวังหลวง ซูซีหลินก็พยายามส่งคนไปเล่นงานช่ายเฟิ่งจิ่วอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่สามารถทำอันใดอีกฝ่ายได้เลย
ซูซีหลินในยามนั้นคิดอย่างไม่เข้าใจ
หากแต่ถามซูซีหลินที่กำลังนอนแผ่หลาบนเตียงในยามนี้ คงได้คำตอบว่า ก็คนเขาเป็นนางเอก ตัวเองเป็นนางร้ายจะไปชนะเขาได้อย่างไรกันเล่า
เฮ้อ
และหลังจากที่ช่ายเฟิ่งจิ่วและข่ายเชี่ยนหยุนเดินทางเข้ามาเมืองหลวงได้สำเร็จ จุดตกต่ำในชีวิตของซูซีหลินก็เริ่มต้นขึ้น…..
ทว่าจุดจบของซูซีหลินไม่ได้จบลงเพราะฝีมือของทั้งสองคนนั้น หรือแม้กระทั่งฝีมือของอวี๋กงซู่ฮ่องเต้โดยตรง
แต่เป็นคนอื่น ที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลัง
และคนผู้นั้นก็อยู่ในวังหลวงแห่งนี้!!