บท
ตั้งค่า

3 ฉันไม่ใช่เด็ก

กัลยณัฏฐ์จ้องหน้าชายหนุ่มท่าทางเอาเรื่องแม้ในใจจะกลัวเพียงใดแต่ภายนอกต้องแสดงท่าทีแข็งแกร่งเอาไว้ ชายหนุ่มเห็นท่าทีจ้องตาเขม็งแล้วก็อดขำไม่ได้ แต่จะหัวเราะก็กลัวเสียฟอร์ม

“แต่ผมชอบอันนี้” ปุณณวิชญ์ชี้ไปที่ลูกโลกจำลองใบเดิม ขณะพูดก็แอบชำเลืองไปมองเด็กสาวตรงหน้า

“นี่คุณ ฉันก็บอกอยู่นี่ไงว่าฉันเลือกก่อน” เรื่องที่จะยอมใครง่ายๆ ไม่เคยอยู่ในหัวของกัลยณัฏฐ์

“งั้นผมให้ราคาเป็น 2 เท่า” ปุณณวิชญ์เสนอ แม้จะเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องนักแต่เขาก็ยินดีจะจ่ายแพงกว่าถ้ามันทำให้เขาได้ชนะเด็กผู้หญิงตรงหน้า ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากเอาชนะเธอนัก อาจเป็นเพราะดวงตากลมโต คิ้วเรียงตัวสวยกับผมบ๊อบสั้นไล่ระดับ ด้านหลังทุยและใบหน้าเรียวได้รูปกับท่าทางเอาเรื่องนั้นก็เป็นได้

“อย่ามาทำเป็นเงินหนาแถวนี้ นึกว่าจ่ายแพงเป็นคนเดียวหรือไง” หญิงสาวฮึดฮัดอย่างขัดใจ

“ทำไม จะประมูลสู้กันอย่างนั้นเหรอ แล้วหนูจะมีเงินพอจ่ายเร้อ” ท่าทางยียวนบวกกับคำว่าหนูที่หลุดออกจากปากของผู้ชายตรงหน้าทำเอาคนฟังควันออกหูเพราะเธอไม่ใช่เด็กอย่างที่เขาว่า

“ฉันไม่ใช่เด็กนะ ไม่ต้องมาเรียกว่าหนู” น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“อ้าว! ใครจะไปรู้ก็เห็นตัวเล็กนิดเดียว ดูยังไงก็ยังเด็กอยู่ดี นี่เรียนอยู่ชั้นไหนแล้ว”

“จะให้บอกอีกกี่ครั้งว่าฉันไม่ใช่เด็ก แล้วนายก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าคนอื่นแบบนี้” กัลยณัฏฐ์หัวเสียและหงุดหงิดเป็นอย่างมากไม่เคยมีใครมาทำกิริยาแบบนี้กับเธอมาก่อน คำว่าเด็กที่ออกมาตากปากของผู้ชายตรงหน้าทำให้เธอหวนคิดไปถึงวันเก่าๆ

“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ก็พูดไปตามจริงที่เห็น” คนตัวโตกว่ามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยิ้มเยาะอย่างเอ็นดู ทำให้คนตัวเล็กโมโหยิ่งกว่าเดิม

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง ยังไงฉันก็จะเอาลูกโลกอันนี้ให้ได้ ถ้าลุงมีเงินมากนักก็ไปหาขับรถไปหาซื้อที่อื่นสิผู้ชายประสาอะไรไม่เป็นสุภาพบุรุษ”

คำว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษที่หลุดออกมาจากปากบางได้รูปนั้นนั้น ไม่ทำให้ปุณณวิชญ์สะอึกเท่ากับเมื่อได้ยินสรรพนามเด็กคนนี้ใช้เรียก เธอเรียกเขาว่าลุง ซึ่งไม่เคยมีใครเรียกเขาอย่างนี้มาก่อน แม้กระทั่งลูกของเพื่อนๆ เขาก็ให้เรียกน้าหรืออาเท่านั้น ถึงแม้เขาจะดูอายุมากว่าเธอแต่ก็คงไม่อายุมากกว่าพ่อกับแม่ของเธอจนถึงขนาดให้เธอมาเรียกเขาว่าลุงทั้งที่เขาเองอายุพึ่งจะ 32 ปีเท่านั้น ไม่ได้แก่อย่างที่ถูกเรียก

ครืด..... ครืด…..

โทรศัพท์ที่ใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงสั่นอย่างต่อเนื่องจนปุณณวิชญ์ต้องหยุดการโต้เถียงตรงหน้าแล้วรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาดูเมื่อเห็นเบอร์โทร. เข้าเป็นเบอร์ของลูกค้าคนสำคัญเขาจึงรีบกดรับและเดินออกไป กัลยณัฏฐ์มองตามแล้วก็ยิ้มอย่างผู้ชนะ

“ห่อเป็นของขวัญให้พี่ด้วยนะ” เธอรีบบอกพนักงานอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าเขาจะกลับมาแย่งเธออีกครั้ง

เมื่อได้ของขวัญสำหรับพิจิกาแล้วกัลยณัฏฐ์ก็เดินเลือกซื้อหนังสือที่ถูกใจอีก 3 เล่มระหว่างรอพนักงานห่อของขวัญ การควักเงินจ่ายค่าหนังสือสำหรับเธอนั้นเป็นอะไรที่ง่ายเหลือเกินแต่ถ้าจะให้ไปซื้อเสื้อผ้าเครื่องสำอาง กระเป๋า รองเท้าละก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ เธอเป็นผู้หญิงที่แต่งตัวสบายๆ แค่เสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงยีนส์เก่าๆ รองเท้าผ้าใบ เธอก็ออกจากบ้านได้แล้ว เพราะหญิงสาวถือว่าเวลาที่เธอไปสอนหนังสือที่โรงเรียนเธอก็ใส่ชุดกระโปรงตามแบบที่ทางโรงเรียนกำหนด พอวันหยุดจึงอยากแต่งตัวตามสบายบ้าง

ปุณณวิชญ์คุยโทรศัพท์กับลูกค้าเสร็จแล้วก็รีบเดินกลับมาที่ร้านหนังสือ เขาสอดสายตาหาคนตัวเล็กแต่ก็ไม่พบ

“เด็กคนเมื่อกี้ไปไหนแล้วครับ” เอ่ยถามพนักงานแต่ในใจก็ติดว่าเธอคงรีบซื้อแล้วรีบกลับอย่างแน่นอน ชายหนุ่มนึกเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้รู้จักแม้แต่ชื่อของเธอ

“คุณคนนั้นเธอไปแล้วได้สักพักแล้วค่ะ เธอไม่ใช่เด็กอย่างที่คุณคิดนะคะ” แม้จะเป็นการเสียมารยาทแต่พนักงานก็ไม่อยากให้ลูกค้าเข้าใจผิด

“อย่างนั้นเหรอครับ” เขาเลิกคิ้วอย่างสงสัยไม่ค่อยจะเชื่อคำพูดของพนักงานเท่าไหร่นัก

“ดูท่าทางคุณคงไม่เชื่อ แต่เชื่อเถอะค่ะ เพราะเธอเป็นลูกค้าประจำของเราค่ะ เธอเป็นครูแต่จะสอนที่ไหนนั้นทางเราก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”

“ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูล” ปุณณวิชญ์บอกกับพนักงานขายที่ดูเหมือนจะช่างพูดซะเหลือเกิน จากนั้นเขาก็เลือกลูกโลกจำลองใบที่พนักงานแนะนำเมื่อครู่พร้อมกับให้พนักงานจัดห่อเป็นของขวัญเพื่อเตรียมให้พิจากาในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ส่วนตัวเขาเองก็เลือกหนังสือเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการลงทุนที่เขาสนใจไว้อ่านยามว่าอีก 2 เล่ม กว่าจะออกจากร้านหนังสือก็มืดพอดี เขาจึงรีบโทรบอกที่บ้านเพราะเกรงว่าพี่สาวกับหลานสาวจะรอเขาทานข้าวเย็น

“หนูดี น้ากลับค่ำหน่อยนะ ถ้าหนูดีกับแม่หิวก็ทานข้าวก่อนเลยไม่ต้องรอน้า” ปุณณวิชญ์รีบกรอกเสียงไปตามสายทันที่ทีอีกฝ่ายกดรับ

“ค่ะน้าวิชญ์” พิจิการับคำสั้นๆ ในมือก็สาละวนอยู่กับการช่วยมารดาเด็ดยอดชะอม

“น้าวิชญ์หรือลูก”

“ค่ะแม่ น้าวิชญ์บอกว่าจะกลับค่ำๆ ว่าถ้าเราหิวก็ทานข้าวกันไปก่อนได้เลย”

“แม่ยังไม่หิวเลย หนูดีล่ะลูกถ้าหิวก็ทานก่อนอย่างที่น้าวิชญ์ว่าก็ได้ เดี๋ยวแม่ทำไข่เจียวชะอมอีกอย่างก็เสร็จแล้ว”

“ไม่ค่ะแม่ หนูดีจะรอน้าวิชญ์” เมษาพยักหน้าอย่างเข้าใจลูกสาวเพราะตั้งแต่มีน้าชายมาอยู่ด้วยก็ทำให้บรรยากาศภายในบ้านดูจะอบอุ่นขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก เธออยากให้น้องชายมาอยู่ด้วยกันที่นี่ตลอดไป

กว่ากัลยณัฏฐ์จะขับรถถึงบ้านก็เกือบ 6 โมงเย็น บ้านหลังนี้ไม่อยู่ติดคลองเหมือนหลังที่ทำเป็นโฮมสเตย์ แต่เป็นบ้านที่เธอเอาไว้นอนในวันธรรมดาเพราะสะดวกในการขับรถออกไปทำงานเนื่องจากมีถนนเล็กๆ ทำให้สามารถเอารถเข้าไปได้ถึงตัวบ้าน หญิงสาวเรียนจบคณะคุรุศาสตร์เอกวิชาภาษาอังกฤษ เพราะอยากเป็นครูเหมือนมารดา แต่ตอนนี้ยังไม่ได้บรรจุเขาเป็นข้าราชการอย่างที่หวังไว้ ปีที่แล้วหญิงสาวอ่านหนังสืออย่างหนักเพื่อเตรียมตัวสอบแต่พอถึงวันสอบเธอเป็นไข้หวัดใหญ่ต้องนอนโรงพยาบาลอยู่หลายวัน หญิงสาวเสียใจเป็นอย่างมาก แต่ยังโชคดีที่โรงเรียนเอกชนในตัวจังหวัด เปิดรับสมัครครูอัตราจ้างเธอไปสมัครและทางโรงเรียนก็ตอบรับให้เธอไปเป็นครูที่นั่นโดยมีสัญญาจ้างปีต่อปี

เมื่อเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วหญิงสาวแล้วก็เดินไปยังโฮมสเตย์ที่อยู่ถัดไปอีกไม่ไกลมากนัก

“ซื้อของเพลินเลยล่ะสิลูก” ปองพลเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นลูกสาวเดินมาถึงห้องโถงที่เปิดโล่งเปรียบเสมือนห้องรับแขกและมีแขกนั่งทานอาหารอยู่ 3 โต๊ะ

“ก็นิดหน่อยค่ะพ่อ พ่อกับแม่หิวหรือยังคะ” คนมาช้าถามอย่างรู้สึกผิดเพราะเลยเวลาอาหารเย็นมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว

“ยังไม่หิวจ๊ะลูก ว่าแต่ปอได้ของครบไหม”

“ครบค่ะแม่ แต่ก็เกือบไม่ครบค่ะ” สีหน้าที่แสดงออกมาทำให้คนเป็นมารดาอยากรู้ว่าลูกสาวไปเจออะไรมาถึงได้อารมณ์เสียเช่นนี้

“อ้าว! สรุปครบหรือไม่ครบ” ปองพลหัวเราะกับคำตอบของลูกสาว

“ครบค่ะ แต่ก็เกือบไม่ได้ของที่ต้องการค่ะพ่อ” แล้วเรื่องราวที่เธอมีเรื่องกับผู้ชายที่เธอเรียกว่าลุงก็ถูกถ่ายทอดไปยังบุพการีทั้งสอง ที่นั่งฟังไปยิ้มไป

“แต่หนูก็ได้มาแล้วนี่ลูก ไม่เห็นจะต้องเก็บมาเป็นอารมณ์เลย”

“ได้ของก็ส่วนได้ของนี่ค่ะ แต่ที่ปอไม่ชอบก็ตรงที่เค้าหาว่าปอเป็นเด็กนี่แหละค่ะ” กัลยากับปองพลหัวเราะพร้อมกัน ไม่ว่าใครที่เคยเจอกับลูกสาวของเขาในวันธรรมดาก็ต้องคิดว่าเธอเป็นเด็กกันทั้งนั้น เพราะนอกจากจะตัวเล็กเพราะสูงเพียง 163 ซม. แล้วเธอยังตัดผมสั้นและแต่งตัวแบบเด็กวัยรุ่น มิหนำซ้ำเธอเองก็ไม่แต่งหน้าทำให้คนที่เจอมักเข้าใจผิดเป็นประจำ

“ก็ลูกสาวแม่แต่งตัวเหมือนเด็กนี่จ๊ะ ใครๆ ก็เข้าใจผิด แม่ว่าหนูลองแต่งหน้าหรือว่าใส่ชุดกระโปรงบ้างก็ดีนะ ลองไว้ผมยาวเหมือนตอนเรียนปี 1 ดูก็ได้นะ จะได้ดูโตขึ้นมาหน่อย เผื่อมีหนุ่มๆมาจีบกับเขาบ้าง” กัลยาแนะนำไปอย่างนั้นเพราะรู้ว่ายังๆ ลูกสาวก็ไม่ทำตาม

“ใครเค้าจะมาจีบปอกันล่ะคะแม่ อีกอย่างปอเองก็ไม่อยากมีแฟน แม่กับพ่อก็รู้นี่คะ ว่าปออยากอยู่กับพ่อกับแม่แบบนี้ตลอดไป”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel