บท
ตั้งค่า

14 หาเรื่องคุย

เมื่อพ้นประตูพิจิกาก็รีบวิ่งตัวปลิวไปยังบ้านอีกหลังของกัลยาที่อยู่ห่างไปไม่มากนัก โดยมีชายหนุ่มเดินตามไปอย่างช้าๆ

“พี่โอป พี่โอป” เด็กสาวตะโกนเรียกพี่สาวคนสนิท แม้จะจะคุยกันผ่านไลน์ทุกวันแต่ก็ไม่เหมือนกันได้มาเจอกันจริงๆ พิจิกาดีใจไม่น้อยที่วันนี้ได้มาหากัลยณัฏฐ์หลังจากที่ไม่เจอกันมาหลายวัน

หญิงสาวเดินออกมาจากบ้านด้วยสีหน้ายินดีที่พิจิกาแวะมาหา เธอไม่ค่อยมีเพื่อนมากนัก พอเด็กสาวย้ายไปในตลาดแม้จะไม่ไกลจากบ้านมากเธอเองก็รู้สึกเหงา เพราะยังไม่มีโอกาสเจอกันเลย ชายหนุ่มมองภาพตรงหน้าที่หลานสาววิ่งไปสวมกอดหญิงสาวแล้วก็อดอมยิ้มให้กับความสนิทสนมของทั้งสองคนไม่ได้

วันนี้กัลยณัฏฐ์ใส่กางเกงขาสั้นอวดขายาวเรียว แม้เธอจะเป็นหญิงสาวที่ไม่สูงมาก แต่ก็ไม่ได้เตี้ยจนเกินไป รูปร่างเธอสมส่วน ยิ่งใส่เสื้อยืดตัวเล็กรัดรูปแบบนี้ทำให้เน้นสัดส่วนให้เด่นชัดมากขึ้น ปุณณวิชญ์เผลอมองอย่างเพลินตา

“สวัสดีค่ะน้าวิชญ์” เสียงเธอปลุกให้เขาออกจากความคิด ก่อนที่จะยกมือรับไหว้ อันที่จริงเขาไม่ชอบเลยที่เธอทักทายเขาแบบนี้ เขาอยากบอกเธอว่าครั้งต่อไปถ้าเจอกันไม่ต้องยกมือไหว้ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับเธอตามลำพังเลย

หญิงสาวเอ่ยชวนเขาเข้ามาในบ้าน ที่ตอนนี้พิจิกาเดินนำเข้าไปก่อนแล้ว พอไปถึงเด็กสาวก็ยกแก้วน้ำมาวางบนโต๊ะเล็กหน้าโซฟาอย่างคุ้นเคย โดยที่เจ้าของบ้านแทบไม่ต้องบอก

ระหว่างที่สองสาวต่างวัยกำลังคุยกันอย่างสนุกเขาก็ถือโอกาสนี้สำรวจไปรอบๆ ห้องรับแขก ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย พิจิกาเคยเล่าให้ฟังว่าหญิงสาวพักอยู่ที่นี่คนเดียวเสียเป็นส่วนใหญ่ บิดามารดาของเธอนั้นมักจะนอนไปค้างที่โฮมสเตย์

ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำมาดื่ม แล้วก็เหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งกางอยู่บนโต๊ะ เขาพลิกหน้าปกขึ้นมาดู ‘คู่มือเตรียมสอบครูผู้ช่วย’ ถัดไปก็มีหนังสืออีกกองโตวางซ้อนกันอยู่ ชายหนุ่มเอียงคออ่านสันหนังสือ ก็พบว่าเป็นหนังสือคล้ายๆ กัน แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปสันหนังสือไว้

พิจิกากับน้าชายกลับไปแล้วกัลยณัฏฐ์นั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวเงียบๆ เธอตั้งใจว่าปีนี้จะต้องสอบบรรจุเป็นข้าราชการครูให้ได้ เพราะยิ่งปล่อยเวลาผ่านไปความรู้ที่เธอสั่งสมมาตลอดขณะที่ยังเรียนอยู่ อาจจะสู้กับรุ่นน้องพี่พึ่งเรียนจบในปีการศึกษานี้ไม่ได้ ในแต่ละปีคนสอบก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับจำนวนนักศึกษาที่จบในแต่ละปีแล้วการรับเข้าบรรจุช่างเป็นสัดส่วนที่น้อยนิดเสียเหลือเกิน เธอเองก็ต้องเหนื่อยกว่าเดิมหลายเท่าตัวเพราะมีทั้งงานสอนที่มีทุกวัน วันละหลายชั่วโมง ตอนเย็นก็ต้องตรวจการบ้าน เสร็จแล้วก็ต้องวางแผนการสอน พอใกล้สอบก็ต้องร่วมกับคุณครูอีก 2 ท่านในการออกข้อสอบ ทั้งสอบเก็บคะแนน สอบกลางภาค และสอบปลายภาค ชั้นเรียนที่เธอสอนเป็นระดับชั้น ม.5 ซึ่งเป็นชั้นที่กำลังเป็นวัยรุ่น ในแต่ละวันเธอแทบจะหมดแรงในการสอนทำให้ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไปช่วยงานที่โอบรักโฮมสเตย์เลย แต่มารดาของเธอก็เข้าใจดี เพราะเธอเองก็เคยเป็นครูมาก่อน

กัลยณัฏฐ์อ่านหนังสือมานานเท่าไหร่ไม่รู้ พอเงยหน้าอีกทีเข็มยาวก็ชี้ไปที่เลขหก ส่วนเข็มสั้นนั้นเลยเลขเก้ามาครึ่งหนึ่งแล้ว เธอลุกขึ้นบิดขี้เกียจ ก่อนที่จะเดินไปอาบน้ำเรียกความสดชื่นเพื่อกลับมาอ่านหนังสือต่อ

เสียงจากแอปพลิเคชั่นไลน์ดังขึ้นเมื่อเธอเดินมาถึงโซฟาตัวยาวที่ใช้นั่งอ่านหนังสือตังแต่บ่าย

‘ว่างไหมครับผมจะโทรหา’ ข้อความจากน้าชายของพิจิกา เธอกำลังจะพิมพ์ตอบกลับไปเขาก็โทร. เข้ามาพอดี

“ว่างคุยไหม” เขาถามอีกครั้งหลังจากที่พิมพ์มาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ไม่รอคำตอบเพราะเห็นว่าเธออ่านแล้ว นั่นก็แสดงว่าเธอว่าง

“ถ้าบอกว่าไม่ว่างล่ะคะ” เธอถามกลับ

“แต่ผมว่าว่างนะ เพราะถ้าไม่ว่างก็คงไม่อ่านไลน์ ใช่ไหม” คนถามทึกทักคำตอบเอาเอง

“ว่างก็ได้ค่ะ มีธุระอะไรหรือเปล่า” กัลยณัฏฐ์ไม่อยากแกล้งเขาเพราะคิดว่าเขาคงมีธุระจริงๆ

“พอดีว่าผมลืมบอกช่างที่มาต่อเติมบ้านว่าหนูดีเลือกสีไหน เลยอยากให้คุณแวะไปบอกก่อนออกไปทำงานได้ไหม ผมโทร. ติดต่อเค้าไม่ได้”

“ได้ค่ะ”

ปุณณวิชญ์บอกสีที่หลานสาวเลือกไว้เมื่อตอนบ่ายกับหญิงสาวหลังจากนั้นเขาก็ชวนเธอคุยอีกสักพักก่อนจะวางสายเพราะรู้ว่าเธอคงต้องอ่านหนังสืออีกเป็นแน่

อันที่จริงเขาเองก็มีเบอร์โทรศัพท์ของช่างอยู่แล้ว เพียงแต่เขาพยายามหาข้ออ้างเพื่อที่จะได้คุยกับเธอเท่านั้น เขายังหาเหตุผลให้ตัวเองไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร ‘แต่บางทีคนเราก็ทำอะไรไปโดยไม่มีเหตุผลก็ได้’ ชายหนุ่มคิดเข้าข้างตัวเอง

ช่างเป็นวันจันทร์ที่แสนจะวุ่นวายเพราะนอกจากจะต้องสอนนักเรียนตามปกติแล้ว ชั่วโมงสุดท้ายที่เป็นชั่วโมงกิจกรรม ทางโรงเรียนให้นักเรียนแต่ละห้องเริ่มซ้อมกิจกรรมกีฬาสีที่จะมีในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ปลายเดือนนี้

ปีนี้กัลยณัฏฐ์ได้อยู่มีฟ้าและมีหน้าที่ในการจัดขบวนพาเหรดร่วมกับครูโบว์ซึ่งเป็นครูประจำชั้นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/2 ครูให้นักเรียนแต่ละสีที่มีตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แต่ละสีก็แยกไปตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งทางโรงเรียนจัดไว้ ทั้งหมดมี 5 สี คือ สีแดง สีเขียว สีฟ้า สีเหลือง สีม่วง

ครูโบว์พาเธอไปยังห้องเรียนชั้น ม. 6/2 ที่อยู่ชั้นบนสุดของอาคารเรียน 4 ชั้น พอเข้าไปถึงก็มีนักเรียนรอยู่แล้ว 6 คน เด็กๆ ยกมือไหว้เมื่อทั้งสองเดินเขามาในห้อง จากนั้นก็เริ่มแนะนำตัวกันทีละคน เธอและครูโบว์ให้เด็กๆ ช่วยกันเสนอว่าจะจัดขบวนพาเหรดอย่างไรให้เข้าตากรรมการ เพราะปีนี้มีรางวัลสำหรับขบวนพาเหรดด้วย

เมื่อตกลงกันได้แล้วว่าจะจัดขบวนพาเหรดอย่างไร เด็กๆ ก็พาครูทั้งสองคนไปยังโรงอาหารที่ตอนนี้มีสมาชิกของสีฟ้าทุกระดับชั้นกำลังซ้อมร้องเพลงเชียร์กันอย่างสนุกสนาน จากนั้นก็ให้รุ่นพี่ ม.6 แจ้งเรื่องขบวนพาเหรดเพื่อหาอาสาสมัครมาร่วมขบวน ที่จะจัดในหัวข้อเพื่อนบ้านอาเซียน มีเด็กสนใจเป็นจำนวนมากเพราะจะได้แต่งกายสวยงามตามชุดประจำชาติของทั้ง 10 ประเทศ เมื่อเลือกนักเรียนชายหญิง ครบ 10 คู่แล้วครูทั้งสองก็ปล่อยให้เด็กซ้อมร้องเพลงเชียร์กันต่อ ส่วนคนที่ลงสมัครเป็นนักกีฬาก็แยกย้ายกันไปซ้อมตามชนิดกีฬาที่ลงสมัครไว้

ทุกๆ เย็นเด็กนักเรียนจะมาร่วมกันร้องเพลงเชียร์โดยมีครูประจำสีผลัดกันมาดูแลเด็กๆ วันนี้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของกัลยณัฏฐ์ ระหว่างที่คนอื่นกำลังซ้อมร้องเพลง นักเรียนที่เป็นประธานสีฟ้าเข้ามาขอคำปรึกษาเรื่อง นักเรียนที่จะถือป้ายประจำสี เพราะวันนั้นคัดเลือกแต่นักเรียนในขบวน ยังขาดคนถือป้ายต่างๆ อีกหลาย คน เธอจึงแนะนำให้ลองถามความสมัครใจของนักเรียนชั้น ม.6/2 ก่อนเพราะชุดที่จะใส่นั้นค่อนข้างจะต้องเป็นนักเรียนที่ตัวโตกว่านักเรียนที่ใส่ชุดประจำชาติ ซึ่งประธานสีก็เห็นด้วยและจะมาแจ้งความคืบหน้าให้เธอทราบอีกครั้งในวันพรุ่งนี้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel