15 ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
กว่าเธอจะกลับถึงบ้านเกือบ 6 โมงเย็น พอกลับมาถึงมารดาก็รออยู่ก่อนแล้ว
“สวัสดีค่ะแม่” เธอยกมือไหว้ก่อนเข้าไปกอดอย่างประจบ
“กลับเสียมืดเลย เหนื่อยไหม”
“เหนื่อยค่ะแม่ ช่วงนี้ที่โรงเรียนมีกิกรรมกีฬาสีค่ะ ปอไปติดต่อเช่าชุดสำหรับให้นักเรียนใส่สำหรับขบวนพาเหรดมาค่ะ เลยกลับค่ำหน่อย” ปกติเธอไม่เคยกลับเวลานี้จึงรีบบอกมารดาไป
“แล้วได้ชุดไหมละ”
“ได้ค่ะแม่ เพราะสีอื่นๆ ยังมามีใครไปติดต่อเช่าเลย ปอจำได้ว่าตอนที่ปอยังเด็กแม่มักจะไปติดต่อไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ”
“ใช่จ้ะลูก เราไปก่อน เราก็ได้เลือกชุดสวยๆ”
“แล้วนี่หิวหรือยังล่ะลูก พ่อให้แม่มาชวนไปทานข้าว วันนี้น้าปราณีลงมือทำแกงกะทิสายบัวใส่ปลาทูของโปรดของหนูกับพ่อเชียวนะ เห็นว่าไปตลาดแล้วเจอชาวบ้านเอาสายบัวมาขาย” เมื่อได้ยินชื่ออาหารโปรดท้องก็ร้องขึ้นมาทันที
กลับจากทานอาหารกัลยณัฏฐ์ก็ต้องมานั่งตรวจการบ้านต่ออีก จากที่คิดไว้ว่าจะอ่านหนังสือก็ต้องเป็นยกเลิกไป เหลืออีกแค่ 2 เล่มสุดท้าย เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
พิจิกาโบกมือทักทายเมื่อเธอกดรับสายสนทนาแบบเห็นหน้าทางแอปพลิเคชั่นไลน์
“คิดถึงจังเลยค่ะพี่โอป” เด็กสาวส่งยิ้มมาให้
“พี่ก็คิดถึงหนูดีเหมือนกันจ้ะ”
“เป็นยังไงบ้างคะ ช่วงนี้เรียนหนักไหม” กัลยณัฏฐ์ถามอย่างห่วงใย
“ก็หนักอยู่ค่ะพี่ นี่วันเสาร์ก็ต้องไปติวที่โรงเรียนอีก หนูดีอยากไปช่วยพี่โอปทำห้อง”
“อยากมาช่วยพี่ หรืออยากมาหารายพิเศษได้กันแน่จ้ะ”
“ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละค่ะพี่โอป” เด็กสาวหัวเราะเพราะชอบใจที่มีคนรู้ทัน
“ทำไมพี่โอปยังใส่ชุดนี้อยู่คะ” ปกติถ้าคุยกันเวลานี้หญิงสาวจะเปลี่ยนไปเป็นชุดนอนแล้วพิจิกาจึงรู้สึกแปลกใจ
“พี่ตรวจการบ้านยังไม่เสร็จเลย ช่วงนี้งานเยอะจ้ะ เมื่อเย็นพี่เข้าไปในตลาดด้วยนะ ไปร้านเช่าชุดที่เราเคยไปด้วยกันไง”
“อ๋อ ร้านที่ชุดสวยๆ เต็มหน้าร้านใช่ไหมคะหนูดีจำได้ พี่โอปไปเช่าชุดทำไมคะ”
“ก็ที่โรงเรียนมีงานกีฬาสีปลายเดือนนี้จ้ะ พี่ไม่รู้ว่าบ้านเช่าของหนูดีอยู่หลังไหน เลยไม่ได้แวะหาเลย จะโทรไปถามก็เห็นว่าเย็นมากแล้วกลัวว่าจะกลับมาช้า เอาไว้วันที่พี่ไปรับชุดพี่จะแวะหานะ หนูดีแชร์โลเคชั่นมาให้พี่ด้วยนะคะ”
“ได้เลยค่ะพี่โอป” แค่ได้ยินว่าหญิงสาวจะแวะมาหาพิจิกาก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
การประชุมงานที่เคร่งเครียดตลอดช่วงเช้า เพราะยังตกลงกันไม่ได้ว่าใครจะเป็นวิศวกรที่คุมงานสร้างอาคารพาณิชญ์ เนื่องจากตอนนี้ทุกคนก็งานล้นมือจนแทบจะกระดิกตัวไปไหนไม่ได้ ปุณณวิชญ์ที่นั่งฟังลูกน้องเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นคนไปคุมงานก็ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น
“ที่อื่นเค้าเครียดไม่มีงาน แต่ที่นี่เครียดเพระงานล้นมือ” เขาเอ่ยขึ้นอย่างไม่จริงจังนักเพราะรู้ดีว่าทุกคนก็มีงานอื่นที่รับผิดชอบอยู่
“งานเล็กนะครับพี่ หรือว่าเราจะปล่อยให้คนอื่นทำ” เสียงวิศวกรรุ่นน้องพูดขึ้น
งานนี้เป็นงานสร้างอาคารสำนักงานเล็กๆ ในเขตตัวอำเภอเมืองสมุทรสงคราม ด้วยงบประมาณ 15 ล้านบาท ในที่ประชุมยังสรุปไม่ได้ว่าใครจะเป็นหัวหน้าวิศวกรคุมงานการก่อสร้าง อันที่จริงทางบริษัทจะไม่รับงานที่ชนกันอย่างนี้เพราะยากต่อการทำงานของวิศวกรแต่สำหรับกรณีนี้ ทางเจ้าของตกลงสร้างตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อนแต่ตัวเองมาประสบอุบัติเหตุเสียก่อนจึงทำให้เริ่มงานช้ากว่าที่กำหนดไว้ในตอนแรก
“เล็กหรือใหญ่มันก็คืองาน ไม่ใช่เพราะงานเล็กๆ หรอกหรือที่ทำให้เรามีวันนี้ได้” เขาค่อนข้างไม่พอใจกับความคิดนี้ แต่ก็ต้องเก็บอาการไว้ ไม่อยากให้ผิดใจกัน แต่หลังจากนี้เขาคงต้องพิจารณาวิสัยทัศน์ในการทำงานของลูกน้องมากขึ้นกว่าเดิม
“มันไม่ใช่อย่างนั้นครับคุณวิชญ์ เพียงแต่งานที่ผมทำอยู่เดิมมันอยุธยานะครับ ถ้าให้ไปดูอีกที่แค่ขับรถก็กินเวลาไปหลายชั่วโมงแล้ว” วิศวกรรุ่นน้องที่พึ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานเอ่ยขึ้น
“ของผมก็งานหอพักยังไม่ไปถึงไหนเลยคุณวิชญ์” อีกคนกล่าว
“ก็จริงนะ เอาอย่างนี้ละกันในเมื่อกันทุกคนงานก็ล้นมือไปหมด เดี๋ยวโครงการนี้ผมดูเอง” เขาสรุปในที่ประชุม ทุกคนดูจะแปลกใจไม่น้อยที่หุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทลงมาคุมงานก่อสร้างเล็กๆ แต่ก็ไม่มีใครกล้าทักท้วงอะไร
พอทุกคนแยกย้ายกันออกไปทำหน้าที่ ตุลาก็เดินตามชายหนุ่มเข้ามายังห้องทำงาน
“ไหนว่าจะพัก” เขาถามเพื่อนเพราะจากการคุยกันครั้งล่าสุดนั้นปุณณวิชญ์บอกกับเขาและหุ้นส่วนอีกสองคนว่าจะขอพักสักระยะ เพราะที่ผ่านมาชายหนุ่มแทบไม่เคยหยุดงานเลย
“ไม่อยากให้เสียงาน ถ้าไม่ทำก็โดนปรับอีก แล้วงานก็อยู่ใกล้บ้านด้วย”
“อือ ก็ดีนะได้อยู่บ้านด้วยได้ทำงานด้วย”
“ก็ตามนั้นแหละ คุมงานเพิ่มอีกที่ก็คงไม่หนักหนาอะไร” เขาไม่ใช่คนเกี่ยงงานเพราะทุกงานไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ชายหนุ่มก็ให้ความสำคัญเท่ากันหมด
“ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยว่างั้น” ตุลาอดแซวเพื่อนไม่ได้
“ฮึ ฮึ” คนถูกถามหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“แล้วนี่คุณดาไปไหน ว่าจะถามแต่เมื่อกี้ละ ปกติเธอไม่เคยขาดประชุมนี่หว่า”
ปุณณวิชญ์ไม่ตอบคำถามแต่ทำทีเป็นก้มดูเอกสารตรงหน้า ชายหนุ่มภาวนาว่าขอให้ดารณีอย่าพึ่งกลับมาตอนนี้
“อ้าวไอ้นี่ แปลกถามไม่ตอบ”
แล้วคำภาวนาของชายหนุ่มก็ไม่เป็นผล เพราะตอนนี้ประตูห้องทำงานกำลังเปิดออกพร้อมการมาของเลขาฯ วัย 40 ที่หอบหิ้วของพะรุงพะรังเข้ามาก็ทำให้ชายหนุ่มสองคนในห้องมองมายังจุดเดียว
“มาแล้วค่ะคุณวิชญ์”
“คุณดา อย่าบอกนะว่าโดดประชุมไปช้อปปิ้ง” ตุลาเดินมาช่วยรับของในมือดารณีวางไว้บนโต๊ะเตี้ยๆ หน้าโซฟา
“เปล่านะคะคุณตุลา ดาไปซื้อของให้คุณวิชญ์”
“ขอบใจมากคุณดารณี ไปพักได้แล้ว” ปุณณวิชญ์รีบบอกให้เลขาฯ ออกไปจากห้องก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรมากกว่านี้
“ไหนดูซิ มีอะไรบ้าง” ตุลาถือวิสาสะเปิดถุงพลาสติกตรงหน้า โดยไม่ฟังเสียงห้ามของชายหนุ่มอีกคน ที่อยากเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
“หนังสือเตรียบสอบบรรจุ” ตุลามองหน้าเขาอย่างหาคำตอบ
“ซื้อให้ใครว่ะ หลานสาวแกพึ่งอยู่ม.3 เองนี่หว่า” คนขี้สงสัยซักไม่เลิก
“มีคนฝากซื้อ” เขาตอบสั้นๆ แล้วรีบเอาถุงทั้งหมดไปวางไว้หลังโต๊ะทำงาน
“ก็แค่นั้น เอ๊ะ หรือมากกว่านั้น”
“แค่นั้น แล้วนี้ไม่มีงานทำหรือไง มายุ่งเรื่องชาวบ้านอยู่ได้”
“เออ ไปก็ได้วะ อย่าให้รู้นะว่าแอบซื้อหนังสือไปจีบสาวเพราะถ้าใช่ จะบอกให้นะว่า จีบสาวสมัยนี้มันต้องของแพงๆ อย่างกระเป๋าแบรนด์เนม น้ำหอม เครื่องสำอางอะไรประมาณ” ตุลาตบบ่าเพื่อนแล้วหัวเราะเดินออกไปจากห้อง