12 ถูกใจ
“ถืออะไรมาครับพี่”
“เปลือกส้มโอเชื่อมจ๊ะ ลองชิมดูไหม ครั้งนี้รสชาติลงตัวที่สุดแล้ว พี่ว่าจะแพคใส่ถุงแล้วไปฝากขายที่ร้านครูกัลยา”
พอพี่สาวพูดถึงชื่อครูกัลยาเขาก็นึกได้ว่าซื้อขนมมาฝากลูกสาวครูกัลยาด้วย
“หนูดี น้าวิชญ์ซื้อขนมปังนมสดมาฝากด้วยนะ น้าไม่รู้ว่าจะชอบทานหรือเปล่าเลยซื้อมาหลายกล่อง”
“ชอบค่ะ ร้านนี้เพื่อนหนูดีบอกว่าอร่อย แต่ต้องต่อแถวยาวมาก นี่น้าวิชญ์ไปยืนต่อแถวมาเหรอคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้า
“น้าวิชญ์นี่ใจที่สุดเลยค่ะ ใครได้เป็นแฟนนะโชคดีเป็นบ้า” หนูดีแกะกล่องขนมเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“ถึงกับเป็นบ้า คงไม่มีใครอยากเป็นแฟนน้าแน่” เขาอดที่จะหัวเราะกับคำเปรียบเปรยของหลานสาวไม่ได้
“แล้วนี่ซื้อมาเยอะเลย จะทานกันหมดไหม อ้วนกันพอดี” เมษามองกล่องขนมที่ยังวางอยู่อีกหลายกล่อง
“เอาไปแบ่งให้พี่โอปสิลูก”
“ค่ะแม่ หนูดีก็ว่าจะขอแบ่งไปให้พี่โอปอยู่พอดี เพราะเราคงทานกันไม่หมด น้าวิชญ์จะว่าไหมคะ” เธอหันมาถามคนซื้อ
“ได้สิ เมื่อวานบ้านนั้นก็มีน้ำใจจัดงานวันเกิดให้หนูดี” เขาไม่ได้บอกว่าที่ซื้อมาเยอะก็กะว่าจะเอาไปฝากหญิงสาวนั่นแหละ แต่ยังไม่มีโอกาสพูด เมษาก็พูดขึ้นมาก่อนซึ่งมันก็เข้าทางเขาพอดี
“เดี๋ยวหนูดีรีบเอาไปให้นะคะ จะเอาโทรศัพท์ไปอวดพี่โอปด้วยค่ะ” เด็กสาวถือถุงใส่กล่องขนมวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
“อร่อยครับพี่” ปุณณวิชญ์พึ่งเคยทานเปลือกส้มโอเชื่อมครั้งแรกก็รู้สึกติดใจ ทำเอาคนทำยิ้มไม่หุบ
“แล้วนี้นึกยังไงถึงซื้อโทรศัพท์ให้หลาน” เมษานั่งลงข้างๆ น้องชาย
“จริงๆ แล้วผมซื้อลูกโลกจำลองมาให้หนูดี แต่มันซ้ำกับของโอปอตอนไปซื้อก็ไม่รู้ว่าจะเอาของขวัญมาให้คนเดียวกัน เลยมีการปะทะคารมกันนิดหน่อย”
“แล้วนี่ต้องไปซื้อของขวัญชิ้นใหม่ใช่ไหม”
“ครับที่เมื่อคืนต้องรีบกลับเพราะกลัวหนูดีรอของขวัญ เลยอ้างว่ามีธุระ”
“อ๋อ อันที่จริงไม่เห็นต้องลำบากเลย”
“ไม่เป็นไรครับ หนูดีเป็นหลานคนเดียวของผม อีกอย่างก็อย่างที่ผมบอกหนูดีไปเมื่อครู่ ผมไม่ได้ให้ของขวัญหนูดีมาหลายปีแล้ว”
“จ้ะ พี่เข้าใจ”
“พี่ษาครับ ผมเห็นที่ผืนติดๆ กันนี้ประกาศขาย”
“อ๋อ ที่ลุงแย้มน่ะ แกแก่แล้วลูกๆ เลยจะให้ย้ายไปอยู่ด้วยที่เชียงใหม่ วิชญ์ถามทำไม หรือว่าสนใจ” ปกติน้องชายไม่เคยสนใจเรื่องที่ทางสักเท่าไหร่ เพราะมัวแต่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ เมษาเลยรู้สึกแปลกใจ
“ครับพี่ ผมเห็นว่าติดกับสวนของเราเลยกะว่าจะลองไปถามราคาแกเสียหน่อย พี่ษาว่างวันไหน เราลองไปถามด้วยกันนะครับ”
“วิชญ์จะซื้อพี่ก็ไม่ว่าอะไรนะ แต่ต้องมาดูแลเอง ลำพังแค่ที่ของเราก็เยอะแล้วพี่คงดูแลไม่ไหว” เนื่องจากต้องทำงานประจำและลำพังสวนของตัวเองยังต้องจ้างคนงาน ถ้าต้องเพิ่มอีกสวนเธอคงดูแลไม่ทั่วถึงแน่ๆ
“ผมคิดว่าจะมาดูแลเองครับพี่”
“อ้าวแล้วบริษัทล่ะ เห็นว่ากำลังไปได้สวยเลยไม่ใช่เหรอ หรือบริษัทมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าครับพี่ ตอนนี้ที่บริษัทกำลังไปได้ดี ทุกอย่างลงตัวครับ ผมเลยพอจะมีเวลากลับมาอยู่ที่บ้านบ้าง”
“ก็ดีเลยสิ หนูดีรู้คงดีใจ เพราะอยู่กันสองคนบางทีก็เหงา”
“พี่ษาจะว่าอะไรไหมครับ ถ้าผมจะขออยู่ด้วยที่บ้านตลอดไป” ชายหนุ่มถามพี่สาวอย่างเกรงใจ เพราะตัวเองออกจากบ้านไปนานแล้ว เมื่อจะกลับมาอยู่ก็กลัวว่าพี่สาวและหลานสาวจะอึดอัด
“ใครจะว่าละ พี่ดีใจด้วยซ้ำเพราะเรามีกันอยู่แค่นี้ บ้านนี้ก็บ้านของวิชญ์เหมือนกัน นอกเสียจากว่าวิชญ์เห็นว่ามันคับแคบหรือไม่สะดวกสบาย”
“ไม่เลยครับพี่ ผมอยู่ได้ เพียงแต่อยากทำห้องนอนให้หนูดีใหม่ หนูดีเริ่มโตแล้วผมอยากให้มีห้องส่วนตัว”
“พี่ก็กำลังคิดว่าจะขออนุญาตวิชญ์อยู่เหมือนกัน พอดีห้องพ่อกับแม่ก็ปิดไว้นานแล้วไม่ได้ใช้พี่ว่าจะให้วิชญ์ย้ายไปอยู่ห้องนอนใหญ่ ส่วนห้องเดิมของวิชญ์ก็ให้ยกหนูดีอยู่แทน”
“พี่ษาทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ ไม่เห็นต้องขอนุญาตเลย” เขากุมมือพี่สาวแล้วพูดต่อ
“แต่ห้องผมจะไม่เล็กไปหรือครับพี่ หนูดีเป็นผู้หญิงน่าจะต้องใช้พื้นที่ห้องเยอะกว่าผู้ชายนะครับ”
“ไม่เล็กไปหรอกวิชญ์ พี่เห็นวิชญ์ต้องทำงานด้วย ห้องใหญ่น่าจะเหมาะกว่าจะได้จัดโต๊ะทำงานด้วย วิชญ์ว่าดีไหม”
“ก็ดีครับพี่ ผมว่าจะให้ช่างมาทำห้องใหม่ทั้งสามห้องเลยดีไหมครับ ให้เค้าติดฝ้าเพดานเพิ่มแล้วจะติดแอร์ทั้งสามห้องเลย เรื่องค่าใช้จ่ายผมจัดการเอง อันที่จริงมันก็ไม่ร้อนเท่าไหร่ แต่ผมว่าถ้าหน้าร้อนอากาศน่าจะร้อนกว่านี้” เขาเองไม่ได้กลัวความลำบาก เพราะเคยนอนแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก แต่เขาอยากให้พี่สาวกับหลานสาวได้นอนสบายหลักจากเรียนและทำงานหนักกันมาทั้งวัน
“พี่ก็ว่าจะติดแอร์อยู่เหมือนกัน ปีที่แล้วหนูดีบ่นว่าร้อน อ่านหนังสือไม่ค่อยรู้เรื่อง ส่วนค่าใช้จ่ายวิชญ์มาเบิกที่พี่ได้เลย”
“ไม่เป็นไรครับพี่ษา ให้ผมมีโอกาสได้ดูแลพี่กับหลานบ้าง ไหนๆ เราก็ต้องให้ช่างมาทำห้องแล้ว ผมว่าทำห้องน้ำเพิ่มอีกห้องดีไหมครับ เพิ่มไปตรงด้านหลังห้องของหนูดีก็ได้ พี่ษากับหนูดีจะได้ใช้อย่างสะดวก” เมษารู้ว่าตอนนี้น้องชายมีรายได้พอที่จะจับจ่ายได้อย่างสบาย แต่ก็เกรงใจที่ต้องมาจ่ายทั้งหมด
“พี่เกรงใจวิชญ์” เมษาดูแล้วคงเสียค่าใช้จ่ายมากโขอยู่ เธอเองก็พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง เรื่องห้องน้ำก็เป็นอีกเรื่องที่เธอลืมคิดไปเพราะแต่ก่อนอยู่กันสองคนก็ไม่ได้ลำบากอะไร
“โธ่ พี่ษาครับ แค่นี้เองผมไม่ได้ลำบากอะไร เอาเป็นว่าเราตกลงตามนี้นะครับ เดี๋ยวผมทำแบบให้พี่ษาดูก่อนว่าจะปรับปรุงต่อเติมตรงไหนบ้าง แต่ในช่วงที่ช่างมาทำเราคงต้องหาที่อยู่ชั่วคราวกันก่อน คงไม่นานเพราะทีมช่างที่ผมเคยทำงานด้วยนั้นทำงานเร็วและเรียบร้อยดีครับ”
“งั้นก็ตามใจวิชญ์ เรื่องนี้พี่ไม่ถนัดเลย แต่วิชญ์ต้องบอกล่วงหน้านะ พี่จะได้หาที่อยู่เตรียมไว้หรือถ้าขาดเหลืออะไรก็บอกพี่นะ”
“ครับพี่ษา ผมจะรีบจัดการครับ คงเสร็จก่อนฤดูฝน” เขาคำนวณคร่าวๆ ว่าคงใช้เวลาสัก 2 เดือนทุกอย่างน่าจะเรียบร้อย
พิจิกาเดินเข้ามายังบริเวณห้องโถงกว้างที่ตอนนี้มีแขกที่เข้าพักนั่งทานอาหารบางตา
“อ้าวหนูดี ลืมอะไรหรือเปล่า” กัลยาเงยหน้าจากการทำบัญชี
“เปล่าค่ะครู หนูดีเอาขนมมาให้ค่ะ น้าวิชญ์ซื้อมาฝากค่ะ” เธอยื่นกล่องขนมให้ พร้อมชะเง้อมองไปทั่ว
“พี่โอปกลับไปบ้านแล้วจ้ะ หนูไปหาพี่เค้าที่บ้านสิลูก”
“ค่ะครู หนูดีจะเอาโทรศัพท์ไปอวดพี่โอปค่ะ น้าวิชญ์ซื้อให้ค่ะ” เด็กสาวชูโทรศัพท์ในมือให้หญิงสูงวัยตรงหน้าดู
“ผู้ใหญ่ให้ของมา เราต้องดูแลรักษาดีๆ นะลูก คงแพงอยู่” กัลยาเอ็นดูเด็กสาวเหมือนลูกจึงอดไม่ได้ที่จะบอกหรือสอนอะไรที่เธอเห็นว่าสมควร
“ค่ะครู” เธอรับคำอย่างนอบน้อม
“เอาขนมไปให้พี่เค้าด้วยสิบอก”
“ครูไม่เอาไว้เหรอคะ มีตั้งหลายกล่อง อร่อยนะคะ น้าวิชญ์บอกว่าไปยืนต่อแถวเป็นชั่วโมงเลยค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ ครูเอาไว้ชิมหน่อยก็แล้วกัน ที่เหลือหนูเอาไปให้พี่เค้าเลย ครูว่าพี่โอปของหนูคงจะชอบ” กัลยาหยิบขนมออกมาจากถุงเพียงหนึ่งกล่องแล้วก็ยื่นถุงให้เด็กสาว
“พี่โอปค้า....” เสียงเรียกดังมาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินมาประตูรั้วทำให้กัลยณัฏฐ์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ต้องรีบเดินออกมาดู
“อ้าวหนูดี” ยังมีทันถามว่าเด็กสาวมาทำอะไรเพราะนี่ก็ใกล้ค่ำแล้วเจ้าตัวก็รีบชูโทรศัพท์ในมือขึ้นอวดพี่สาวคนสนิททันที
“หนูดีเอาโทรศัพท์มาอวดพี่โอปค่ะ เมื่อกี้ไปที่โอบรักแล้วครูบอกว่าพี่กลับบ้านมาแล้ว ส่วนนี่ก็ของฝากจากน้าวิชญ์ค่ะ” เด็กสาวยื่นถุงใส่กล่องขนมปังนมสดเจ้าดังให้เธอแล้วพากันเดินเข้าไปคุยกันในบ้าน
“ฝากขอบใจน้าวิชญ์ของหนูดีด้วยนะคะ” เธอเดินเอาขนมปังไปเก็บในตู้เย็นโดยไม่ลืมหยิบเยลลี่รสผมไม้ที่เด็กสาวชอบมายื่นให้เพราะดูท่าทางแล้วคงจะวิ่งมาจากโอบรักโฮมสเตย์เป็นแน่
“พี่โอปดูสิ น้าวิชญ์ซื้อเคสมาให้ด้วย ลายถูกใจที่สุดเลยค่ะ” คนเห่อของใหม่พูดจับโทรศัพท์ในมืออย่างทะนุถนอม
หญิงสาวมองโทรศัพท์ในมือพิจิกาแล้วก็มีรอยยิ้มที่มุมปาก เพราะดูรุ่นแล้วไม่น่าจะแพงมากอย่างที่เธอบอกเขาไปเมื่อตอนกลางวัน
“ชอบไหมคะ”
“ชอบที่สุดเลยค่ะ รุ่นนี้พึ่งออกใหม่ เพื่อนหนูดีบางคนกำลังเก็บเงินซื้อกันอยู่ น้าวิชญ์นี่รู้ใจหนูดีจริงๆ” เธออดที่จะชมน้าชายให้หญิงสาวฟังไม่ได้
กัลยณัฏฐ์มองแววตาและรอยยิ้มที่เปลี่ยนไปของเด็กสาวแล้วก็รู้สึกดีใจ เพราะดูเหมือนว่าเธอจะสดใสขึ้น อาจเป็นเพราะมีน้าชายมาอยู่ใกล้ๆ ทำให้คนที่ขาดพ่อรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาบ้าง เธอยากให้เด็กสาวได้รับความรักความอบอุ่นจากครอบครัวอย่างที่เธอได้รับจากพ่อและแม่
“พี่โอปอ่านหนังสืออะไรคะ” พิจิกามองกองหนังสือตรงหน้า
“หนังสือเตรียมสอบจ้ะ” เธอตอบพร้อมพลิกปกหนังสือให้เด็กสาวดู
“สอบบรรจุเหรอคะ แม่เคยเล่าให้ฟังว่ากว่าแม่จะสอบได้ก็หลายปีอยู่เหมือนกันค่ะ” เธอเล่าตามที่ได้ฟังมา
“ใช่จ้ะบางคนทำงานมาตั้งหลายปีแต่ยังสอบไม่ได้เลยก็มี”
“พี่โอปเก่ง หนูดีว่ายังไงก็ต้องสอบได้ค่ะ” กัลยณัฏฐ์ได้แต่ยิ้มแห้งๆ ออกไป