บท
ตั้งค่า

11 ที่ปรึกษาเฉพาะกิจ

เวลาผ่านไปเกือบ 3 ชั่วโมงพิจิกาและกัลยณัฏฐ์ก็ช่วยกันเก็บกวาดบริเวณหน้าบ้านและล้างจานชามเก็บเข้าที่ พิจิกาขอตัวไปช่วยงานที่โอบรักโฮมสเตย์ต่อส่วนเจ้าของบ้านนั้นยังต้องตรวจการบ้านต่ออีกสักพัก

“ไปก่อนเลยหนูดี พี่ตรวจการบ้านเสร็จแล้วจะตามไป”

“ค่ะพี่โอป แล้วพี่โอปให้หนูดีเอาข้าวกลางวันมาให้ไหมคะ” คนตัวเล็กถามอย่างห่วงใยเพราะช่วยกันทำงานจนเวลาเกือบจะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว

“ไม่เป็นไรจ้ะ หนูดีทานไปก่อนเลยและบอกพ่อกับแม่พี่ด้วยว่าไม่ต้องรอทานข้าวเที่ยงเดี๋ยวพี่หาอะไรรองท้องนิดหน่อยก็พอ”

“ค่ะพี่โอป” พิจิการับคำแล้วเดินตามทางเล็กๆ เพื่อไปยังโฮมสเตย์

กัลยณัฏฐ์ตรวจการบ้านได้เพียง 4 เล่ม ท้องก็เริ่มประท้วงเพราะเมื่อเช้าเธอทานข้าวต้มไปไม่ถึงครึ่งชาม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในห้องครัวที่เก็บไว้มานานจึงถูกนำออกมาเปิดฝารอเตรียมพร้อม ขณะที่หญิงสาวเสียบปลั๊กกระติกน้ำร้อนและกำลังเดินกลับมาตรวจการบ้านต่อ โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมาดูก็เป็นข้อความจากน้าชายของพิจิกา

ปุณณวิชญ์ : คุณ

หญิงสาวมองหน้าจอโทรศัพท์รอว่าจะมีข้อความอะไรต่อมาอีกไหม ผ่านไป 5 นาทีทุกอย่างก็เงียบ ‘สงสัยส่งผิด’ เธอคิดในใจและเดินไปเทน้ำใส่ลงไปในถ้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ระหว่างรอให้ครบ 3 นาที่ตามคำแนะนำข้างกล่องก็นั่งดูรูปที่ถ่ายไว้เมื่อคืน แล้วก็มาสะดุดตากับรูปชายหนุ่มน้าชายของพิจิกาที่กำลังยืนปิ้งบาร์บีคิวอย่างตั้งใจ ‘ก็หล่อดีนะ หน้ายังเด็กอยู่เลย แต่คงอายุเยอะแล้ว’ เธอพูดกับตัวเอง เพราะคิดว่าเขาคงอายุห่างจากน้าเมษาไม่มาก ตอนนี้เมษาอายุ 40 ปี ชายหนุ่มก็น่าจะไม่ต่างจากนั้นมาก จากนั้นก็ดูรูปอื่นไปเรื่อยๆ แล้วก็มีข้อความปรากฏขึ้นมาที่มุมบนของหน้าจอ

‘ผมขอโทรหานะครับ’ คนถามไม่รอคำตอบเขาโทรหาเธอทันที

กัลยณัฏฐ์รีบกดรับทันที

“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวกรอกเสียงไปตามสาย

“โอปอ ผมเอง”

“คะ?”

“ผมน้าของหนูดีไงครับ”

“อ๋อ ค่ะ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ”

“คือ..เออ....” ปุณณวิชญ์ไม่แน่ใจว่าเรื่องที่ตัวเองโทรศัพท์มาหาหญิงสาวนั้นด่วนหรือเปล่าจึงได้แต่อ้ำอึ้ง

“ว่าไงคะน้า ด่วนไหม” เธอเกือบหลุดเรียกเขาไปว่าลุงอย่างที่เคย แต่ก็ยั้งใจทัน เพราะเรื่องที่เรียกเขาว่าลุงนั้นเธอโดนมารดาตำหนิไปแล้วว่าไม่เหมาะสม

ชายหนุ่มอึ้งไปเล็กน้อยที่ได้ยินเธอเรียกเขาว่าน้า แต่ก็ยังดีกว่าที่เธอเรียกเขาว่าลุงครั้งก่อน

“ผมอยากปรึกษาเรื่องของขวัญหน่อยครับ ผมยังนึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไร”

“อ๋อ เรื่องแค่นี้เอง”

“มันไม่ใช่เรื่องแค่นี้นะครับ มันเรื่องใหญ่สำหรับผมเลย เพราะผมไม่ค่อยสนิทกับหนูดีเท่าไหร่ เลยไม่รู้จะซื้ออะไร ผมอยากให้ของขวัญถูกใจคนรับด้วย”

คนฟังรู้สึกผิดขึ้นมาทันที เพราะถ้าวันนั้นเขาได้ลูกโลกจำลองใบนั้นไปคงไม่ต้องลำบากไปหาซื้อของขวัญชิ้นใหม่

“ตุ๊กตาดีไหมครับ” เขาเสนอเพราะคิดออกแค่นี้จริงๆ

“มีคนให้ตุ๊กตาแล้วค่ะ” หญิงสาวรีบบอกเขาไป “น้าษาให้นาฬิกาข้อมือ น้าณีให้โคมไฟอ่านหนังสือค่ะ”

“เฮ้อ...” เสียงถอนหายใจดังมาตามสาย

“คุณอยู่ที่ไหน ใกล้ร้านอะไรบ้างแล้วงบประมาณเท่าไหร่” เธอถามเขาไปเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจว่าจะแนะนำเขาอย่างไร เธอไม่รู้ฐานะของเขาจึงต้องถามออกไปตรง

“ตอนนี้ผมอยู่ที่ห้าง...” เขาบอกชื่อห้างสรรพสินค้าใหญ่ริมถนนพระราม 2 ออกไป “ส่วนเรื่องงบประมาณเท่าไหร่ก็ได้ครับ เพราะผมเองไม่ได้ซื้อของขวัญให้หลานมาหลายปีแล้วครับ” ชายหนุ่มรีบบอก เพราเขาไม่ค่อยได้กลับบ้านบ่อยนัก สวนใหญ่ก็แค่แวะมาคุยไม่นานแล้วก็กลับไปทำงานต่อ พึ่งจะมีปีนี้ที่เขาได้กลับมาอยู่บ้านหลายวันหน่อย

“งบไม่จำกัดจริงๆ นะคะ” เธอย้ำเพื่อความแน่ใจเพราะไม่เคยรู้จักชายหนุ่มเป็นการส่วนตัวอีกทั้งพิจิกาก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องน้าชายให้เธอฟังว่าเขาทำงานอะไร

“จริงครับ โทรศัพท์ดีไหมตอนนี้ผมอยู่หน้าร้านโทรศัพท์พอดีเลย” เขานึกได้เมื่อเดินผ่านร้านโทรศัพท์

“ก็ดีนะคะ เพราะเครื่องที่หนูดีใช้ก็เก่าแล้ว น่าจะใช้มาหลายปี” กัลยณัฏฐ์เห็นด้วยกับเขา

“ขอดูไอโฟน X หน่อยครับ” เสียงคู่สนทนากำลังบอกพนักงานขายดังแว่วเข้ามา

“คุณ เดี๋ยวๆ อย่าพึ่ง” เธอรีบห้ามออกไปอย่างรวดเร็ว

“ทำไมล่ะ ผมว่าหนูดีน่าจะชอบ รุ่นใหม่ล่าสุดเลย ถ่ายภาพก็สวย ความจุก็เยอะ” ปุณณวิชญ์รีบบอกคุณสมบัติของสมาร์ทโฟนให้หญิงสาวฟังเพราะเขาเองก็พึ่งจะซื้อไปไม่นาน

“ฉันรู้ว่าหนูดีน่าจะชอบ แต่ฉันว่ามันแพงเกินไปสำหรับเด็กอายุขนาดนี้ค่ะ เพราะหนูดีต้องเอาไปใช้ที่โรงเรียนถ้าเกิดทำหายหรือทำร่วงเธอคงเสียใจแน่ๆ อีกอย่างนะคะหนูดีเป็นเด็กขี้เกรงใจค่ะ ถ้าของแพงขนาดนั้นเธออาจไม่สบายที่จะรับก็ได้นะคะ” ปลายสายเงียบ

เธอไม่รู้ว่าเขาโกรธเธอหรือเปล่าที่พูดออกไปแบบนั้น เขาอาจจะมีเงินเยอะและสามารถซื้อของราคาแพงให้หลานสาวได้โดยขนหน้าแข้งไม่ร่วง แต่เธอรู้ว่าพิจิกาเป็นเด็กที่ขี้เกรงใจเธออาจไม่รับของขวัญที่น้าชายซื้อให้หรือถ้าเธอรับก็คงต้องหาทางนำเงินมาคืนเป็นแน่

“ก็จริงของคุณนะ แล้วคุณว่ารุ่นไหนดีล่ะ”

“แล้วแต่เลยค่ะ ขอแค่ราคาไม่แพงมากและสามารถเชื่อมต่อกับนาฬิการุ่น....” เธอบอกรุ่นนาฬิกาที่เด็กสาวพึ่งได้รับเป็นของขวัญวันเกิดเมื่อคืนไป

ปุณณวิชญ์ขับรถออกมาจากห้างสรรพสินค้าพร้อมของขวัญกล่องใหญ่วางอยู่บนเบาะข้างที่นั่งคนขับ ที่ข้างในเป็นโทรศัพท์มือถือราคาไม่ถึงหนึ่งหมื่นบาทที่พนักงานขายแนะนำว่ารุ่นนี้เด็กวันรุ่นส่วนใหญ่ชอบใช้กัน ราคาไม่สูงจนเกินไปและแต่มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบทุกอย่างตามที่ต้องการ และพนักงานยังแนะนำให้เขาเลือกเคสโทรศัพท์ลายน่ารักๆ มาอัก 3 ชิ้นเพราะเด็กวัยรุ่นชอบเปลี่ยนเคสกันบ่อยๆ ตามความนิยมไปเรื่อยๆ ส่วนเบาะหลังเป็นขนมปังนมสดจากร้านดังที่เขาไปยืนต่อแถวเกือบชั่วโมงสำหรับพิจิกาและหญิงสาวที่ให้คำแนะนำเขาเรื่องของขวัญ

เมื่อขับรถมาถึงบ้าน เขากำลังถือของลงจากรถวางลงบนโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้าน ก็พอดีกับพิจิกากลับมาจากโฮมสเตย์พอดี

“น้าวิชญ์ สวัสดีค่ะ หนูดีนึกว่าจะไปหลายวัน” เธอรีบวิ่งเข้ามาหาอย่างดีใจ

“พอดีงานน้าเสร็จเร็วเลยรีบกลับ เพราะยังไม่ได้ให้ของขวัญวันเกิดหนูดีเลย” ชายหนุ่มยืนกล่องของขวัญให้หลานสาว

“ขอบคุณค่ะ น้าวิชญ์ หนูดีนึกว่าน้าวิชญ์จะลืมไปแล้ว”

“ถ้าน้าลืมจริงๆ หนูดีจะโกรธน้าไหมครับ”

“ไม่โกรธหรอกค่ะ หนูดีรู้ว่าน้าวิชญ์งานยุ่ง แค่เมื่อวานเราได้ฉลองวันเกิดด้วยกันหนูดีก็ดีใจมากแล้วค่ะ”

“แสดงว่าจะไม่เอาของขวัญ” เขาทำท่าจะดึงของขวัญในมือคืน

“เอาสิคะ เดี๋ยวคนซื้อให้จะเสียใจ ขออนุญาตแกะเลยนะคะ” เด็กสาวไม่รอคำตอบเธอรีบแกะของขวัญทันที เมื่อกล่องออกมาแทนที่เด็กสาวจะดีใจเธอสีหน้ากลับรู้สึกผิดหวัง คนซื้อเลยใจเสีย

“ไม่ชอบเหรอครับหนูดี” ปุณณวิชญ์หน้าเสีย

“ชอบค่ะ ชอบมากๆ ด้วยค่ะ แต่มันดูแพงเกินไป หนูดีเกรงใจน้าวิชญ์” เป็นอย่างที่กัลยณัฏฐ์พูดไว้จริงๆ ว่าหลานสาวของเขาจะต้องรู้สึกเกรงใจ นี่ขนาดว่าเขาเลือกที่ราคาไม่แพงอย่างตอนแรกแล้วนะ ถ้าเขาไม่เชื่อที่กัลยณัฏฐ์บอกสงสัยพิจิกาคงไม่รับของขวัญชิ้นนี้แน่ๆ

“ไม่ต้องเกรงใจ น้าไม่ได้ซื้อของขวัญให้หนูดีหลายปีแล้ว ถือว่ารวบยอดมาวันนี้เลยก็แล้วกัน” ชายหนุ่มรีบบอก

“แต่เครื่องเก่ามันก็ยังใช้ได้”

“น้าไม่ได้ให้เราเอาไปทิ้งเสียหน่อย นี่วันนี้น้าซื้อซิมมาแล้ว กะว่าจะใช้เป็นโทรศัพท์บ้าน เผื่อโทรศัพท์เราแบตหมดหรือลืมเปิดเสียง คนที่เค้ามีธุระด่วนจะได้โทรมาเบอร์นี้ได้”

“ก็ดีเหมือนกันค่ะ เพราะเวลาแม่ไปโรงเรียนชอบปิดเสียงโทรศัพท์ พอกลับมาบ้านบางทีก็ยังไม่เปิดเสียงอีก” สีหน้าคนพูดเริ่มดีขึ้นเมื่อเห็นว่าโทรศัพท์เก่าของตัวเองไม่ได้ถูกทิ้งไว้อย่างไร้ค่า

“เสียงใครกันนะกำลังนินทาแม่” เมษาเดินถือถาดเปลือกส้มโอเชื่อมเข้ามาพอดี

“ไม่ได้นินทานะคะ แค่เล่าให้น้าวิชญ์ฟังเฉยๆ” เด็กสาวรีบเดินไปกอดแขนมารดาแล้วยิ้มอย่างประจบ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel