10 ของขวัญถูกใจ
ชายหนุ่มหันมองคนตัวเล็กที่ดึงชายเสื้อของเขาไว้แล้วก็อมยิ้ม แม้วันนี้เธอจะพูดว่าเขาแก่ แต่เขาก็คงต้องยอมเธอไปก่อนเพราะยังต้องการความช่วยเหลือจากเธอ
“คุณก็ให้วันหลังก็ได้นี่คะ ไม่เห็นเป็นไรเลย”
“คนอื่นให้ของขวัญกันวันนี้แล้วผมที่เป็นน้าชายแต่ไม่มีของขวัญคุณว่ามันจะน่าเกลียดไหมครับ” สีหน้าของชายหนุ่มตรงหน้าทำให้เธอเห็นใจไม่น้อย
“เอาอย่างนี้ไหมคะ พอถึงช่วงให้ของขวัญคุณก็แกล้งมีธุระออกไปข้างนอกแล้วไม่ต้องกลับมานอนบ้านนะ พรุ่งนี้ค่อยกลับพร้อมกับของขวัญดีไหมคะ” กัลยณัฏฐ์ช่วยชายหนุ่มหาทางออก
“ก็คงต้องตามนั้นครับ แล้วผมจะออกไปยังไงหนูดีคนอื่นถึงจะไม่สงสัย” เขาถามเพิ่ม
“เดี๋ยวฉันจะบอกคุณเอง คุณเอาโทรศัพท์มาไหมคะ” เธอกระซิบ
ชายหนุ่มยื่นโทรศัพท์ให้หญิงสาว กัลยณัฏฐ์เอาโทรศัพท์ของตัวเองออกมายิงคิวอาร์โค้ดในโปรแกรมไลน์แล้วส่งคืนให้
“พอถึงเวลาฉันไลน์ไปบอกคุณนะคะ แล้วคุณก็แค่แกล้งทำเป็นรับโทรศัพท์แล้วเดินขอตัวเดินออกไป อย่าลืมทำหน้าเครียดด้วยนะคะ” เธอย้ำอีกครั้ง
“แล้วหนูดีจะไม่โกรธเหรอครับ” เขายังกังวล
“พอออกไปสักพักคุณก็โทรกลับมาบอกหนูดีว่ามีธุระด่วนต้องไปทำ หนูดีน่ะ เป็นเด็กที่มีเหตุผล เธอไม่โกรธคุณหรอกค่ะ” หญิงสาวสนิทกับพิจิกาและรู้นิสัยเด็กสาวคนนี้ดี
ยังนัดแนะกันไม่ค่อยกระจ่างเท่าไร พิจิกาก็เดินนำหน้าชายสองคนเข้ามายังบริเวณบ้าน ชายคนแรกคือคนที่เขาคิดว่าชื่อโอปส่วนอีกคนเป็นชาวต่างชาติที่เขาเคยเห็นในรูป
“มากันแล้ว นั่งเลยค่ะ เดี๋ยวปอบริการเอง” ท่าทางที่หญิงสาวต้อนรับสองหนุ่มทำให้เขาเองรู้สึกขัดใจไม่น้อย เพราะดูแล้วทั้งสองหนุ่มท่าทางจะสนิทสนมกันดีกับทั้งหลานสาวของเขาและหญิงสาวที่พึ่งเดินผละจากเขาไป
ชายหนุ่มคนที่เขาคิดว่าชื่อโอปนั้นที่แท้เป็นเพียงคนที่มาพักที่โอบรักโฮมสเตย์เท่านั่น เขาเข้าใจผิดไปเยอะที่เดียว เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ชายหนุ่มได้แต่อมยิ้มกับความเข้าใจผิดของตัวเองอยู่คนเดียว
บรรยากาศการรับประทานอาหารเป็นไปอย่างอบอุ่นและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ไมค์กับอรรถพลผลัดกันเล่าเรื่องการผจญภัยที่ทั้งสองไปตามสถานที่ต่างๆ อย่างสนุกสนาน จนถึงเวลาเป่าเค้ก ดูแล้วเด็กสาวเจ้าของวันเกิดจะมีความสุขเป็นอย่างมาก หลังจากผลัดกันอวยพรกับครบทุกคนพิจิกาก็ตัดเค้กแจกจ่ายจนครบทุกคนและไม่ลืมส่วนของปองพลและปราณีที่ทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าอยู่ที่โอบรักโฮมเสตย์
“หนูดีเอาเค้กไปให้ลุงพลกับน้าณีก่อนนะคะ” เด็กสาวถือจานเค้กทำทีจะเดินออกไปจากรั้วบ้าน
“รอด้วยครับหนูดี” อรรถพลรีบวิ่งตาม
“ผมจะกลับไปเอาของที่โฮมสเตย์พอดี มาผมช่วยถือ” อรรถพลขันอาสา
“น้าไปเป็นเพื่อน” คนหวงหลานสาวรีบเดินตาม
“ไม่ต้องหรอกคุณ ใกล้แค่นี้เอง เดี่ยวคุณพลก็พากลับมาเองแหละ”
“ผมเป็นห่วงหนูดีนี่ไปกับผู้ชายตามลำพังอย่างนั้น” ปุณณวิชญ์อดเป็นห่วงไม่ได้แม้กัลยณัฏฐ์จะบอกว่าใกล้แค่นี้แต่ชายหนุ่มก็ไม่รู้ว่ามันใกล้แค่ไหนเพราะเขายังไม่เคยไปที่โอบรักโฮมสเตย์เลยสักครั้ง
“อย่าห่วงไปเลยนะคะ คุณพลเค้ามีแฟนอยู่แล้วคงไม่ทำอะไรหนุดีหรอกค่ะ นั่นไงคะแฟนเค้า” เธอชี้ไปที่ชายหนุ่มผมทองที่กำลังนั่งคับกับมาราดของเธอให้ชายหนุ่มได้หายสงสัย
“แฟน?” เขาไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะไม่รู้ว่าที่เขาคิดเป็นจริงไหม
“ก็อย่างที่คุณคิดนั่นแหละค่ะ ไมค์กับคุณพลเป็นแฟนกัน” เธอรีอธิบายต่อเพราะเห็นหน้าจาชายหนุ่มยังไม่คลายสงสัยนัก
“อ๋อ” เขาพยักหน้าแล้วยิ้มอย่างเบาใจ
“เดี๋ยวคุณกลับไปนั่งทานต่อนะ เดี๋ยวฉันจะเริ่มแผนแล้วนะคะ” ชายหนุ่มเดินกลับที่โต๊ะอย่างว่างายแม้จะขัดใจอยู่บ้างที่ต้องทำตามที่หญิงสาวบอกแต่ก็เห็นว่าทุกอย่างที่เธอบอกให้เขาทำนั้นล้วนมีเหตุผลมารองรับเสมอ
กัลยณัฏฐ์เดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ มารดาเพียงครู่ จากนั้นหญิงสาวก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำพอเห็นว่าไม่มีใครเดินตามเธอก็ส่งไลน์ไปบอกให้เขาเริ่มทำตามแผนในเวลานี้ได้เลน เพราะหลานสาวของเขาไม่อยู่ก็น่าจะบอกผู้ใหญ่ก่อนออกไปได้ง่ายกว่าบอกกับพิจิกาโดยตรง
“พี่ษา น้ากัลยาครับ พอดีผมมีธุระด่วนต้องรีบไปจัดการ คงต้องขอตัวก่อน ฝากบอกหนูดีด้วยนะครับ”
“อ้าว ไม่รอพรุ่งนี้ค่อยไปเหรอ เรื่องด่วนมากไหม” เธอถามอย่างเป็นห่วงน้องชาย
“ค่อนข้างด่วนครับพี่ ไซต์งานมีปัญหานิดหน่อยคงต้องรีบไปเคลียร์ คืนนี้คงนอนที่คอนโดฯ เลยนะครับ”
“จ้ะ ขับรถดีๆ นะวิชญ์” ชายหนุ่มบอกลาเจ้าของบ้านและพี่สาวก่อนจะรีบออกไป
ปุณณวิชญ์เดินออกไปเพียงไม่นานพิจิกาก็เดินถือของขวัญกล่องใหญ่ขนาดเกือบเท่าเครื่องซักผ้าขนาดเล็กและอีกกล่องเท่าขนาดกล่องกระดาษเอสี่เข้ามากลับมาพร้อมกับอรรถพล
“กล่องใหญ่เลยหนูดี ใครให้มาคะ” กัลยณัฏฐ์มองกล่องขนาดเกือบครึ่งของตู้เย็น
“ของคุณพลกับไมค์ค่ะ” เด็กสาวยิ้มกว้าง “ส่วนกล่องนี้ของน้าณีค่ะ” เธอชี้มือไปยังกล่องเล็กอีกล่องที่อรรถพลช่วยถือมา
“แกะเลยไหมดีไหมครับ” อรรถพลเสนอ
“ได้เลยค่ะ หนูดีก็อยากเห็นข้างในเหมือนกัน” เด็กสาวตื่นเต้น เพราะปีนี้ไม่ได้ฉลองแค่สองคนกับแม่อย่างเคย
“งั้นพี่ว่า หนูดีแกะทั้งหมดนี่เลยดีไหม แล้วถ่ายรูปเก็บไว้ดูจะได้จำได้ว่าของใครเป็นของใคร” เธอเสนอ ก่อนที่จะเก็บช่วยกันเก็บจานอาหารออกจากโต๊ะไปรวมกันไว้ที่มุมหนึ่ง
พิจิกามองดูกล่องของขวัญตรงหน้าแล้วยิ้มน้ำตาคลอ ก่อนจะหันซ้ายขวาเหมือนมองหาอะไรบางอย่าง
“น้าวิชญ์ล่ะคะ”
“น้าวิชญ์มีงานด่วนน่ะลูก” เมษาตอบลูกสาว
เด็กสาวหน้าซึมไปเล็กน้อย กัลยณัฏฐ์เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“หนูดีอยากแกะของขวัญชิ้นไหนก่อนดีค่ะ”
“ทุกคนจะว่าอะไรไหมถ้าหนูดีจะแกะของแม่ก่อน” เธอหันไปถามทุกคน เพราะไม่อยากให้ใครรู้สึกน้อยใจที่เธอเลือกของแม่ตัวเองก่อนใคร
“หนูดีทำถูกแล้วลูก แกะของแม่ก่อนเพราะท่านเป็นผู้ให้กำเนิด”
“ค่ะ” แล้วเธอเริ่มแกะของขวัญชิ้นแรกที่ห่อมาในกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดโตกว่ากล่องยาสีฟันเล็กน้อย เมื่อแกะออกมาข้างในกล่องเป็นนาฬิกา BABY-G BSA-B100 สีขาว สายทำจากเรซิ่น ซึ่งรุ่นนี้พิเศษที่สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ผ่าน Bluetooth® ด้วยแอปพลิเคชั่นสมาร์ทโฟน BABY-G Connected เพื่อทำให้การจัดการบันทึกกิจกรรมต่างๆ และการกำหนดการตั้งค่าออกกำลังกายประจำวัน เช่นการกำหนดการตั้งค่าสำหรับการคำนวณแคลอรี่ และจำนวนก้าวเป้าหมายในแต่ละวันและบันทึกจำนวนก้าวรวมและบันทึกกิจกรรมการออกกำลังกายอื่นๆ ได้อีกด้วย
“ขอบคุณค่ะแม่ ถูกใจที่สุดเลย หนูดีกำลังเก็บเงินซื้ออยู่พอดีเลยค่ะ” เมษายิ้มพร้อมกับลูกกอดลูกสาวที่อย่างรักใคร่ หลายวันก่อนเธอเข้าไปหาปากกาแดงเพื่อมาตรวจการบ้านให้เด็กนักเรียนเพราะลืมเอาถุงใส่ปากกากลับมาบ้านจึงแอบเห็นว่าในลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือของพิจิมามีกล่องเล็กๆ ซ่อนอยู่ในนั้นมีรูปนาฬิกาพร้อมข้อความที่เขียนไว้ว่า ‘เป้าหมายมีไว้พุ่งชน สักวันฉันต้องได้เจ้ามาอยู่ในข้อมือของข้า 555’ เธอเห็นถึงความตั้งใจของลูกสาวที่พยายามเก็บเงินซื้อของที่อยากได้เองโดยไม่รบกวนเธอเลย
กล่องต่อไปเป็นของอรรถพลกับไมค์ พอเปิดออกมาเด็กสาวก็ร้องว้าวอย่างถูกใจอีกรอบเพราะเป็นตุ๊กตาแมวน้ำตัวโตสีเทาหนึ่งตัว สีน้ำตาลอ่อนหนึ่งตัวและยังมีตัวเล็กสีชมพูอีกหนึ่งตัว “ขอบคุณนะคะพี่พล พี่ไมค์” เธอยกมือไหว้ของคุณอย่างซึ้งน้ำใจ เพราแค่ไม่กี่วันที่ได้รู้จักกันผู้ชายทั้งสองก็มีน้ำใจกับเธอมาก
“ไม่ต้องขอบคุณหรอกหนูดี พี่กับพลว่าแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ พี่มาอยู่ที่นี่แค่ไม่กี่วันแต่หนูดีทำอะไรให้พี่ทั้งสองตั้งเยอะ”
“หนูดีทำตามหน้าที่ค่ะ” เด็กสาวบอกอย่างเกรงใจ
“พี่สองคนอยากตอบแทนหนูดีที่พาเราไปทานอาหารอร่อย พาไปไหว้พระ พาไปดูชาวบ้านทำน้ำตาลมะพร้าวและเฉาก๊วย พี่สองคนไม่รู้จะขอบใจหนูดียังไง โชคดีที่ตรงกับวันเกิดของหนูดี พี่เลยเตรียมของขวัญให้” ไมค์ที่นั่งเงียบมานานพูดไทยชัดแจ๋วอธิบาย
กล่องต่อไปของน้าปราณี พอเปิดมาเป็นโคมไฟอ่านหนังสือ
“น้าณีนี่สุดยอดเลยค่ะ” พิจิกาทำเสียงตื่นเต้น
“สุดยอดยังไงคะหนูดี พี่ไม่เข้าใจเลย” กัลยณัฏฐ์เอ่ยถาม
“ก็วันก่อนหนูดีบ่นว่าปวดตาเพราะโคมไฟอ่านหนังสือเสีย เลยเปิดแค่ไฟบนเพดานในห้องอ่านหนังสือ ว่าจะให้แม่พาไปในซื้อเสาร์นี้ น้าณีก็ถามว่าคมไฟแบบที่เหมาะกับการอ่านหนังสือ น้านี้จะซื้อมาอ่านนิยายบ้าง หนูดีก็เล่าไปตามที่อยากได้ ไม่คิดเลยว่าน้าณีเธอจะจำรายละเอียดได้เป๊ะขนาดนี้”
กัลยณัฏฐ์อาศัยจังหวะที่ทุกคนกำลังคุยกันเรื่องของขวัญเดินเข้ามาหยิบกล่องของขวัญที่ตัวเองเตรียมไว้ออกไปให้เด็กสาว
“นี่ของพี่จ้ะ มีความสุขมากๆนะหนูดี” เธอยื่นกล่องขนาดใหญ่ผูกริบบิ้นสีฟ้าสดใสให้เด็กสาว
“อ้าว” พิจิกาทำหน้างงๆ “ก็ไหนพี่โอปบอกหนูดีว่าพี่โอป คุณครูและคุณลุงไม่มีของขวัญให้แต่จะจัดงานให้หนูดี อย่างนี้หนูดีก็เกรงใจแย่” ปากบอกเกรงใจแต่ในมือก็รีบรับของขวัญมาทันที
“ไม่เป็นไรหรอกหนูดีเล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่ของมีค่าอะไรมาก พี่เห็นว่าหนูดีน่าจะชอบเลยเลือกมาให้แกะเลยสิ ว่าถูกใจไหม”
“ครูก็อยากเห็นเหมือนกันว่าข้างในเป็นอะไร ถึงได้แย่งกันนัก” กัลยาพูดขึ้น
“ถึงกับต้องแย่งกันเลยเหรอคะ” เมษาหันมาถาม
“ไม่ได้แย่งกันจริงจังหรอกค่ะน้าษา แต่มันมีชิ้นเดียวแต่ถูกใจกันสองคน เลยต้องแย่งกันซื้อนิดหน่อยเองค่ะ แต่สุดท้ายแล้วปอก็ได้มา เพราะคุณคนนั้นเค้าออกไปคุยโทรศัพท์ ปอเลยรีบจ่ายเงินก่อน” เธอพูดอย่างภูมิใจ
“อ๋อ ใครกันนะใจตรงกับหนูปอ” เมษาพูด
“จะใครที่ไหนกันล่ะ น้าวิชญ์ของหนูดีนั่นไงล่ะ” กัลยาเฉลย
“ใจตรงกัน สงสัยจะเป็นเนื้อคู่กันหรือเปล่า” เมษาแอบกระซิบเบาๆ กับเพื่อนรุ่นพี่
“ถ้าใช่ก็ดีน่ะสิ บ้านใกล้กันแค่นี้พี่จะได้หมดห่วง” แล้วผู้ใหญ่ทั้งสองคนก็เดินแยกไปคุยในบ้าน
“หนูดีชอบมากเลยค่ะ” เด็กสาวเอามือลูบไปยังลูกโลกจำลองอย่างเบามือ ทำให้คนซื้อยิ้มแป้นเพราะดีใจที่เธอเลือกของขวัญได้ถูกใจผู้รับ จากนั้นกัลยณัฏฐ์ก็ให้เด็กสาวถ่ายรูปคู่กับของขวัญแต่ละชิ้น
เมื่อเห็นว่าทุกคนเริ่มง่วงกัลยาจึงบอกให้ทุกคนแยกย้ายกันไปนอน
“แม่เดินไปกับคุณพลเลยนะลูกปอ หนูดีกับษาล่ะกลับกันเองได้ไหม หรือจะให้พวกเราเดินไปส่งก่อน” กัลยาถามอย่างเป็นห่วงแม้ทางจะไม่ไกลนักแต่นี่ก็ดึกมากแล้ว
“กลับกันเองได้ค่ะพี่ ษาว่าถ้าเดินส่งกันไปมาคืนนี้คงไม่มีใครได้นอนกันเป็นแน่” เมษาตอบ
“นั่นสิคะ หนูดีกับแม่เดินกลับเองได้สบายมากๆ ค่ะ แต่ว่าหนูดีแค่เดินไปส่งแม่นะคะ เพราะหนูดีต้องกลับมาช่วยพี่โอปเก็บของค่ะ”
“จะเดินกลับมาช่วยพี่เก็บของทำไมคนเดียว เอาอย่างนี้นะ ของพวกนี้พรุ่งนี้เราค่อยช่วยกันเก็บตอนเช้า ส่วนพวกของกินที่ยังเหลือเดี๋ยวพี่จะเอาเข้าไปเก็บในตู้เย็นก่อน จานชามพวกนี้เราแช่ไว้ก่อนแล้วเราค่อยมาช่วยกันล้างตอนเช้าดีไหม”
“ค่ะพี่โอป หนูดีขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะคะ” สาวน้อยพยักหน้าเห็นด้วยจากนั้นก็ยกมือไหว้ทุกคน ไม่รู้ว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วในวันนี้
พิจิกาเดินกลับบ้านด้วยหัวใจเปี่ยมสุข แม้จะผิดหวังที่น้าชายไม่อยู่กับเธอจนงานเลี้ยงเลิก แต่ก็ดีกว่าปีก่อนเป็นไหนๆ ที่ไม่มีโอกาสได้เจอหน้ากันเลย