บทที่ 2 แฝดพี่ 1.1
ราเชนทร์เดินเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เขามีความสุขที่สุดในรอบเจ็ดเดือนที่ผ่านมา มีความสุขที่ไม่ต้องทนเห็นผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าภรรยาเดินอยู่ในเรือนกุหลาบของเขา บ้านที่เป็นมรดกตกทอดของคุณตาที่ยกให้เขา คุณหญิงรุ่งระวีมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของบุตรชาย นางอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
“วันนี้อารมณ์ดีจังเลยนะตาเชนทร์?” คุณหญิงเอ่ยถามบุตรชายที่ทรุดตัวลงนั่งที่โซฟา
“คนมีความสุขก็ต้องยิ้มสิครับ” ราเชนทร์ตอบอย่างอารมณ์ดี
“มีความสุขเรื่องอะไรจ๊ะ?”
“ตัวกาลีบ้านกาลีเมืองที่ชื่อวาติยาออกไปจากชีวิตผมแล้วครับ” ราเชนทร์ตอบ
“จริงเหรอลูก? เมื่อไหร่?” คุณหญิงรุ่งระวีถามอย่างกระตือรือร้น
“เมื่อวานนี้ครับ...ในที่สุดผมก็ทำให้นังหน้าด้านมันออกไปจากบ้านของผมได้สักที”
“แน่ใจนะว่ามันจะไม่กลับมาอีก?” คุณหญิงถามอย่างระแวง
“แน่ใจครับ...ถึงกลับมาผมก็จะทำให้กระเด็นออกไปภายในวันนั้นเลยครับ” เขาตอบอย่างเชื่อมั่นว่าเขาต้องทำสำเร็จเหมือนครั้งก่อน
“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็ดีสิลูก แม่ล่ะเกลียดทั้งแม่ทั้งลูกเลย เกิดมาไม่เคยพบไม่เคยเจอ”
“อย่าไปพูดถึงตัวกาลกิณีให้เสียปากเลยครับ...คุณแม่ครับ มะรืนนี้ผมจะทำบุญบ้านที่เรือนกุหลาบ วันนี้ผมให้คนมาขนของของวาติยาออกไปจากห้องนั้น แล้ว ตกแต่งใหม่หมด ผมจะให้พระมารดน้ำมนต์ไล่เสนียดออกไปจากเรือนกุหลาบของผม”
ราเชนทร์ทำอย่างที่พูดทุกอย่าง วันนี้เขาสั่งให้คนมาขนของทุกอย่างที่อยู่ในห้องนั้นพร้อมเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นออกจากห้องนั้น และเอาเฟอร์นิเจอร์ชุดใหม่เข้ามาไว้แทน
“แล้วเรื่องทำบุญมะรืนนี้จัดการหรือยัง?” คุณหญิงเอ่ยถามบุตรชาย
“เรียบร้อยแล้วครับ...วิชัยจัดการทุกอย่างแล้ว ผมเลยมาบอกคุณแม่ไว้ก่อน และต้องขอโทษด้วยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้า เพราะมันกะทันหัน” ราเชนทร์พนมมือไหว้มารดาพร้อมกับพูดขอโทษ
“ไม่เป็นอะไรหรอกลูก เรื่องแค่นี้เอง แม่ดีใจด้วยที่ลูกไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับผู้หญิงที่ไม่มียางอายอย่างวาติยา หมดเคราะห์หมดโศกแล้วนะลูก” คุณหญิงโอบกอดร่างของบุตรชาย ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้ม น้ำตาเอ่อคลอด้วยความดีใจ
............
ธาริกามองกระเป๋าที่วางอยู่ตรงหน้าบ้านไม้หลังขนาดกลางของเธอ วันนี้เธอต้องเดินทางไปที่บ้านอิศราภักดี ไปใช้ชีวิตเป็นคุณผู้หญิงของบ้านหลังนั้นแทนน้องสาว ธาริการวบรวมข้อมูลที่วาติยาเล่ามาสองคืนจนขึ้นใจ ทุกสิ่งทุกอย่างถูกบันทึกลงในสมองของเธอเรียบร้อยแล้ว
“พี่ไปก่อนนะ รอฟังข่าวจากพี่ ลุงหมายฝากดูแก้วให้ไหมด้วยนะคะ ไอ้จ้อยอย่าลืมรดน้ำที่สวนผักล่ะ ฉันไม่อยู่อย่าอู้งาน ไม่งั้นเจอหักเงินเดือนแน่” ธาริกาสั่งลุงหมายและไอ้จ้อย
“ไม่ต้องห่วงหนูไหม ลุงจะดูแลหนูแก้วเป็นอย่างดี” ลุงหมายรับคำ
“ผมก็จะดูแลสวนผักให้ดีเช่นกันครับ” ไอ้จ้อยพูดออกไป ยังไม่รู้เลยว่าจะทำได้หรือเปล่า
“ปากดีไปเถอะเอ็งไอ้จ้อย ทำให้ได้อย่างที่พูดล่ะ”
ธาริกาสั่งเสร็จก็เดินไปโอบกอดน้องสาวอีกครั้ง ก่อนจะเดินถือกระเป๋าไปขึ้นรถประจำทางคันเล็กที่จอดรออยู่ เพื่อไปที่ท่ารถประจำอำเภอ จุดหมายปลายทางของเธอคือกรุงเทพฯ
ระยะทางจากสระบุรีมายังกรุงเทพฯ ใช้เวลาไม่นานนัก ธาริกาลงจากรถทัวร์ปรับอากาศ สิ่งแรกที่เธอคิดจะทำคือเปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะชุดที่เธอสวมใส่มาไม่เหมาะกับคำว่าโสเภณีอย่างที่ราเชนทร์ว่าน้องสาวของเธอ ธาริกาหยิบเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าชุดหนึ่ง และเปลี่ยนมันที่ห้องน้ำ
ธาริกามองชุดที่เธอสวมใส่ใหม่ในกระจกเงาอย่างพอใจ ทันทีที่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำ สายตาทุกคู่มองมาที่เธอทันที โดยเฉพาะผู้ชายที่มองเธอตาเป็นมัน หากแต่ธาริกาหาได้สนใจไม่ เธอก้าวขึ้นแท็กซี่ที่จอดเรียงรายอยู่นับสิบคัน ก่อนจะบอกชื่อสถานที่ให้แท็กซี่รู้
บ้านอิศราภักดีวันนี้คนคึกคักเป็นพิเศษ เพราะเรือนกุหลาบเรือนหลังขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กที่อยู่ภายใต้อาณาเขตของบ้านอิศราภักดี ได้จัดพิธีทำบุญขึ้นบ้านใหม่ ขับไล่เสนียดจัญไรที่อยู่ในบ้านส่วนตัวของราเชนทร์ให้ไปแล้วไม่ต้องกลับมา เขาสั่งให้ตกแต่งห้องเดิมของวาติยาใหม่ ข้าวของทุกชิ้นที่วาติยาใช้เขาสั่งให้คนเอาไปบริจาค แล้วสั่งของชุดใหม่เข้ามาแทน
เสียงผู้คนฮือฮาดังมาจากเรือนกุหลาบ ทำให้ราเชนทร์และคุณหญิงรุ่งระวีเดินออกมาดู ราเชนทร์จ้องมองผู้หญิงที่เข้ามาภายในบ้านของเขาตาไม่กะพริบ เธอสวมเสื้อเกาะอกสีแดงสดใส่กางเกงยีนขาสั้นชนิดที่ว่าสั้นมาก ผมยาวสลวยหยักศกเป็นธรรมชาติปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง ใบหน้าถูกปกปิดด้วยแว่นตาสีน้ำตาลเข้ม
“แหมพี่เชนทร์ขา...เห็นเมียตัวเองใส่ชุดเซ็กซี่แค่เนี้ยมองตาไม่กะพริบเลยนะคะ”
ธาริกาถอดแว่นตาออก พร้อมกับเดินเข้ามาหาราเชนทร์ที่ยืนใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ เขาไม่นึกว่าวาติยาจะหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้ และไม่คิดว่าเธอจะกลับมาที่นี่อีก
“กลับมาทำไม? ฉันอุตส่าห์นิมนต์พระมาไล่เสนียดจัญไรออกไปจากบ้านฉันแล้วนะ นึกว่าความร้อนจากน้ำมนต์จะช่วยปัดเป่าสิ่งที่เลวทรามให้ออกไปจากชีวิตฉันถาวร ไม่น่าเชื่อน้ำมนต์ยังเอาชนะความหน้าด้านหน้าทนของเธอไม่ได้ เลย”
ราเชนทร์ต่อว่าอย่างเผ็ดร้อน ปากอย่างนี้นี่เองที่ทำให้น้องสาวของเธออยู่ที่นี่ไม่ได้ แต่มันใช้ไม่ได้กับเธอ
“แหมพี่เชนทร์พูดมาได้ว่าไล่เสนียดจัญไร ทีตอนกลางคืนแก้วไล่ลง จากเตียงพี่เชนทร์ยังไม่ยอมลงเลย กลับวิ่งเข้าหาแก้วทั้งคืนด้วย ใครกันแน่คะที่ หน้าด้านหน้าทนแก้วบอกว่าไม่ไหวๆ พี่เชนทร์ก็บังคับแก้ว”
ธาริกาตอกกลับ ราเชนทร์ถึงกับเสียศูนย์เมื่อได้ยินคำพูดของวาติยาตัวปลอม ทุกทีที่เขาต่อว่าเสียๆ หายๆ วาติยาไม่เคยเถียงเขาสักคำ เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว ผู้คนในงานต่างฮือฮากับคำพูดของเธอ ทำให้คุณหญิงและบุตรชายแทบเอาหน้าแทรกแผ่นดินหนี
“เธอเอาอะไรมาพูดแม่โสเภณี คนอย่างฉันไม่เคยเกลือกกลั้วกับเธอเลยสักครั้งเดียว ที่ว่านอนกับเธอทั้งคืนคงไม่ใช่ฉันหรอก คงจะเป็นลูกค้าของเธอ มากกว่า”
“ลูกค้า...แหม ก็พี่เชนทร์ไงคะลูกค้าของแก้ว ทำเป็นจำไม่ได้ ทีเวลานอนกับแก้วปากก็บอกว่าแก้ววิเศษที่สุด เยี่ยมที่สุด น่ารักที่สุด จากกันแค่สองวันลืมของเดิมซะแล้ว” ธาริกาพูดด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่
“เธอออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้...ไป!” ราเชนทร์ไล่หญิงสาวออกไปจากบ้านเขาด้วยความโมโห
“ไม่ไป แก้วเพิ่งมาจะไล่แก้วไปไหนล่ะคะ...คืนนี้แก้วจะทวนความจำให้พี่เชนทร์ รับรองพรุ่งนี้พี่เชนทร์ไม่มีทางไล่แก้วออกจากบ้านแน่นอนค่ะ”
“ไป! ฉันบอกให้เธอออกไปจากบ้านของฉัน...แม่โสเภณี!”
ราเชนทร์เริ่มตัวสั่นเพราะความโกรธ เขาไม่เคยโกรธใครเท่าผู้หญิงคนนี้เลย ทั้งโกรธทั้งเกลียด ทั้งขยะแขยง
“คำก็โสเภณี สองคำก็โสเภณี ถามหน่อยเถอะว่าถ้าเมียเป็นโสเภณีแล้วผัวจะเป็นอะไร?...ก็เป็นแมงดาไง...แสดงว่าพี่เชนทร์เป็นแมงดา ส่วนบ้านหลังนี้ก็เป็นซ่อง...”
ธาริกาสวนกลับอย่างเจ็บแสบ ทำให้ราเชนทร์ถึงกับอึ้ง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ แล้วเดินเข้ามาหาหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างบันได เขาเงื้อมือขึ้นสูงหมายจะตบใบหน้านวล แต่เสียงหวานใสของธาริกาก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“ตบสิ...คุณตบฉัน...ฉันจะตบคุณด้วยรองเท้าข้างนี้ เอาสิ! ตบสิ!”
ธาริกาถือรองเท้าส้นสูงสีดำขึ้นเหนือศีรษะ ตั้งท่าจะฟาดกับใบหน้าของเขาทันทีที่เขาตบเธอ ราเชนทร์ไม่คิดว่าวาติยาคนใหม่จะกล้าทำกับเขาแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาวาติยาคนเดิมไม่กล้าขึ้นเสียงกับเขา เขาว่าแรงๆ ก็เอาแต่ร้องไห้ แต่วาติยาคนนี้เถียงเขาทุกคำ แถมยังสู้ถ้าหากเขาคิดทำร้ายเธอ
“พอแล้วเชนทร์ พอแล้ว...อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ พอลูก แม่อายเขา แม่ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว”
คุณหญิงรุ่งระวีทำท่าเหมือนจะเป็นลมเมื่อเจอฤทธิ์เดชของลูกสะใภ้ ทำไมไม่เหมือนกับที่บุตรชายของเธอพูดเลยสักนิดเดียว แขกที่นางเชิญมาร่วมงานแม้มีไม่มากเพียงแค่สิบชีวิตเท่านั้น แต่ก็ทำให้นางอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ราเชนทร์รีบมาประคองร่างของมารดาที่กำลังล้มพับอยู่ที่พื้น สายตาของเขามองมาที่หญิงสาวอย่างแค้นเคือง เธอเห็นกรามทั้งสองข้างของเขาขบกันแน่น ธาริกาแอบลอบกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอเมื่อเห็นสายตาคู่นั้น แม้ว่าภายนอกเธอจะดูแข็งแกร่งแต่ภายในไม่มีใครรู้ว่าเธออ่อนแอมากเพียงใด แต่เธอก็ทำใจดีสู้เสือ เพราะเธอมาถึงที่นี่แล้ว เธอไม่มีทางถอยเด็ดขาด แม้ว่าจะต้องเจอกับฤทธิ์เดชของเขามากเพียงใดก็ตาม
“ฝากไว้ก่อนเถอะ” ราเชนทร์กัดฟันพูด
“รีบมาเอาคืนไวๆ นะคะ...แก้วจะรอ”
ธาริกาพูดจบก็เดินขึ้นไปที่ชั้นบนของเรือนกุหลาบทันที ราเชนทร์มองร่างที่เดินขึ้นไปที่ชั้นบนด้วยสายตาที่ดุดัน แค้นเคือง นับวันเขายิ่งเกลียดผู้หญิงคนนี้เข้าไส้ เกลียดชนิดที่ว่าลามไปทั่วทุกรูขุมขนภายในร่างกาย พรุ่งนี้เขาจะทำให้ผู้หญิงคนนี้ออกไปจากบ้านของเขาให้ได้เขาสาบาน!
......
ธาริกาเดินเข้าห้องของน้องสาวตามที่วาติยาบอกด้วยขาที่ค่อนข้างสั่น ตัวจริงปากปีจอยิ่งกว่าที่วาติยาเล่าให้ฟังเสียอีก แต่คนอย่างเธอสามารถรับศึกได้ทุกรูปแบบอยู่แล้ว นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นสงครามระหว่างเธอกับราเชนทร์ยังอีกไกล อย่าหวังว่าจะเอาลูกไม้เก่าที่ใช้กับน้องสาวเธอมาทำกับเธอได้ เพราะเธอสามารถแก้เกมได้ทุกเกมอยู่แล้ว ธาริกาโยนกระเป๋าลงบนเตียงหนานุ่ม หยิบเสื้อผ้าที่เธอซื้อมาเมื่อวานเก็บเข้าตู้เสื้อผ้า เธอมองเสื้อผ้าที่ซื้อมาใหม่ แต่ละตัวล้วนแต่เผยให้เห็นสรีระของผู้หญิงทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเสื้อที่ผ่าหน้าผ่าหลัง กางเกงกับกระโปรงที่สั้นกุด
“จะไหวมั้ยเนี่ย”
ธาริกาหมายถึงเสื้อผ้าที่เธอต้องทนใส่ให้สมกับที่ราเชนทร์กล่าวหาว่าน้องสาวเธอเป็นโสเภณี เธอจะทำให้ราเชนทร์สยบแทบเท้าโสเภณีอย่างเธอ โสเภณีที่ชื่อธาริกาให้ได้