บทที่ 1 แฝดพี่ 1
สวนผักเขียวขจีซึ่งมีผักนานาชนิดปลูกเต็มพื้นที่กว่ายี่สิบไร่ หญิงสาวร่างบางสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนกับกางเกงยีนพอดีตัวสีน้ำเงินเข้ม ที่ศีรษะสวมหมวกปีกกว้างเป็นที่กำบังแสงอาทิตย์ที่ร้อนแรง เธอใช้แขนเสื้อปาดเหงื่อที่ไหลลงมาที่หน้าผาก ก่อนจะก้มลงหยิบเข่งผักใส่ท้ายรถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ของเธอ
“เสร็จหรือยังไอ้จ้อย เร็วๆ สิ เดี๋ยวไม่ทันส่งผักหรอก?” ธาริกาเจ้าของสวนผักธารทิพย์บ่นกับลูกน้องวัยสิบเจ็ดปีที่ทำงานช้าไม่ได้ดั่งใจ
“โธ่!...พี่ไหม...จ้อยทำจนมือจะเป็นลิงอยู่แล้ว” จ้อยบ่นกลับ
“เร็วๆ เลยไม่ต้องพูดมาก เหลืออีกสี่ห้าเข่งเอง” ธาริกาบ่นจ้อยแต่ก็ช่วยกันยกเข่งผักขึ้นไปบนรถกระบะจนหมด ธาริกากำลังนั่งประจำที่คนขับ ลุงหมายที่ดูแลสวนผักก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาเธอ
“หนูไหม...หนูแก้วมา นั่งร้องไห้โฮอยู่ที่ศาลาแน่ะ” ลุงหมายบอกกับเจ้านายสาวของเขาธาริกาวิ่งลงจากรถทันทีที่ได้ยิน ไม่สนใจว่าจะต้องรีบไปส่งผัก เพราะน้องสาวของเธอสำคัญที่สุด
วาติยาโผเข้าหาร่างของพี่สาวทันที ใบหน้าหวานของวาติยามีแต่น้ำตาไหลออกมาไม่หยุดธาริกาแฝดผู้พี่กอดร่างของน้องสาวไว้แน่นอย่างปกป้องและคุ้มครอง
“เป็นอะไรแก้ว...แม่บังคับให้ทำอะไร?” วาติยายิ่งร้องไห้หนักขึ้นกว่าเก่าเมื่อธาริกาพูดถึงมารดา
“พี่ไหม...ฮือ...แก้วทนไม่ไหวแล้ว...ทนไม่ไหวแล้ว”
วาติยาพูดอยู่ที่อกของพี่สาว อกอุ่นที่คอยปกป้องและดูแลยามที่เธอท้อแม้สิ้นหวัง โดดเดี่ยวและอ้างว้าง อกอุ่นที่ไม่เคยทอดทิ้งเธอให้เผชิญกับเรื่องเลวร้ายตามลำพัง ธาริกาปล่อยให้น้องสาวฝาแฝดร้องไห้จนพอใจ เสียงร้องไห้เหือดหายเหลือเพียงแต่เสียงสะอื้น
“เล่าให้พี่ฟังได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น?”
ธาริกาดันร่างของน้องสาวออกจากทรวงอกของเธอ ลูบที่ศีรษะของวาติยาเบาๆ อย่างปลอบโยน วาติยาพยักหน้าพร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเจ็ดเดือนก่อนจนถึงปัจจุบันให้ฟัง ดวงตาของธาริกาเบิกกว้างเมื่อรู้ว่ามารดาบังคับให้น้องสาวทำเรื่องที่น่าอับอาย ไม่แปลกที่ฝ่ายชายจะรังเกียจ แต่สิ่งที่เขาทำกับน้องสาวเธอมันเกินไป
“อีตาราเชนทร์นี่ก็เหลือเกิน ตัณหากลับ มัวเมาในโลกีย์ เป็นพี่หน่อยไม่ได้ พี่จะไม่วิ่งหนี หน้าด้านโชว์หนังสดให้ดู พี่ก็จะดูให้มันรู้ไปว่าใครจะทนไม่ได้” ธาริกาพูดอย่างแค้นเคือง
“พี่เชนทร์...เขาแกล้งทำ เพื่อให้แก้วออกจากบ้านของเขา ที่จริงแล้วเขาไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอกค่ะ?” วาติยาแก้ตัวแทนราเชนทร์
“แล้วนี่จะทำยังไงต่อไป? จะหนีหรือว่าจะกลับไปอยู่ในนรกตามเดิม” ธาริกาถามน้องสาว
“แก้วก็ไม่รู้...ถ้าแก้วไม่กลับไปแม่ก็ต้องลำบาก”
วาติยายังห่วงมารดาเหมือนเดิม ธาริกาส่ายหน้า เธอรู้จักนิสัยมารดาดี เห็นแก่เงิน รักความสบาย ไม่ดูดำดูดีลูกๆ บิดาและมารดาของเธอแยกทางกันตั้งแต่เล็ก ธาริกาอยู่กับบิดา วาติยาอยู่กับมารดา แต่ไปมาหาสู่กันตลอด จนกระทั่งบิดาของเธอเสียชีวิต เธอจึงนำเงินที่ได้จากงานศพของบิดามาซื้อที่ดิน ผสมเล็กผสมน้อยจนที่ดินของเธอมีร่วมยี่สิบไร่ เธอปลูกผักสวนครัวทุกชนิดที่สามารถปลูกได้ แล้วนำไปขายที่ตลาดทั้งขายส่งและขายปลีก รายได้ต่อวันอาจไม่มากนัก แต่สามารถอยู่ได้หากประหยัดและอดออม มารดามาขอเงินเธอทุกเดือน ได้มากบ้างน้อยบ้าง แต่ระยะหลังนี้ไม่เลย ซึ่งเธอก็สงสัยอยู่ เพิ่งมารู้ความจริงจากน้องสาวว่าได้ลูกเขยเป็นมหาเศรษฐีนี่เอง
“ห่วงแต่แม่...ห่วงตัวเองบ้างสิ ระวังจะอกแตกตายสักวัน” ธาริกาต่อว่าน้องสาวไม่จริงจังนัก แต่นั่นทำให้วาติยาร้องไห้อย่างหนัก
“แก้วไม่อยากกลับไปที่นั่นพี่ไหม...เขาใจร้ายกับแก้ว เขาด่าแก้ว ว่าแก้วทุกวัน พี่เชนทร์เขาไม่อยากให้แก้วอยู่ที่บ้านของเขา”
วาติยาระบายความอัดอั้นที่สุมอยู่ในอกให้พี่สาวฟัง ธาริกาคิดหาหนทางที่จะช่วยน้องให้รอดพ้นจากขุมนรกขุมนี้
“แก้วไม่ต้องกลับไปที่นั่นอีกแล้ว...พี่จะไปอยู่ที่นั่นแทนแก้วเอง”
ไม่รู้อะไรดลจิตดลใจธาริกาให้พูดอย่างนั้นออกไป แต่สิ่งที่เธอทำไปทั้งหมดก็เพื่อน้องสาว ใครที่ดูถูกน้องสาวของเธอ พวกเขาจะได้รับรู้ถึงการตอกกลับที่สาสม
“พี่ไหมพูดอะไรแก้วไม่เข้าใจ” วาติยาไม่เข้าใจที่ธาริกาพูดจริงๆ
“เราสองคนเป็นฝาแฝดกัน...หน้าตาก็เหมือนกันแทบทุกอย่าง ถ้าแก้วไม่บอก พี่ไม่บอก ยิ่งแม่ไม่ต้องเป็นห่วง รายนั้นไม่มีทางบอกแน่นอน ก็ไม่มีใครรู้ พี่จะเข้าไปเป็นคุณผู้หญิงของบ้านอิศราภักดีแทนแก้วเอง ส่วนแก้วก็อยู่ที่นี่ อยู่จนกว่าพี่จะเอาทะเบียนหย่ามาให้แก้วพร้อมกับสินสมรสจำนวนมหาศาล”
ธาริกาพูดอย่างมาดมั่น เธอต้องทำให้ได้ หากได้เงินจำนวนนั้นมา มารดาจะได้เลิกเคี่ยวเข็ญน้องสาวให้จ้องแต่จับผู้ชายรวยๆ สักที เธอสงสารน้อง เพราะน้องสาวของเธอไม่เคยได้รับอิสระทางความคิดเลย
“แต่แก้วต้องช่วยพี่ แก้าต้องเล่ารายละเอียดของคนบ้านนั้นให้พี่ฟังทุกคน โดยเฉพาะนายราเชนทร์ผู้ชายปากปีจอคนนั้น พี่ขอเวลาสองวันในการบันทึกข้อมูล” ธาริกาพูดกับวาติยาด้วยท่าทางที่มุ่งมั่น
“พี่ไหมแน่ใจเหรอ? ที่จะทำแบบนี้” วาติยาถามพี่สาวอีกครั้ง
“แน่ใจสิ...คนอย่างพี่ถ้าคิดจะสู้ก็ต้องสู้ให้ถึงที่สุด ไม่ว่าผลมันจะออกมายังไงพี่ยอมรับได้เสมอ” ธาริกาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ไปส่งผักกับพี่ดีกว่า...ที่ตลาดน่ะมีอะไรให้ทำตั้งเยอะแยะเลย แก้วจะได้ไม่เหงา”
ธาริกาจูงมือน้องสาวไปที่รถกระบะคันเก่งของเธอ วาติยารู้สึกสบายใจและมีความสุขเมื่ออยู่ใกล้พี่สาว ไม่ว่ายามทุกข์หรือยามสุขมือของพี่สาวคนนี้อบอุ่นเสมอ
..............