บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 คนที่อยู่ในใจ

คุณพิมพ์อรมองตามหลังบุตรชาย แล้วส่ายหน้าให้กับความเงียบขรึม เย็นชาที่มีมากกว่าเดิมนับตั้งแต่เกิดวิกฤตขึ้นในบริษัทเมื่อสองปีก่อน ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากพัทธนนท์เข้ามารับช่วงต่อจากคุณประชัย เธอเห็นบุตรชายต้องทำงานหนัก หน้าดำคร่ำเครียดติดต่อกันหลายเดือน แม้จะไม่ได้รู้อะไรมาก แต่ปัญหาคงจะหนักหนาเอาการเพราะสามารถทำให้ธุรกิจขนาดใหญ่ของตระกูลอัครรัตน์สั่นสะเทือนได้

ก่อนหน้านี้ แม้พัทธนนท์จะไม่ค่อยแสดงความรู้สึก แต่ยังดูอบอุ่นและอ่อนโยนกับครอบครัวเสมอ แต่หลังจากเกิดวิกฤต ความอบอุ่นก็หายไป กลายเป็นความเย็นชาเข้ามาแทนที่ ได้แต่หวังว่าถ้าแต่งงานไป พัทธนนท์คนเดิมอาจจะกลับมา แล้วหวังจะได้เห็นรอยยิ้มและความสุขของบุตรชายอีกครั้ง

พัทธนนท์เข้ามาในห้องนอนขนาดใหญ่ พอเปิดสวิตช์ไฟ ห้องก็พลันสว่าง เขาเหวี่ยงเสื้อสูทที่ถือติดมือลงบนเตียงนอนอย่างหงุดหงิด ล้มตัวนอนพาดกายแล้วหลับตานิ่ง คิดถึงสิ่งที่ยังติดค้างอยู่ในใจ ทั้งที่ตลอดสองปีเขาพยายามทำทุกทางเพื่อปลดปล่อย แต่ก็ไม่เป็นผล หรือต้องใช้เวลาทั้งชีวิตถึงจะลืมมันได้ แต่ถ้าให้เลือกที่จะลืม เขาก็รู้ตัวเองดีว่าไม่อยากจะลืมมัน แม้การจำจะสร้างความเจ็บร้าวในใจมากแค่ไหนก็ตาม

ความคิดหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ พอเห็นว่าเป็นใคร รอยยิ้มที่ไม่ค่อยปรากฏก็จุดขึ้นบนใบหน้าคม

“คุณพัทธ์คะ ตอนนี้ยุ่งหรือเปล่าคะ น้องนลจะคุยด้วยค่ะ”

เสียงนิลอุบลน้องสาวต่างมารดาที่เป็นคุณแม่ลูกสองพูดทันทีเมื่อเขากดรับสาย แล้วมีเสียงเล็กๆ ของเด็กชายเร่งผู้เป็นแม่ดังลอดเข้ามา

“ว่างครับ” เขาตอบพลางใช้มือดันประตูระเบียงให้เปิด แล้วออกไปยืนข้างนอกให้สายลมปะทะผิวหน้าจนรู้สึกสดชื่น

“คุณลุงพัทธ์ น้องนลนะครับ”

เสียงเจื้อยแจ้วตามสายทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้าง พลางคิดไปว่าวันนี้ น้องนลหรือกฤษนล ลูกชายคนโตวัยสามขวบ จอมซนของน้องสาวเขา มีเรื่องอะไรจะขอหรือเล่าให้ฟังอีก

“ว่าไงครับคนเก่ง”

“วันนี้น้องนลไปโรงเรียน เป็นเด็กดี ไม่ร้องไห้กลับบ้าน แล้วไม่แกล้งเพื่อนด้วย ถามคุณแม่ก็ได้ครับ แล้วคุณลุงเคยบอกว่าถ้าเป็นเด็กดีจะพาไปซื้อหุ่นยนต์ คุณลุงจำได้ไหมครับ” เด็กชายพูดเร็วรัวเท่าที่เด็กวัยสามขวบจะทำได้

“จำได้สิครับ ถ้าน้องนลของลุงเก่งและเป็นเด็กดี ต้องได้รางวัลแน่นอน”

“เย้ๆ ไปซื้อกันเลยนะครับ น้องนลอยากได้ตัวใหม่แล้ว น้องกอล์ฟมีตั้งหลายตัว นลมีแค่สองตัว คุณแม่ไม่ให้คุณพ่อซื้อ” เสียงเจ้าตัวเล็กฟ้องแบบลืมหายใจทีเดียว

“แล้วลุงซื้อให้ จะโดนคุณแม่ดุหรือเปล่าครับ”

“คุณแม่ไม่ดุครับ คุณแม่ใจดี แต่ไม่รู้เป็นไรชอบดุคุณพ่ออยู่เรื่อยเลย” เสียงเผาพ่อตัวเองดังมาตามสายเป็นระยะ

“คุณพ่อรักคุณแม่ รักน้องนลไงครับ ถึงยอมโดนดุ” พัทธนนท์บอกน้ำเสียงอ่อนโยน

พัทธนนท์เห็นครอบครัวน้องสาวมีความสุขก็รู้สึกดีใจ ก่อนนี้เขาไม่คิดเลยว่าวิศรุตเพื่อนรุ่นพี่ที่รู้จักกันก่อนจะแต่งงานกับนิลอุบล จะเปลี่ยนได้ถึงเพียงนี้ หรือตัวตนแท้จริงเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว เพียงแต่เขาไม่เคยสัมผัส

“น้องนลก็รักคุณพ่อนะครับ เวลาคุณพ่อโดนดุ น้องนลก็ปลอบทุกที”

เจ้าคนแก่แดดรายงานความดีความชอบ ก่อนได้ยินเสียงวิศรุตเอะอะแทรกเข้ามาอย่างที่ทำให้เขาต้องหัวเราะ แล้วได้ยินเสียงแม่ลูกต่อรองขอโทรศัพท์กัน สักพักจึงได้ยินเสียงนิลอุบล

“คุณพัทธ์มีเวลาหรือคะ พอดีนิลไม่ให้คุณหนึ่งซื้อ แล้วน้องนลว่าคุณพัทธ์บอกจะซื้อให้ นิลล่ะปวดหัวจริงๆ”

“วันหยุดนี้พี่ว่าง พี่สัญญาไว้เอง เมื่อกี้ยังไม่ได้นัดวันกับเจ้าตัวเล็กเลย”

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวนิลจัดการเอง”

คุยกันสักพักเขาก็ได้ยินเสียงวุ่นวายตามมา ก่อนฝ่ายนั้นจะขอตัววางสาย โดยใบหน้าคมสันยังประดับแต้มด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม

พัทธนนท์ยืนอยู่ตรงระเบียงไม่นานก็หันกลับเข้าห้องนอนใหญ่เพื่อจัดการธุระส่วนตัว ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงในชุดเสื้อคลุมตัวเดียว หยดน้ำยังเกาะพราวทั่วร่างกายแข็งแรง แต่ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ได้ใส่ใจ

ชายหนุ่มเดินตรงไปเปิดประตูอีกด้านที่ถูกตกแต่งไว้จนดูกลมกลืนกับผนัง แล้วก้าวผ่านเข้าไปข้างใน จึงเห็นเป็นห้องซึ่งถูกจัดไว้เพื่อการพักผ่อน เขาเปิดตู้เย็นใบเล็กตรงมุมห้อง หยิบกระป๋องเบียร์ออกมา แล้วเดินไปนอนทอดกายบนโซฟายาว สายตาคมเหลือบเห็นขวดบรั่นดีที่เหลือเพียงครึ่ง ทำให้นึกถึงมารดาที่ยังอยู่ชั้นล่าง ซึ่งคงจะไม่พอใจหากรู้ว่าเขาเก็บของจำพวกนี้ไว้ในห้องพักผ่อน

ขณะกำลังคิดเพลิน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เป็นอนุภาพผู้เป็นเพื่อนรักซึ่งเพิ่งแยกกันเมื่อช่วงเย็น

“ว่าไง” เขาตอบรับ แว่วเสียงดนตรีดังลอดมาจากปลายสาย เดาได้ไม่ยากเลยว่าอีกฝ่ายคงอยู่ในผับของอนุสรณ์ผู้เป็นพี่ชาย

“เฮ้ย อยู่ไหน” อีกฝ่ายถามกลับ

“อยู่บ้าน”

“แฟนนายอยู่ในผับ มากับเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไม่มาสมทบด้วยหรือวะ”

“ไม่ไป! เบื่อ! มีอะไรอีกหรือเปล่า”

เสียงปฏิเสธทำให้คนปลายสายถึงกับต้องยกมือเกาศีรษะด้วยความมึนงง...เออ เชื่อแล้ว ดูท่าจะเบื่อจริงๆ

“แค่นี้แหละ ไม่กวนแล้ว”

“คืนวันศุกร์ ถ้าว่างจะแวะไป” พัทธนนท์บอกก่อนอีกฝ่ายจะตัดสาย ด้วยรู้ตัวดีว่าตนเริ่มทำตัวเหินห่างจากเพื่อนฝูงไม่เหมือนเก่า

แม้อนุภาพจะวางสายไปแล้ว แต่พัทธนนท์ยังคงนั่งครุ่นคิดอยู่ที่เดิม ช่วงหลังเขาไม่มีเวลาให้แม้แต่กับนิตย์ระวีเอง ทำให้เธอต้องไปสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน แต่ดูแล้วว่าที่คู่หมั้นของเขาคงไม่เดือดร้อนนักกับการไม่มีเวลาให้ แถมเธอก็ไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขาเลย

นิตย์ระวีเป็นผู้หญิงที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง เป็นตัวของตัวเอง ซ้ำยังเป็นคนเก่ง ตอนนี้กำลังเปิดธุรกิจใหม่ที่กำลังไปได้สวย เขาชื่นชอบและภูมิใจกับสิ่งที่เธอเป็น

และเมื่อคิดว่าต้องแต่งงาน เธอก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่เขานึกถึง เพราะคบหาใกล้ชิดและเรียนรู้นิสัยใจคอกันมานานหลายปี จึงไม่มีอะไรต้องปรับหรือเปลี่ยนหากใช้ชีวิตคู่ร่วมกันในอนาคต

พัทธนนท์ยกกระป๋องเบียร์เย็นเฉียบขึ้นดื่มพร้อมคิดไปเรื่อยเปื่อย แล้วใบหน้าสวยของใครบางคนแวบเข้ามา เขาหลับตานิ่งแล้วครวญในอก

หล่อนอยู่ที่ไหน...

ตลอดเวลาสองปี เขาให้คนติดตามและสืบหาตัวหล่อน แต่กลับไม่พบแม้เงาของคนที่เคยอยู่ด้วยกันช่วงเวลาหนึ่ง คนที่เขาตัดสินใจปล่อยให้จากไป ด้วยเข้าใจว่าหล่อนต้องการตามไปอยู่กับคนรัก แต่เมื่อเขาสั่งให้คนออกตามสืบ กลับรู้ว่าชายคนนั้นกำลังสุขสบายอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ในครั้งนั้นเขาจึงออกคำสั่งให้คนเข้าไปสั่งสอนเพื่อเป็นบทเรียนแค่พอหลาบจำ ทั้งหมดที่ทำไปเขาก็ไม่มั่นใจว่าทำเพื่อตัวเองหรือเพื่อหล่อนกันแน่

เช้าวันเสาร์ ขณะที่คุณพิมพ์อรกำลังคุยโทรศัพท์ หางตาก็เห็นบุตรชายในชุดลำลอง ด้วยเสื้อยืดโปโลกับกางเกงยีนสีเข้มเดินลงมาจากชั้นบนอย่างเร่งรีบ ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยปากถาม เขาก็เดินลิ่วไปขึ้นรถแล้วขับออกอย่างรวดเร็ว เมื่อทำอะไรไม่ได้จึงหันมาสนใจคู่สนทนาที่อยู่ปลายสายต่อ

ส่วนพัทธนนท์ เมื่อขับรถแล่นไปในเส้นทางนอกเมือง ไม่นานเขาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู แล้วเห็นว่าใกล้ถึงเวลานัดกับน้องนลเข้าไปทุกที เช้าวันนี้เขาเผลอนอนตื่นสาย เป็นเพราะว่าเมื่อคืนกว่าอนุภาพจะยอมปล่อยตัวให้ออกจากผับก็ใกล้ถึงเวลาปิดสถานบันเทิงแล้ว

โชคดีที่วันนี้ถนนโล่ง เขาจึงใช้เวลาขับรถไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เคยแวะเวียนมาตั้งแต่เด็ก เมื่อนิลอุบลแต่งงานเข้ามาเป็นสะใภ้และมีหลานชายที่เขาทั้งรักทั้งเอ็นดู จึงทำให้เขามาที่นี่บ่อยขึ้นหรือแทบทุกครั้งเมื่อมีเวลาว่าง

“สวัสดีครับคุณลุง”

น้องนลออกมายืนรอต้อนรับตั้งแต่ได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจอด เขามองเด็กชายวัยสามขวบที่มีผิวขาวผ่อง ใบหน้าติดจะหวานละม้ายมารดา ถ้าไม่เพราะความแสบและซนที่เห็นได้ชัดก็อาจทำให้วิศรุตหนักใจ

“น้องนลพร้อมจะไปหรือยังครับ” เขายกมือขึ้นลูบหัวทุยเล็กอย่างเอ็นดู

“พร้อมครับ พร้อมแล้ว”

บอกอย่างกระตือรือร้น พัทธนนท์จึงจูงมือเล็กเข้าไปในบ้าน ทำความเคารพประมุขของบ้านที่อยู่พร้อมหน้าในวันหยุด

“สวัสดีครับ คุณลุง คุณป้า” เขายกมือไหว้ ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาเมื่อคุณชลกานต์เชื้อเชิญ จังหวะนั้นเด็กรับใช้ก็นำกาแฟมาเสิร์ฟให้

“เป็นยังไงบ้าง ใกล้จะหมั้นแล้วไม่ใช่หรือ” คุณชลกานต์ถามพี่ชายของลูกสะใภ้เสียงปรานี

“ครับ ต้นเดือนหน้า” พัทธนนท์ตอบอย่างสุภาพตามแบบฉบับของเขา

“แล้วจะแต่งกันเมื่อไหร่”

“คงอีกสักระยะครับ เพราะตอนนี้งานของนิตย์ยังไม่ลงตัว”

“อ๋อ หมั้นกันไว้ก่อน แล้วคุณพ่อคุณแม่สบายดีหรือจ๊ะ”

“สบายดีครับ” เขาตอบสั้นๆ คุยกันไม่นานก็เห็นวิศรุตเดินเข้ามาพร้อมนิลอุบล

“นลมานี่สิลูก” นิลอุบลเรียกลูกชายให้เดินไปหา แล้วข้อตกลงก่อนออกจากบ้านทุกครั้งก็ถูกนำมาทำสัญญากันระหว่างสองแม่ลูก

“น้องนลซื้อหุ่นยนต์ตัวเดียวนะครับ”

เมื่อได้ยินเสียงมารดาย้ำ เด็กชายก็มีท่าทีอิดออด แต่ก็ต้องยอมก่อนจะอดได้ทุกอย่าง วิศรุตหันมามองพัทธนนท์แล้วเลิกคิ้วให้ดูคุณแม่จอมเฮี้ยบ

“ครับ นลซื้อหุ่นยนต์ตัวเดียว และกินไอศกรีม”

น้องนลต่อรองอย่างเจ้าเล่ห์ ดวงตากลมมองมาอย่างออดอ้อน นิสัยอย่างนี้เห็นแล้วก็รู้ว่าได้จากใคร สุดท้ายนิลอุบลก็ยอมตามใจเหมือนเคย

ส่วนพัทธนนท์นั่งสนทนากับประมุขของบ้านเพียงไม่นานก็ขอตัวพาหลานรักไปซื้อของตามที่ได้นัดกันไว้

วันนี้เป็นอีกวันที่เขามีความสุข เป็นช่วงเวลาที่เขาหลุดพ้นจากความทรมานที่เกาะกินใจมานานถึงสองปี พัทธนนท์มองน้องนลที่เดินกอดหุ่นยนต์ตัวโตแล้วอดยิ้มออกมาไม่ได้ เด็กน้อยคงจะปลื้มจนไม่อยากกินไอศกรีมอย่างที่ตั้งใจ แต่เมื่อดูเวลาแล้วเห็นว่าใกล้เที่ยงเต็มที จึงชวนเด็กน้อยเข้าไปรับประทานอาหารในร้านเจ้าประจำ

“ไปหาอะไรกินก่อนดีไหมครับ ลุงหิวแล้ว และนลก็ต้องกินมื้อเที่ยงด้วย”

“คุณลุงหิวแล้วหรือครับ ก็ได้ครับ เราไปกินข้าวกัน” เด็กชายจูงมือเขาเดินลิ่วไปยังร้านที่เคยมารับประทานกันแบบสองลุงหลาน

เมื่อเลือกที่นั่งได้แล้ว สองหนุ่มต่างวัยก็ช่วยกันสั่งอาหาร ขณะนั่งรออาหารที่สั่งไป เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

“ว่าไงครับนิตย์” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้น ขณะสายตายังมองหลานชายที่กำลังเห่อของเล่นชิ้นใหม่

“พัทธ์ว่างหรือเปล่าคะ นิตย์กำลังไปดูเสื้อผ้าที่เตรียมไว้สำหรับงานหมั้น แต่คงอยู่ไม่นานเพราะต้องไปพบลูกค้าด้วย”

“ผมพาหลานออกมาข้างนอก กำลังจะทานข้าวกัน นิตย์อยู่ที่นั่นถึงกี่โมงล่ะ ผมจะรีบตามไป” พัทธนนท์บอกเมื่อเห็นว่าตนต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่อีกสักพัก เพราะไม่อยากให้เจ้าตัวแสบหิ้วท้องรอถ้าจะออกไปตอนนี้

“งั้นไม่เป็นไรค่ะ ช่วงบ่ายวันอังคารนิตย์จะไปดูพวกสร้อยคอ สร้อยข้อมือของฟาดาที่โชว์รูมในห้าง ผู้จัดการสาขาเชิญนิตย์ไว้นานแล้ว เผื่อเครื่องประดับของฟาดาจะนำมาทำตลาดคู่กับสินค้าของนิตย์ได้ ถ้าว่างก็แวะไปด้วยกันนะคะ นิตย์จะได้ให้เขาเตรียมแบบแหวนที่เลือกไว้ให้พัทธ์ดู”

สิ่งที่บอกทำให้เขาครุ่นคิดด้วยกลัวจะมีงานติดพัน เนื่องจากในช่วงเช้าของวันนั้นเป็นการประชุมใหญ่เพื่อรายงานผลประกอบการของธุรกิจย่อยในเครืออัครรัตน์ แต่ใจจริงแล้วเขาก็อยากให้เวลากับแฟนสาวบ้าง

“นิตย์ครับ พอดีวันนั้นผมมีประชุมช่วงเช้า แต่ผมจะพยายามไม่ให้ยืดเยื้อ ยังไงผมขอโทร.คอนเฟิร์มคุณตอนเที่ยงวันนั้นนะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะพัทธ์ ถ้ายังไงค่อยโทร.มาบอกก็ได้ค่ะ”

“นิตย์ทานข้าวหรือยัง”

“จะทานกับลูกค้าเลยค่ะ”

สองหนุ่มสาวสนทนาอีกเพียงครู่ก็วางสาย ตลอดเวลาที่เขาคุยกับแฟนสาวก็มีดวงตาแป๋วแหววของบางคนจ้องมองอยู่

“อาหารมาครบแล้ว กินสิครับ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel