บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 คนที่อยู่ในใจ

“น้องนลรอคุณลุงคุยเสร็จก่อนครับ แล้วค่อยกินพร้อมกัน”

คำพูดจากเด็กชายทำให้เขารู้สึกเอ็นดู สิ่งที่นิลอุบลเป็นก็ถูกปลูกฝังต่อให้คนตรงหน้า แต่ก็รับจากคนเป็นพ่อมาไม่น้อยเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะแสบซนได้อย่างนี้หรือ

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ พัทธนนท์จึงไปส่งเด็กชายที่บ้าน หลังจากอยู่คุยกับวิศรุตไม่นานก็ขอตัวกลับ เขาขับรถโดยไม่ต้องเร่งความเร็วเพราะไม่มีเป้าหมายให้ไปต่อ

เมื่อพัทธนนท์กลับมาถึงบ้านในช่วงเย็นก็พบบิดานั่งรออยู่ เหมือนมีเรื่องจะคุยกับเขา

“คุณพ่อกลับมาเมื่อไหร่ครับ” เขาเข้าไปนั่งตรงข้ามแล้วยกแก้วน้ำที่เด็กรับใช้นำมาเสิร์ฟขึ้นมาดื่มอย่างกระหาย

“มาตั้งแต่บ่าย คลาดกับเราไม่นาน เห็นแม่เขาว่ารีบออกไป นัดหนูนิตย์ไว้หรือ” คุณประชัยถาม

“เปล่าครับ ผมไปบ้านคุณลุงวีระ ไปหาหลาน”

คำตอบของเขาทำให้ผู้สูงวัยถอนหายใจยาว

“ทางนั้นเป็นไงบ้างล่ะ”

“ก็ดีครับ หลานเริ่มซน ดูฉลาด นิลเริ่มปวดหัวกับความช่างต่อรองของแกแล้วล่ะครับ ผมว่าถึงหน้าตาจะเหมือนนิล แต่ท่าทางหรือนิสัยเหมือนพี่หนึ่งอย่างกับแกะ” กระแสเสียงอ่อนโยนยามพูดถึงและเจือด้วยรอยยิ้ม ทำให้ใบหน้าคมสันที่ดูเงียบขรึมน่ามองขึ้น

“งานหมั้นเตรียมไปถึงไหนแล้ว”

“ไม่มีปัญหาครับ ของจัดเตรียมไว้หมดแล้ว” เขาตอบพลางประสานมือ ก้มใบหน้าน้อยๆ คุณประชัยมองเสี้ยวหน้าคมของบุตรชาย ก่อนตัดสินใจถามบางอย่างที่ติดค้างอยู่ในใจ

“พร้อมจะหมั้นหรือเปล่า”

คำถามนั้นทำให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมอง ด้วยไม่เข้าใจคำถามของผู้สูงวัยว่าหมายถึงอะไร

“ถ้าใจพร้อมก็ทำให้ร่างกายพร้อมด้วย แต่ถ้าใจไม่พร้อม ฝืนยังไงมันก็ไม่ไปด้วยกัน”

“ผมไม่รู้หรอกครับ แต่คิดว่าเป็นช่วงที่เหมาะถ้าจะหมั้นไว้ตอนนี้ งานของนิตย์ลงตัวเมื่อไหร่ ค่อยกำหนดงานแต่งกันอีกที”

คุณประชัยพยักหน้าอย่างคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อน บุตรชายพูดถึงงานหมั้นงานแต่งเหมือนกำหนดแผนธุรกิจเสียอย่างนี้ จะไม่ให้ท่านเป็นห่วงได้อย่างไร แต่อีกใจก็เห็นด้วยที่จะหมั้นกันก่อน แล้วค่อยดูกันไป ถ้ายังไม่แน่ใจ ระยะเวลานานเท่าไรก็ไม่สำคัญ

“แล้วงานล่ะ”

“ดีครับ ตอนนี้บริษัทในเครือทำผลกำไรได้ดี สรุปไตรมาสนี้ในวันอังคาร แล้วผมจะมาบอกรายละเอียดคุณพ่ออีกที ส่วนความเชื่อมั่นก็ดีขึ้นมาก คงเป็นเพราะช่วงตลาดโดยรวมฟื้นตัว” เสียงพูดอย่างมั่นใจเมื่อกล่าวถึงงานทำให้คุณประชัยหายห่วงไปอย่างหนึ่ง หากเรื่องส่วนตัวก็คงต้องลุ้นกันอีกที ถึงแม้ลูกจะโตเป็นผู้ใหญ่สักแค่ไหน แต่ขึ้นชื่อว่าลูกก็อดห่วงไม่ได้

ช่วงเช้าวันจันทร์ พัทธนนท์ขับรถเข้ามาจอดในสำนักงานเครืออัครรัตน์ เขาเดินเข้าลิฟต์สำหรับผู้บริหาร เมื่อลิฟต์เคลื่อนสู่ชั้นบนสุดจึงสาวเท้าออกมาแล้วตรงไปยังห้องทำงานตัวเอง

ตลอดเวลาที่เดินเข้ามาในที่แห่งนี้ พัทธนนท์สังเกตเห็นสายตาของพนักงานหลายคนลอบมองมา แต่พอส่งสายตากลับไป คนเหล่านั้นก็พากันหลบตา ทำให้อดขำไม่ได้ว่าตนคงน่ากลัวพิลึกในความรู้สึกของพวกเขา

หากชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่าที่พนักงานคอยลอบนั้นเป็นเพราะบุคลิกของเขาได้เปลี่ยนไปตามเวลา มีบางสิ่งเข้ามาเปลี่ยนความเป็นตัวตนจนต่างจากเดิม พัทธนนท์คนเดิมที่เคยอ่อนโยนจึงไม่เหลือให้ใครมองเห็นจากภายนอก

พัทธนนท์ผลักประตูห้องทำงานแล้วเดินเข้าไป ก่อนจะพบว่างานทุกอย่างได้ถูกเตรียมพร้อมเพื่อรอเขาเข้ามาจัดการเหมือนอย่างทุกวัน

เขานั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ มองกองเอกสาร เป็นรายงานผลประกอบการที่ส่งมาให้ดูล่วงหน้าก่อนถึงเวลาประชุมในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ เมื่อเปิดดูก็ยิ้มอย่างพอใจ ทุกสิ่งที่เขาทำคงเหมือนคนไม่มีความรู้สึก อาจดูเป็นคนเลือดเย็นในสายตาบางคน แต่เมื่อมาอยู่ในจุดที่ต้องตัดสินใจก็ไม่มีทางเลือกให้เดินมากนัก

‘คุณมันคนไม่มีความรู้สึก ไม่สนใจว่าใครจะเป็นอย่างไร ทุกอย่างที่ทำคงแค่ให้ตัวเองได้ตามต้องการ’

เขาสะบัดศีรษะเมื่อเสียงที่เคยตอกย้ำกลับมาแทรกในความคิดอีกแล้ว บางครั้งก็โมโหคนที่ฝังในความรู้สึก ว่าจะรู้หรือเปล่า ทุกการตัดสินใจที่เขาเป็นในตอนนี้ เป็นผลมาจากหล่อนแทบทั้งสิ้น เขากล้าหมั้นกับนิตย์ระวีเพียงเพราะคบกันมานาน จึงควรให้เกียรติและทำในสิ่งที่สร้างความมั่นใจให้กับฝ่ายหญิง แต่สำหรับการแต่งงานก็รอจนกว่าฝ่ายหญิงจะพร้อม ซึ่งเขาจะใช้ช่วงเวลานี้สะสางสิ่งที่ติดค้างไว้ทั้งหมด

หล่อนไปมุดหัวอยู่ที่ไหนนะ...คิดขึ้นมาอย่างหงุดหงิดใจ

หลังจากเปิดร้านฟาดาจิวเวลรีเสร็จ ปารลีก็ช่วยผู้จัดการตรวจสอบบัญชีและยอดขายย้อนหลังตามงานถนัด แล้วจึงออกมาต้อนรับลูกค้าด้านหน้าร้าน จากบุคลิกที่โดดเด่นและท่าทีอ่อนโยน มีไหวพริบดี จึงมักมีลูกค้าเลือกเดินเข้ามาหาเธอก่อน

ผู้จัดการร้านสาวใหญ่มองลูกจ้างสาวอย่างพอใจ ถึงแม้ชั่วโมงทำงานที่ให้กับร้านมีไม่มาก แต่เธอมักจ่ายให้เต็มที่ บางทีก็สงสัยว่าวุฒิการศึกษาด้านบัญชีที่จบจากสถาบันชื่อดังในเมืองไทยและผลการเรียนที่ดีเลิศ น่าจะหางานที่ได้ค่าจ้างดีกว่านี้ หากได้แต่สงสัยอยู่เพียงลำพัง ไม่กล้าถามออกไป เพราะคิดว่าได้คนแบบนี้มาทำงานด้วยก็เป็นผลดีกับตัวเองที่สุดแล้ว

“หนูจันทร์ พรุ่งนี้ลูกค้าของบริษัทจะเข้ามาดูตัวอย่างสินค้า ช่วยพี่รับรองหน่อยนะ”

“ได้ค่ะ แล้วจะเข้ามากี่โมงคะ” หล่อนตอบรับคำพร้อมถามเวลานัดหมาย

“ช่วงบ่ายน่ะ แต่ยังไม่รู้ว่ากี่โมง เพราะลูกค้ายังไม่ได้กำหนด เห็นว่าจะให้แฟนเขาเข้ามาดูแบบแหวนหมั้นที่เราทำให้ด้วย เลยนัดกันไว้ที่นี่”

เสียงตอบนั้น ทำให้ปารลีใจเต้นรัว เฝ้าภาวนาว่าขออย่าให้เป็นเขาเลย

“เป็นอะไรหรือเปล่าหนูจันทร์ หน้าซีดจัง นั่งก่อนไหม”

ไม่ว่าเปล่า แต่ผู้จัดการสาวยังดึงร่างคนที่ยืนเกาะตู้กระจกโชว์สินค้าให้มานั่งตรงเก้าอี้รับรอง ไม่นานลูกจ้างสาวก็มีอาการดีขึ้น แล้วเธอก็ได้รู้คำตอบอาการไม่สบายของปารลีว่าเป็นเพราะพักผ่อนน้อย เลยหน้ามืดไป

การประชุมชี้แจงผลประกอบการจากทุกบริษัทในเครืออัครรัตน์ประจำไตรมาสแรกของปีสิ้นสุดลงพร้อมความพึงพอใจของผู้บริหารระดับสูง โดยส่วนใหญ่ต่างพอใจกับผลที่ได้อย่างเกินความคาดหมาย

ร่างสูงใหญ่อิงกายลงกับเก้าอี้ตรงตำแหน่งหัวโต๊ะประชุม ขณะไล่สายตามองเอกสารในมือ เขากำลังชื่นชมตัวเลขผลกำไรในไตรมาสนี้ที่พุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว สิ่งเหล่านี้สร้างความคาดหวังต่อไปถึงราคาหุ้นของบริษัทในเครือว่าจะปรับตัวสูงขึ้นในอีกไม่นาน

ผลกำไรที่เกิดจากการตัดสินใจที่ถูกต้องและแม่นยำเมื่อต้องวางทิศทางและนำพาบริษัทให้เติบโตก้าวหน้า ยังส่งผลต่อมาให้เกิดความมั่นคงในตำแหน่งที่ตนถือครองอยู่ ตราบใดที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างนี้ ตำแหน่งรองประธานและรักษาการประธานของเครืออัครรัตน์ก็ยังอยู่ในมือเขา

กว่าการประชุมจะเสร็จสิ้นก็เลยเที่ยงวัน พัทธนนท์ยกนาฬิกาขึ้นมาดูอีกครั้ง หลังจากเห็นผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ได้ทยอยออกไป เหลือเพียงกลุ่มที่ปรึกษาและผู้บริหารระดับสูงที่ยังนั่งสนทนากันอยู่

“ผลประกอบการเข้าเป้านะครับคุณพัทธ์ ดีกว่าที่คิดซะอีก ตลาดใหม่ที่บุกเบิกในปีที่แล้วก็ดูท่าจะไปได้สวย” ที่ปรึกษาอาวุโสที่เคยฟาดฟันจนเขาแทบหลุดจากเก้าอี้เมื่อสองปีก่อนเอ่ยชื่นชม

“ครับ เดี๋ยวนี้ตลาดหมุนเร็ว สินค้าบริโภคแบบของเราต้องหาที่ใหม่รองรับไว้เสมอ แต่ตลาดที่เราครองอยู่ตอนนี้ก็คงอยู่ได้อีกทั้งปี” พัทธนนท์กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพตามแบบฉบับของเขา ก่อนหน้านี้หลายคนอาจเคยมองว่าเป็นความอ่อนแอ แต่เขาได้พิสูจน์ด้วยผลงานจนเป็นที่ยอมรับไปแล้ว

“ช่วงบ่ายคุณพัทธ์มีเวลาหรือเปล่าครับ ผมจะขอคุยเรื่องของคุณสราวุธที่คุณพัทธ์สั่งให้เขาไปตรวจสอบตัวเลขมาใหม่” ผู้บริหารคนหนึ่งถามแทนผู้ชายที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างๆ ซึ่งเพิ่งหน้าม้านตอนนำเสนอข้อมูลต้นทุนการผลิตสินค้าผิดพลาดซึ่งส่งผลกระทบถึงผลประกอบการที่ดูลดต่ำลงจนผิดสังเกต

“ได้ครับ” พัทธนนท์ตอบตกลง...เขาคงต้องยกเลิกนัดหมายกับนิตย์ระวีอีกครั้ง ได้แต่หวังว่าเธอจะเข้าใจเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา

ขณะที่พัทธนนท์กำลังยุ่งกับเรื่องของธุรกิจ หญิงสาวสวย รูปร่างประเปรียว ซึ่งกำลังจะถูกคนรักยกเลิกนัดในช่วงบ่ายก็ก้าวเข้ามาในโชว์รูมเครื่องเพชรของฟาดา จิวเวลรี หล่อนสามารถเรียกสายตาจากพนักงานและลูกค้าที่กำลังเลือกซื้อเครื่องประดับในร้านให้หันมองได้อย่างพร้อมเพรียง หากเจ้าของเรือนร่างสะโอดสะองกลับไม่สนใจสายตาของใคร นอกจากสอดส่ายสายตาราวกับมองหาบางคน ทว่ายังไม่ทันที่พนักงานจะเข้ามาถาม เสียงทักทายจากด้านหลังก็ดังขึ้น

“สวัสดีค่ะคุณนิตย์ มาตรงเวลาเป๊ะเลยนะคะ” คุณแจนเดินเข้ามาต้อนรับลูกค้าสาวสวย ข้างหลังเธอยังมีพนักงานนามปารลีที่กำลังตามเข้ามาพร้อมกับยกมือไหว้ทักทายหญิงสาวผู้มาใหม่

“สวัสดีค่ะคุณแจน” นิตย์ระวีทักทายอย่างคนอัธยาศัยดี ดวงตาคมเฉี่ยวหรี่มองไปยังปารลีที่เธอว่าดูเด่นสะดุดตาเกินกว่าจะเป็นพนักงานในร้าน

“น้องจันทร์ค่ะ ให้มาช่วยบอกรายละเอียดสินค้าในร้านเรา” คุณแจนแนะนำ เมื่อเห็นลูกค้าสาวให้ความสนใจลูกจ้างของเธอ

ปารลีลอบมองหญิงสาวตรงหน้า แล้วคิดว่าเธอดูเหมาะสมกับเขาคนนั้น แต่พอเลื่อนสายตาสบกับนัยน์ตาคู่คมเฉี่ยว ปารลีก็รู้สึกหวั่นกลัวจนต้องยกสองมือมากุมไว้ ระงับอาการสั่น หล่อนรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ คิดกังวลว่าอาจต้องเผชิญกับปัญหาใหญ่ที่อาจตามมาในอีกไม่ช้า ถ้าหล่อนยังอยู่ในที่แห่งนี้

“เอ ลูกน้องคุณแจนไม่สบายหรือเปล่าคะ เหงื่อซึมเชียว”

“ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันสบายดี” ปารลีรีบบอกปฏิเสธ ถึงอย่างไรเธอต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

เมื่อเห็นว่าปารลีไม่ได้เป็นอะไรมากแล้ว ทั้งคุณแจนและนิตย์วีก็กลับมาให้ความสนใจกับเครื่องประดับต่อทันที

“สินค้ามีครบทุกแบบตามที่บริษัทได้วางแผนเตรียมไว้สำหรับตลาดบ้านเรา กลุ่มเป้าหมายมีตั้งแต่คนระดับกลางจนถึงกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง ราคาเริ่มตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงชิ้นละล้านบาท”

คุณแจนกล่าวพลางเปิดแคตตาล็อกแสดงรูปสินค้าที่ทางสำนักงานใหญ่จัดเตรียมไว้ให้เพื่อใช้ในการเสนอลูกค้าและผู้ที่สนใจได้ชม

“สินค้าเจาะตรงกลุ่มเป้าหมายนะคะ” นิตย์ระวีออกความเห็นอย่างคล้อยตามกัน

“ค่ะ สินค้าชุดใหม่นี้ทางบริษัทได้ศึกษาตลาดมาอย่างดี ทีมออกแบบเป็นคนละชุดกับที่ทำป้อนตลาดส่งออกที่ยุโรป แต่คุณภาพเดียวกัน”

“แตกต่างกันแค่ดีไซน์หรือคะ” นิตย์ระวีย้ำถาม โดยผู้จัดการสาวยืนยันตอบรับทันที

เมื่อนิตย์ระวีร้องขอรายละเอียดของสินค้าเพิ่มเติมในส่วนที่กำลังสนใจคุณแจนจึงส่งหน้าที่นี้ให้กับปารลี ที่เธอเชื่อมั่นในความสามารถและไหวพริบในการแก้ปัญหา แม้ครั้งนี้จะทำให้แปลกใจอยู่บ้าง เมื่อเห็นปารลีมีท่าทีอึดอัดและไม่คล่องแคล่วเหมือนการทำงานครั้งก่อนๆ

ปารลีให้ข้อมูลลูกค้าพิเศษอยู่จนใกล้เวลาเลิกงานเข้ามาทุกที พร้อมกับนึกดีใจว่าวันนี้สามารถผ่านพ้นไปได้อีกวัน หล่อนคิดว่าลูกบอลยังเล็กนัก อีกทั้งหลายอย่างในชีวิตก็เริ่มลงตัว ถ้าหากมีสิ่งใดเข้ามาแล้วอาจทำให้เกิดปัญหาต่อกัน หล่อนก็ยินดีจะเป็นผู้หลบหลีกไปเอง

ขณะที่นิตย์ระวีกำลังเพ่งมองแหวนที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงามและดูน่าทึ่ง เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ปารลีถอยห่างออกไปเพื่อให้ลูกค้าได้รับความเป็นส่วนตัวในการพูดคุยธุระกัน

“สวัสดีค่ะ ประชุมเสร็จแล้วหรือคะ”

เสียงอ่อนหวานที่กรอกลงไปทำให้ปารลีหยุดชะงัก หล่อนยอมเสียมารยาทแอบฟังการสนทนาทางโทรศัพท์ เพราะสังหรณ์ใจว่าอาจมีบางเรื่องเกี่ยวพันมาถึงเธอ

“พัทธ์จะมากี่โมง นิตย์ใกล้เสร็จธุระแล้วล่ะ” นิตย์ระวีถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากนั้นก็ตั้งใจฟังปลายสายตอบกลับ

“ได้ค่ะ จะรอนะคะ”

เมื่อเสร็จสิ้นจากการสนทนา นิตย์ระวีก็เก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าสะพายใบหรูไว้ดังเดิม แล้วจึงหันมาทางปารลี แต่ต้องขมวดคิ้วมุ่นด้วยเห็นว่าหญิงสาวมีอาการผิดปกติ หล่อนดูกระสับกระส่าย ขณะที่คุณแจนซึ่งเฝ้าสังเกตอยู่ก็ทนดูต่อไม่ไหว เดินเข้ามาถามด้วยความห่วงใย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel