บท
ตั้งค่า

๔ ลืมความจริง (๑)

ลืมความจริง

ภายในโกดังที่มีฝุ่นลอยคลุ้งในอากาศ กลิ่นอับของเครื่องเรือนที่ไม่ใช้ถูกขนมาไว้ในนี้ ทั้งสัตว์ตัวเล็กคลานไปมาจนต้องเบือนหน้าหนี นายตำรวจหนุ่มถูกตรึงบนเก้าอี้พร้อมทั้งขาที่ล่ามโซ่ตรวนเอาไว้ราวนักโทษ ใบหน้าบวมช้ำจากการถูกชก ตาแทบจะเปิดไม่ขึ้นแต่ก็พยายามลืมเพื่อมองศัตรูคู่อาฆาต

ภูวิศออกจากบ้านมาสั่งสอนคนที่บังอาจทำร้ายตนเองโดยเฉพาะ เขาไม่ได้ใช้แค่กำปั้นชกทว่าใส่สนับมือด้วยจนหน้าคมมีรอยแผล ชายหนุ่มรู้จุดตายของร่างกายเป็นอย่างดีจึงเลี่ยง ยังไม่อยากให้เดชธรรมตายง่ายๆ แบบนั้นมันจะไปสนุกอะไร

ต้องทรมานจนเหมือนตายทั้งเป็น อย่างที่มันเคยทำกับคนอื่นสิ...

“ไอ้ภู..กู จะ ฆ่ามึง” ทั้งที่แทบไม่มีเสียงแต่ก็ยังมองด้วยแววตาอาฆาต พยายามกระเสือกกระสนโต้กลับถึงจะไม่สามารถขยับร่างกายได้เลยก็ตาม เจ้าของโรงแรมหรูเค้นหัวเราะออกมาอย่างสมเพช ยิ่งมองมันก็รู้สึกว่าเห็นแมลงสาปตัวหนึ่งที่ใกล้ตาย

“เจ็บมากไหม คิดถึงตอนที่มึงทำกับคนอื่นสิ มึงไม่คิดว่าเขาจะเจ็บบ้างเหรอ หรือจะให้กูสั่งพวกนี้รุมโทรมมึงดี จะได้รู้ไงว่าเวลาผู้หญิงเขาโดนแล้วรู้สึกยังไง” เจ็บใจที่ตนเองถูกแทงไม่เท่ากับการที่เขาได้รับรายงานเรื่องที่มันเคยทำ

แต่ว่ากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย ในเมื่อเดชธรรมก็เป็นแค่แมลงตัวหนึ่งในวงจรใหญ่ที่ผู้มีอำนาจคอยสั่งการอยู่เบื้องหลัง หากเขาก้าวขาเข้าไปยุ่งมากกว่านี้ถึงจะมีเงินล้นฟ้าก็ถูกขัดขาได้เช่นเดียวกัน

วงการยาเสพติดที่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องเดียวกัน ทั้งค้ามนุษย์ซึ่งนายทุนเป็นคนต่างชาติ อาศัยร่วมทุนกับนายตำรวจไทยเพื่อให้การขนส่งคนง่ายขึ้น แค่เห็นภาพก็อยากจะอาเจียน ผู้คนเหล่านั้นต้องแออัดกันในตู้คอนเทนเนอร์ ไม่มีใครอยากไปแต่เพราะถูกบังคับทำให้จำยอมทั้งที่น้ำตาไหลนองหน้า

เขาส่งหลักฐานไปให้กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์เรียบร้อยแล้ว กว่าจะได้มาซึ่งหลักฐานก็ไม่ง่ายสักนิด สูญเสียเงินไปจำนวนหนึ่งแต่ก็แลกกับการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันถือว่าคุ้มค่า

“เมียมึง ตอนถูกกูเอามันร้องคราง ไม่หยุดเลย ว่ะ กูเลยพา เพื่อน มารุมโทรมด้วย อั๊ก” พูดเสียงกระท่อนกระแท่นเพราะไม่ค่อยมีแรง ทั้งปากยังถูกชกจนแทบขยับไม่ได้ แต่ด้วยแรงอารมณ์อยากทำให้ภูวิศเจ็บบ้างถึงได้เอ่ยขึ้น เงยหน้าขึ้นมองแล้วยกยิ้มมุมปากชั่วร้าย

คนฟังกำหมัดแน่นด้วยความโกรธแค้น ชกเข้าที่ใบหน้าของมันไม่ยั้งจนเลือดสาดกระเซ็นมาโดนตนเอง ผู้ติดตามเข้ามาช่วยพยุงเจ้านายเมื่อเห็นว่าร่างสูงถอยห่างพลางตัวโงนเงนเหมือนจะยืนไม่อยู่ หันมองเดชธรรมที่นิ่งเงียบไปเรียบร้อย

เข้าจับชีพจรเห็นว่ายังเต้นปกติจึงคลายใจ เจ้านายสั่งไว้ว่าหากตนเองทำเกินกว่าเหตุให้ช่วยห้ามไว้ด้วย เขาเองก็ยังไม่อยากเข้าคุกข้อหาคดีฆาตกรรมใครเหมือนกัน แค่จับมันมาขังไว้ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นตำรวจก็ต้องใช้เส้นสายมากพอแล้ว

สูญเงินไปพอควรเพียงเพื่อความสะใจของตนเอง...

“ทำแผลให้มันด้วย อย่าปล่อยให้มันตาย” ถอดสนับมือส่งให้ผู้ติดตาม แล้วเช็ดเลือดซึ่งกระเด็นใส่หน้าตนเองพลางเดินออกจากโกดังแห่งนี้ด้วยแววตาเลื่อนลอย

คลิปที่เขาเห็นเป็นเพียงการร่วมรักของแฟนสาวกับชายคนหนึ่งแต่ไม่เห็นใบหน้า เปิดได้ไม่กี่วิก็ต้องปิดเพราะไม่สามารถทนดูได้ สงสารหญิงสาวและหดหู่ใจเกินไป ค้นหาในคอมพิวเตอร์ก็ไม่พบ เห็นมันมีคลิปเดียวทำให้ไม่คิดว่าจะมีการรุมโทรมด้วย

วรางคนางช่างน่าสงสารเหลือเกิน ทำไมมันถึงได้ทำร้ายหล่อนมากขนาดนี้...

ก้าวไปหลังบ้านแล้วจัดการล้างคราบเลือดของเดชธรรมออกจนหมด เขาใช้มือยันอ่างล้างหน้าแล้วจ้องผู้ชายที่อยู่ในกระจก แววตาอ่อนล้าทั้งใบหน้าที่มีร่องรอยแห่งความเจ็บปวดฉายชัดจนต้องใช้มือวักน้ำจนเสื้อท่อนบนเปียกชุ่ม

ค่อยออกจากห้องน้ำแล้วเข้าประตูด้านหลัง ขึ้นไปบนห้องนอนซึ่งถูกล็อคเอาไว้ตามเคย เขาถอนหายใจแล้วเลี่ยงไปอาบน้ำอีกห้องแทน ไม่อยากต่อปากต่อคำกับหล่อนในตอนนี้ เนื่องจากเหนื่อยเหลือเกิน ตอนที่เป็นวัยรุ่นเลือดร้อนการชกต่อยคือเรื่องที่แสดงถึงศักดิ์ศรี

แค่เพื่อนโดนก็ยกพวกไปรุมอีกฝ่าย แต่เมื่ออายุมากขึ้นก็ปล่อยวางจากเรื่องนี้ เขาสามารถใช้อำนาจในการบีบคนคนหนึ่งได้ แต่กับเรื่องของเดชธรรมนั้นมันไม่ง่าย อีกฝ่ายมีพวกพ้องเส้นสายเยอะเหมือนกันและกว่าจะพาตัวมันมากักขังไว้ได้ก็ใช้เวลาเกือบเดือน

เขาจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายแน่..

หญิงสาวมองประตูเมื่อได้ยินเสียงหมุนลูกบิด คาดว่าอีกไม่นานเขาก็คงเข้ามาแต่เวลาผ่านไปสักพักกลับไม่มีเสียงใดอีก จึงล้มตัวลงนอนเหมือนเดิมราวหมดอาลัยตายอยาก ทำไมชีวิตที่เคยเรียบง่ายต้องมาเจอกับความทุกข์เช่นนี้

ทั้งที่หล่อนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องสักนิด ภูวิศคงบ้าไปแล้วที่เหมารวมหมดอย่างนี้ พยายามหลับตาแล้วปล่อยสมองให้ว่างแต่ก็ไม่อาจทำได้ จนในที่สุดก็ผุดลุกขึ้นนั่ง มองหน้าต่างที่ใส่กรงเหล็กเอาไว้เพื่อกันการหนี

ไม่มีระเบียง เป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมโล่งๆ มีเตียงนอน ตู้เสื้อผ้า โต๊ะอ่านหนังสือ จอทีวีและโซฟานั่งเท่านั้น โทรศัพท์บ้านหรือเครื่องมือสื่อสารอื่นก็ไม่มี

“เหมือนติดเกาะชัดๆ” พึมพำเสียงเบา แบบนี้จะขอความช่วยเหลือจากใครได้บ้าง คงไม่มีใครเอะใจหรอกว่าเธอโดนจับมาเป็นตัวประกัน

ดมิสาเลือกจะเดินมานั่งยังเก้าอี้ใกล้หน้าต่าง ชันเข่าขึ้นกอดพลางมองท้องฟ้าไปเรื่อย เห็นนกบินผ่านก็นึกอิจฉา พวกมันมีอิสระต่างจากหล่อนที่ต้องอยู่ในกรงที่เขากักขังเอาไว้อย่างนี้ ออกไปไหนไม่ได้ด้วยซ้ำ

เมื่อไหร่ภูวิศจะปล่อยเธอไปสักที วันนั้นจะมาถึงไหม...

ผ่านไปหลายวันทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม นอนข้างกันบนเตียงขนาดควีนไซส์ ความสัมพันธ์ทางกายที่ไม่อาจห้ามได้เมื่อถูกชักจูงเข้าไปในป่าพิศวงโดยมีคนเชี่ยวชาญเป็นผู้นำทาง กกกอดยามเสร็จกิจจนกลายเป็นเรื่องปกติ

ร่างบางไม่ปริปากบ่นให้เขาฟัง เธอจำยอมอยู่แบบนั้นทั้งที่แววตาไร้ซึ่งความสุข เวลาที่เดินไปข้างหน้ามันเหมือนกับระเบิดที่รอให้ถึงเวลาทำงาน

ไร้ซึ่งความสุข..

“แผลคุณแห้งแล้ว” พยายามบอกร่างสูงเมื่อเขาให้หล่อนเช็ดตัวให้เช่นเดิม ทั้งที่ความจริงแผลที่สีข้างก็แห้งจนไม่ต้องทำความสะอาด อีกไม่กี่วันเขาก็สามารถเอาไหมออกได้แล้ว

“งั้นอาบน้ำให้หน่อย” ไม่ยอมห่างจากหล่อน ทั้งที่ตอนนี้เปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ไม่เข้าใจว่าทำไมยิ่งอยู่ใกล้ก็เสพติดร่างกายของเธอจนไม่อยากห่าง ถึงขนาดขนงานมาทำที่บ้านไม่เข้าไปประชุมแต่เลือกวิธีวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์

“ไม่ คุณมีมืออยู่ไม่ใช่หรือ แล้วช่วยเอามือปลาหมึกพวกนี้ออกจากตัวฉันด้วย” มือหนาโอบเอวบางให้แนบชิดในตอนเช้า ลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังเปลือยเปล่าทั้งยังจับทรวงอกนุ่มหยุ่นแล้วบีบมันอย่างสนุกสนาน ทำให้คนตัวเล็กเผลอหลุดเสียคราง

“อ่ะ” เกลียดที่ตนเองตกเป็นทาสกามารมณ์ของเขา เพียงแค่มือหนาแตะตามร่างกายมันก็ร้อนผ่าวแล้วพร้อมจะกระโจนลงในทะเลเพลิงเสียแล้ว

“ปล่อยฉัน” บอกเสียงแผ่วราวคนไม่มีแรง ยิ่งสร้างความสนุกให้แก่ร่างสูงจนกอดหล่อนแน่นมากกว่าเดิม อยากจะกลืนกินด้วยซ้ำ ไม่ต้องการให้ชายใดเห็นหรือได้เธอไปครอบครอง หากจะเรียกว่าหลงคงไม่ผิดนัก

เขาหลงร่างบางจนหัวปักหัวปำเลยล่ะ

“บอกว่าปล่อยแต่สู้มือมากเลยนะ” สะกิดยอดสีหวานจนหล่อนมวนท้องไปหมด หากเป็นแฟนกันหรือสถานะชัดเจนมากกว่านี้คงลืมอายแล้วกระโจนเข้าไปในกองเพลิงที่ชายหนุ่มเป็นคนจุด ทว่ามันเป็นเพียงการแก้แค้นเท่านั้น

เธอตระหนักเสมอว่าระหว่างภูวิศและตนเองไม่มีอะไรแน่นอน เขาจะเบื่อวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ได้ เฉดหัวทิ้งวันใดก็ไม่อาจทราบ

เพราะฉะนั้นห้ามเผลอใจเด็ดขาด แค่ยอมทอดกายให้เชยชมก็นึกอายตนเองมากพอแล้ว

กว่าจะได้ออกจากห้องร่างสูงก็จับกระต่ายน้อยกินตั้งแต่หัวจรดหางไปหลายรอบ ทำเอาหล่อนเพลียจนต้องนอนบนเตียงไม่อาจออกไปไหนได้

เขาขึ้นรถยนต์ไปประชุมที่โรงแรม วันนี้มีระดับผู้บริหารรวมตัวกันมากที่สุด เนื่องด้วยจะมีการร่วมทุนกันระหว่างโรงแรมในเครือ Witton hotel และ The area shopping group สร้างอาณาจักรโรงแรมขนาดใหญ่โดยชั้นบนจะเป็นที่พัก ส่วนด้านล่างคือห้างสรรพสินค้าให้คนมาจับจ่ายใช้สอย

ถือเป็นโปรเจคยักษ์ที่คุยกันมานานแล้ว หากจะวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ก็ดูจะเป็นการไม่ให้เกียรติอีกฝ่ายถึงได้ไปยังโรงแรมตนเองเพื่อพูดคุยให้แน่ชัด

“เฝ้าผู้หญิงไว้ให้ดี แล้วก็จับตาดูไอ้ป้องอย่าให้มันหลุดออกมาอีก ไม่งั้นฉันไม่เลี้ยงพวกนายไว้แน่” ก่อนขึ้นรถยังหันมาสั่งผู้ติดตามซึ่งน้อมรับคำเสียงแข็งขัน

รถซีดานเคลื่อนออกจากรั้วไปหลงเหลือไว้เพียงเสียงเงียบอันเปล่าเปลี่ยว ไม่มีเพื่อนบ้านสักหลังยิ่งทำให้บรรยากาศวังเวง อีกทั้งโดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้จนแทบจะเหมือนป่าทึบ ถึงจะเป็นช่วงกลางวันก็ขนลุกได้ไม่ยาก

แดดส่องเข้ามาภายในห้องนอนถูกร่างบางซึ่งนอนหลับใหลอยู่บนเตียงกว้าง หล่อนพลิกกายหลบแสงแดดทั้งยังมีอาการเมื่อยล้าตามร่างกาย คนต้นเหตุก็ไม่ใช่ใครนอกจากเจ้าของบ้านที่เอาแต่ใจเสียเหลือเกิน

รู้สึกตัวตื่นแต่ยังไม่ยอมลุกขึ้นสักที กระทั่งค่อยลืมตามองเพดานแล้วยันกายลุกนั่งบนเตียง กวาดสายตามองโดยรอบไม่เห็นเขาจึงถอนหายใจ คว้าชุดคลุมข้างเตียงมาสวมแล้วเดินเข้าห้องน้ำชำระร่างกาย

ชุดของหล่อนแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า แน่นอนว่าเป็นของที่เขาซื้อให้ใหม่ทั้งหมด มีแต่ชุดเดรสที่ไม่ค่อยชอบเพราะเดินลำบาก ต้องคอยระมัดระวัง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเข้ากับเธอจนทำให้ดูน่าทะนุถนอมมากกว่าเดิม

เขาเลือกได้ดีจริงๆ

“คุณภูไม่อยู่เหรอคะ” ลงมาข้างล่างสอดส่ายสายตาหาร่างสูงที่คุ้นเคยก็ไม่พบ เข้าไปถามผู้ติดตามคนหนึ่งซึ่งหล่อนคุ้นหน้าเป็นอย่างดี

“คุณภูไปทำงานครับ” เค้นหัวเราะออกมาเมื่อได้ยิน

เธอมาอยู่ที่นี่ได้สัปดาห์กว่าแล้วเพิ่งเห็นชายหนุ่มจะออกจากบ้านเป็นครั้งแรก ยังสงสัยอยู่เลยว่าผู้บริหารเขาไม่ทำการทำงานหรือไง เอาแต่เฝ้าหล่อนจับตามองทุกฝีก้าวอยู่ได้

และเมื่อร่างสูงไม่อยู่ เธอก็เป็นอิสระ ไม่ต้องตกอยู่ในสายตาของใครจะทำอะไรก็ได้ คิดดังนั้นจึงเดินเข้าครัวไปทำอาหาร เลือกจะทำข้าวผัดสำหรับหลายคน แบ่งให้ผู้ติดตามกินด้วยแล้วทอดไข่ดาวกรอบอร่อยวางใส่ด้านบน

ตักแบ่งใส่แต่ละจานแล้วจัดสวยงาม ยกวางบนถาดค่อยนำแจกจ่ายคนที่ยืนนิ่งเหมือนหุ่น

“ข้าวเที่ยงค่ะ ยืนอยู่แบบนี้น่าจะหิว ฉันทำอร่อยนะคะลองชิมดู” คราแรกไม่มีใครหยิบ แต่เห็นหล่อนถือนานกลัวเมื่อยจึงเข้ามาหยิบไปทีละจาน ใบหน้าหวานเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มแก้มปริ

หันไปมองคนที่ยืนใกล้เธอมากที่สุดและยังถือเป็นคนสนิทของภูวิศก็ว่าได้ในเมื่อชอบตามชายหนุ่มไปทุกที่ แต่แปลกวันนี้อยู่บ้านไม่ตามเจ้านายไปข้างนอก

“คุณใช่คนที่ตามคุณภูตลอดหรือเปล่าคะ” ถามเหมือนเรื่องทั่วไป พยายามไม่ให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังล้วงข้อมูล

“ครับ” ตอบสั้นๆ แล้วเริ่มตักอาหารรับประทาน เบิกตาเล็กน้อยเมื่อพบว่ามันอร่อย หลังจากนั้นก็ตักข้าวผัดเข้าปากไม่หยุด

“แล้วคุณชื่ออะไรคะ จะได้เรียกชื่อถูก” ยิ้มหวานให้อย่างเป็นมิตร แต่คนมองนั้นรู้สึกหน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย ดมิสาสวยเกินไปจนเขาใจสั่นเพียงแค่หญิงสาวหันมามอง ไม่แปลกเลยที่จะมัดใจภูวิศได้อยู่หมัด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel