๔ ลืมความจริง (๒)
“เสกสรรครับ” เธอพยักหน้าเข้าใจ
“ถ้าอย่างนั้นเรียกพี่เสกแล้วกันนะคะ จะได้สนิทกัน แล้วคุณชื่ออะไรคะ” หลังจากนั้นก็หันไปถามคนอื่นอีก พยายามชวนพูดคุยสร้างสัมพันธไมตรีอันดี หากจะทำอะไรในอนาคตคงง่ายขึ้น ทุกคนดูจะเริ่มผ่อนคลายทีละน้อยเมื่อเห็นว่าหญิงสาวให้เกียรติตนเอง
หล่อนเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดี ทั้งยังชวนคุยเรื่องต่างๆ ด้วยความสนุกสนาน ใบหน้าหวานแย้มยิ้มเป็นนิจจนคนมองรู้สึกเพลินตา กระทั่งกินอิ่มเธอก็เก็บจานไปล้างอย่างดี ก่อนเดินไปถืออุปกรณ์ทำแผลที่อยู่ในลิ้นชักตรงโต๊ะห้องทำงานของชายหนุ่มไปยังโกดังเก็บของ
“ขอฉันเข้าไปทำแผลให้พี่ชายได้ไหมคะ คุณจะเปิดประตูหรือเข้าไปด้วยก็ได้นะคะ” หยุดยืนด้านหน้าพลางเอ่ยด้วยเสียงน่าสงสาร ก้มหน้าลงต่ำเล็กน้อยจนคนมองเริ่มคิดหนัก
“แต่ว่าคุณภูไม่อนุญาตให้คุณเข้านะครับ”
“ก็ไม่ต้องบอกเขาสิคะ ฉันจะรีบทำแผลแล้วก็รีบออกมา นะคะ” ไม่เคยอ้อนใครเท่านี้มาก่อน หล่อนยังไม่เจอพี่ชายอีกนับตั้งแต่วันนั้น เขาไม่อนุญาตให้เข้าไปใกล้ด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด ดมิสาจึงถอนหายใจพลางทำหน้าสลดแล้วหมุนกายกลับหวังเดินเข้าบ้าน ทว่าเสียงเรียกนั้นรั้งให้หล่อนหยุดตัวเองเอาไว้
“เดี๋ยวครับ ผมให้แค่แปบเดียวนะครับ ถ้าคุณภูมาจะแย่” ร่างบางรีบหันกลับมาแล้วพยักหน้าทันที เธอเข้าไปในโกดังเหม็นอับที่ใช้ความสว่างจากแสงอาทิตย์ ยามกลางวันก็ร้อนแผดเผาจนแทบไหม้ ส่วนกลางคืนหนาวสะท้านไปถึงกระดูก
พี่ชายนั่งอยู่บนเก้าอี้ถูกล่ามเอาไว้ด้วยโซ่ทั้งเท้าและมือ ผูกติดกับเก้าอี้เพื่อไม่ให้หนีอีก เห็นแล้วก็ยกมือขึ้นปิดปากกับสภาพน่าเวทนา ใบหน้าบวมช้ำจากการถูกทำร้าย ตามตัวมีแต่รอยแผลและเลือดแห้งกรังติดอยู่
โหดร้ายจนหล่อนน้ำตาซึม
จากพี่ชายที่แสนสง่ากลับกลายเป็นยาจกเพียงข้ามคืน หล่อนเข้าไปหาเขาพลางเอ่ยเรียกเสียงแผ่วทำให้คนที่หลับคอพับเงยหน้าขึ้นมอง
“พี่ป้อง..” เดชธรรมแทบจะร้องไห้เมื่อได้เจอน้องสาวสุดที่รัก เขาอยากจะลุกขึ้นไปโอบกอดหล่อนเอาไว้ใจจะขาดแต่ไม่สามารถทำได้ อับอายที่ตนเองต้องมาอยู่ในสภาพนี้ทั้งๆ ที่เคยเป็นพี่ชายแสนหล่อเหลาของเธอมาตลอด
เพราะไอ้ภูวิศคนเดียวทำให้เขาต้องตกอยู่ในสภาพน่าอนาถเช่นนี้ หากเขาหนีไปได้สาบานเลยว่าจะกลับมาแก้แค้นมันให้ถึงชีวิต!
“มิ ช่วยพี่ด้วย” ความเจ็บจากการถูกทำร้ายร่างกายมันเหมือนกับร่างกายจะแตกหัก พวกมันทำร้ายเขาแล้วมารักษา พอจะหายก็รุมทำร้ายอีกรอบ เป็นแบบนี้ไปเรื่อยจนอยากหลุดพ้นสักที ยิ่งเห็นแววตาของศัตรูยามที่มองมาใจมันก็ร้อนแทบไหม้
คำพูดของมันที่เยาะเย้ยเขาจนอยากจะกระโจนเข้าใส่หลายครั้งยังหลอกหลอนไม่หาย
‘กูได้กับน้องมึงหลายรอบแล้ว ครางใส่หูกูไม่หยุดสงสัยจะชอบ ยิ่งตอนกระแทกเข้าไปข้างในโคตรรัดเลยว่ะ มึงยังไม่ได้เหรอ เป็นพวกมดแดงแฝงพวงมะม่วงสินะ หึ งั้นก็มองต่อไปแล้วกัน ไอ้หมามองเครื่องบิน’
เขาแค้นแทบกระอัก ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง นอกจากขู่ว่าจะฆ่ามันวันละหลายรอบ
“พี่เจ็บมากไหม” เข้ามาใกล้แต่ก็หยุดอยู่กับที่พลางย่นจมูกเมื่อได้กลิ่นปัสสาวะลอยคลุ้ง เดชธรรมอับอายเหลือเกิน เขาไม่สามารถเข้าห้องน้ำได้จึงต้องทำธุระอยู่บนเก้าอี้นี้ นั่งทับจนมันแห้งและส่งกลิ่นไปทั่วห้อง
“พี่ป้อง” สงสารพี่ชายจนน้ำตาคลอ ไม่รู้ว่ากรรมตั้งแต่ชาติใดเขาถึงได้โดนหนักขนาดนี้
“ออกไปเถอะมิ พี่มันน่ารังเกียจ” บอกเสียงแผ่วพลางหันหน้าหนีหลบความอับอาย แต่น้องสาวก็ยังเข้ามาใกล้แล้วเริ่มทำแผลให้โดยไม่พูดหรือบ่นอะไรสักคำ
กระทั่งถามถึงเรื่องสำคัญซึ่งสงสัยมาโดยตลอด “พี่ป้องทำเรื่องอย่างที่เขาว่าจริงหรือเปล่า พี่ค้ามนุษย์ ขายยา ข่มขืนแฟนเขาจริงเหรอ” เอาน้ำเกลือเช็ดแผลทำความสะอาดก่อน พยายามเบามือมากที่สุดกลัวคนตรงหน้าจะเจ็บ
“ไม่นะมิ พี่ไม่ได้ทำ พี่ไม่ได้ทำจริงๆ ไอ้ภูมันโกหก” ขึ้นเสียงดังทันทีพลางทำตาหลุกหลิก เพียงเท่านี้หล่อนก็รู้แล้วว่าพี่ชายที่ตัวเองแสนภูมิใจนั้นได้ทำเรื่องเหล่านั้นจริงๆ มือไม้เหมือนจะอ่อนแรงแต่ก็กลั้นใจทำแผลให้เขาจนเสร็จ
“มิไม่เคยรู้เลยว่าคนที่อยู่ด้วยจะกล้าทำร้ายเพศเดียวกับน้องสาวตัวเอง พี่ทำลายชีวิตคนอื่นทำไมคะ” ถามด้วยความเสียใจ ภาพที่เขาแสดงให้หล่อนเห็นมันคือภาพลวงตา และเธอก็หลงเชื่อมาหลายปีว่าพี่ชายตนเองแสนดีนักหนา
“พี่ไม่” ยังไม่หยุดปฏิเสธทว่าน้องก็ขึ้นเสียงดัง
“หยุดปฏิเสธสักที! แค่พี่พูดความจริงกับมิบ้างมันจะตายเหรอคะ” ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วพูดเสียงดัง
แค่พี่ชายโกหกเกี่ยวกับงานที่ทำก็เจ็บปวดแล้ว นี่เขายังจะปฏิเสธความผิดที่ตัวเองก่อไว้อีก เสียใจจนมองเดชธรรมเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน และสายตาของเธอก็ทำให้หัวใจที่บอบช้ำอยู่แล้วเจ็บหนักกว่าเดิมอีก ชายหนุ่มพยายามจะพูดแต่สุดท้ายก็เงียบเสียง
มันคือความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เขาทำงานพวกนั้นจริงๆ เพียงเพื่อต้องการเงินจำนวนมากเก็บไว้สร้างบ้านสำหรับตนเองและดมิสา หวังจะเผยความในใจให้หล่อนรู้หลังหญิงสาวรับปริญญา แต่ทุกอย่างมันก็ไม่เป็นไปตามหวัง
เกิดเรื่องนี้ขึ้นเสียก่อน...เพราะไอ้ภูคนเดียว!
“มิผิดหวังในตัวพี่จริงๆ” พูดจบก็เดินออกจากโกดังทันทีพร้อมประตูที่ปิดลง ความมืดมิดปกคลุมโดยรอบอีกครั้ง
“โว้ยยย!!! ไอ้ภูกูจะฆ่ามึง!!!” เคียดแค้นอย่างมากที่ทุกอย่างต้องมาพังลงเพราะศัตรู ทั้งที่เขาเคยแยกคนทั้งสองออกจากกันได้แล้วแท้ๆ
ทำให้มันเข้าใจน้องสาวของตัวเองผิด และทำให้ดมิสาคิดว่าภูวิศมีคนอื่น ทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบ สั่งวรางคนางเข้าหาฝ่ายชายทีละน้อย อยู่เคียงข้างปลอบใจจนมันตกหลุมรักผู้หญิงที่คิดว่าเป็นคนดี สุดท้ายก็แค่งูพิษ!
และเมื่อหลายเดือนก่อนผู้หญิงคนนั้นเข้ามาบอกว่าจะหยุดเรื่องทุกอย่าง อยากไปอยู่กับคนที่ตัวเองรักจริงๆ หล่อนโดนกลั้นแกล้งจากครอบครัวของเขา แฟนหนุ่มอย่างภูวิศไม่เคยรับรู้เลยเพราะเอาแต่ทำงานก่อร่างสร้างตัว เธอทนมาหลายปีจนกระทั่ง...ไปพบรักกับชายต่างชาติคนหนึ่ง ฝ่ายนั้นดูแลเอาใจใส่หล่อนทุกอย่างจนเผลอไผล เธอต้องการออกจากความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงนี้ ตัดสินใจกลับมาไทยเพื่อพาคนรักมาอยู่ด้วยกัน แต่เดชธรรมมารู้เรื่องและไม่ยอมให้มันเป็นอย่างนั้น
ในเมื่อน้องสาวตนเองยังไม่ลืมคนรักเก่า หากรู้ว่าภูวิศโสดคงไม่พ้นกลับมาคบกัน
ต้องตัดไฟแต่ต้นลม...ด้วยการปิดปากวรางคนาง และไม่คิดเลยว่าเหตุการณ์นั้นมันจะเป็นการนำพาให้คนทั้งสองมาพบกันอีก
“ผู้หญิงคนนั้นล่ะ” กลับมาถึงบ้านก็หันไปถามผู้ติดตามทันที สายตาคมสอดส่ายหน้าร่างบางที่มักเดินเล่นอยู่ภายในบ้าน ทว่าตอนนี้กลับไม่พบแม้แต่เงาทั้งที่เสียงรถยนต์ของเขาออกจะดังป่านนี้ ออกมาต้อนรับกันบ้างก็ไม่ได้
หรือไม่อย่างนั้นให้เห็นหน้าก็ยังดี
“อยู่ที่สวนครับ” เขาหันไปมองคนตอบทันทีด้วยแววตาเยือกเย็นจนน่ากลัว
“ฉันบอกให้เฝ้าไว้ให้ดีไม่ใช่เหรอ” คนรับคำสั่งขนลุกชันเมื่อเจ้านายถามเสียงเข้ม และไม่รอฟังคำตอบเขาก็รีบก้าวไปทางหลังบ้านทันที กังวลว่าหล่อนจะหายไปอีกครั้งกระทั่งได้ยินเสียงหัวเราะของหญิงสาวเพียงคนเดียวในบ้านจึงหยุดชะงัก
“ฮ่าๆ พี่อ้นลงผิดอีกแล้ว แบบนี้ต้องถูกลงโทษ” มองกลุ่มคนที่นั่งล้อมวงกว่าห้าคน เสียงพูดคุยและหัวเราะครึกครื้นจนนึกว่ากำลังสังสรรค์
คนมาใหม่กัดฟันกรอดยามเมื่อเห็นมือเล็กถูกสัมผัส ถึงจะรู้ว่ามันคือการเล่นเกม A B C D ที่ให้ตีมือเพื่อเป็นการลงโทษคนที่ทำผิดก็ตาม จากที่แวะซื้อโดนัทร้านโปรดของดมิสาหวังเห็นรอยยิ้มหวานทว่าตอนนี้มันคงไม่สำคัญอะไรแล้ว
ถึงขนาดเรียกคนอื่นว่าพี่ ทั้งที่เรียกเขาคุณอย่างนั้นคุณอย่างนี้
“ทำอะไรกัน” ไม่ได้ตะโกนดัง เพียงถามเสียงเรียบทุกคนก็พร้อมใจกันลุกขึ้นยืนตัวตรงแล้วทำสีหน้าเรียบเฉย ทั้งที่แววตาฉายความกลัวเห็นได้ชัด
ร่างบางถอนหายใจแล้วมองเขาให้รู้ว่าเบื่อมากแค่ไหนยามเห็นใบหน้าคม ค่อยลุกขึ้นยืนปัดหญ้าออกจากกระโปรงแล้วเลี่ยงไปจากสถานที่แห่งนี้หวังขึ้นห้อง
“ฉันบอกให้เฝ้าผู้หญิงคนนี้เอาไว้ไม่ใช่หรือไง ใครอนุญาตให้ทำนอกเหนือจากคำสั่ง” ดมิสาหยุดชะงักเมื่อได้ยินว่าเขากำลังเอ่ยถึงตนเอง
ชายห้าคนยืนเรียงหน้ากระดาน ลอบกลืนน้ำลายแล้วพยายามมองกันเพื่อให้ตอบคำถามที่มีเพียงความเงียบ คราแรกก็ไม่คิดจะสนทนาด้วย แต่เพราะหล่อนช่างเจรจาเสียเหลือเกิน ไหนจะใบหน้าสวยชวนมองนั่นอีก
รู้ตัวอีกทีทุกคนก็เข้าไปรุมล้อมหญิงสาวเสียแล้ว
“นอกเหนือคำสั่งตรงไหน พี่ๆ เขาก็เฝ้าฉันไม่ได้คลาดสายตาสักหน่อย” ทุกคนหันไปมองหญิงสาวเป็นตาเดียว แล้วรีบส่ายหน้าเป็นการส่งสัญญาณให้หยุดพูดทันที
ใบหน้าคมเข้มจากที่เรียบนิ่งเริ่มบึ้งตึง เขากำหมัดแน่นพยายามระงับอารมณ์เอาไว้ ค่อยมองชายใส่สูททีละคนจนผู้ติดตามลอบกลืนน้ำลาย เหงื่อออกอย่างไม่ทราบสาเหตุทั้งที่อากาศไม่ได้ร้อน ลมพัดโชยมาต้องกายแต่เหมือนว่าชะตาตนเองกำลังจะขาด
“คุณรุจ ผมต้องการทีมบอร์ดี้การ์ดใหม่ทั้งหมด พรุ่งนี้ส่งมาให้ผมด้วย อ้อ แล้วบอร์ดี้การ์ดชุดนี้ช่วยเอาไปดูแลโรงแรมที่ภาคใต้ทีนะ พวกเขาน่าจะชอบ” กดวางสายทันทีเมื่อจัดการเรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้น
ร่างสูงหันหลังกลับไปคว้าแขนเรียวให้เข้าบ้าน ส่วนคนที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานแทบทรุด ไม่คิดว่าเจ้านายจะส่งตนเองไปทำงานที่ภาคใต้เพียงเพราะพูดคุยกับดมิสาไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ
แต่ละคนมองหน้ากันก่อนจะถอนหายใจ จะจำไว้ว่าไม่ควรแม้แต่มองผู้หญิงของนายอีก
ไม่อย่างนั้นชะตาขาด!
“โอ๊ยคุณ มันเจ็บนะ” ลากมาถึงบนห้องแล้วปิดประตูลงกลอน ผลักเธอให้เข้าไปข้างในก่อนจะยืนเท้าสะเอวมองใบหน้าหวานที่งอง้ำด้วยความไม่ชอบใจที่โดนลากราวสัตว์เลี้ยง
“สนุกมากไหมเล่นกับพวกนั้น ชอบอ่อยผู้ชายนักหรือไง อยากให้พวกมันมาชอบเหรอ หน้าไม่อาย” รัวใส่ไม่ยั้งจนคนฟังอ้าปากค้าง ดมิสาเม้มปากแน่นจ้องเขาตาเป็นประกายเต็มไปด้วยความโกรธ ตัวสั่นเทิ้มที่อีกฝ่ายดูถูกตน
“ใช่! ฉันอยากให้คนชอบฉันเยอะๆ ใครก็ได้ที่ไม่ใช่คนเลวแบบคุณ” ภูวิศถลาเข้าไปบีบแขนเรียวเอาไว้จนเป็นรอยแดง เขาโกรธจนตัวสั่นหลังได้ฟังประโยคนั้นของคนตัวเล็ก วินาทีนี้แยกไม่ออกแล้วว่ามันคือความจริงหรือแค่ต้องการประชด
หล่อนก็สู้สายตาไม่มีหลบ ในเมื่อเขาร้ายมาเธอก็แรงไปเช่นเดียวกัน ไม่คิดว่าจะยอมตกเป็นเบี้ยล่างให้ชายหนุ่มเหยียบย่ำ
ทว่าหญิงสาวลืมไปว่าไม่ควรเล่นกับไฟ
ไม่เช่นนั้นไฟจะไหม้ตัวเอง...
“ถ้าอย่างนั้นก็รับคนเลวแบบฉันไปพิจารณาหน่อยแล้วกัน” ทั้งห้องตกอยู่ในสงครามเพลิงที่มีเจ้าของบ้านเป็นผู้ควบคุมเกม
และหญิงสาวเองก็ตกอยู่ในเปลวเพลิงที่หาทางออกไม่เจอสักที