๒ ทำร้ายจิตใจ (๒)
เช้าวันต่อมาดมิสาถูกพามายังหลังบ้านที่เป็นโกดังเก่า ได้กลิ่นสนิมจากเหล็กทั้งยังความชื้นจากฝนปรอยเมื่อคืน หล่อนถูกเขาดึงแขนให้ตามเข้ามาภายใน ซึ่งมีชายร่างสูงสวมชุดดำเปิดประตูให้อย่างนอบน้อม คงเป็นกลุ่มผู้ติดตามของภูวิศ แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมต้องมากมายขนาดนี้ราวทำงานด้านมือและกลัวถูกฆ่าอย่างนั้นแหละ
เข้ามาข้างในก็เห็นโต๊ะยาวและของวางไว้ระเกะระกะ มีฝุ่นและหยากไย่เกาะเต็มไปหมดจนต้องยกมือขึ้นปิดจมูก สายตามองไปทั่วห้องกระทั่งพบร่างพี่ชายที่ถูกมัดให้นั่งอยู่กับเก้าอี้ เห็นดังนั้นก็เบิกตากว้างจะเข้าไปช่วยก็โดนจับแขนไว้แน่น
“ปล่อย ฉันจะไปหาพี่ป้อง” หันมาโวยวายแต่ร่างสูงก็ไม่ยอมปล่อยเธอเป็นอิสระ เขากลับลากให้ตามมาหยุดยืนตรงหน้าคนที่ถูกจับมาเมื่อสามวันก่อน
สภาพของนายตำรวจค่อนข้างสะบักสะบอมจากการถูกซ้อม ใบหน้าเปื้อนเลือดจนแห้งกรัง แผลตามตัวทั้งยังรอยบวมช้ำอีก เห็นสภาพก็ยกมือขึ้นปิดปากทันทีไม่คิดว่าภูวิศจะโหดร้ายขนาดนี้ หล่อนถอยห่างจากเขาและพยายามสะบัดมือออก
“คุณมันไม่ใช่คน” หันไปกล่าวหาเมื่อเห็นสภาพของพี่ชายต่างสายเลือด ไม่รู้ว่าเดชธรรมทำอะไรให้เขาถึงต้องแก้แค้นกันขนาดนี้
“พี่ชายเธอมันก็ไม่ใช่คนเหมือนกัน” ตะคอกกลับจนคนที่เผลอหลับจนคอพับอ่อนค่อยลืมตาขึ้นมอง และเมื่อเห็นศัตรูก็เบิกตากว้าง ทั้งข้างกายของมันยังมีน้องสาวตนเองอีก ถึงตัวจะเจ็บแต่ก็พยายามจะลุกขึ้นไปขัดขวาง
“ไอ้ภูมึงปล่อยกู ไม่งั้นกูจะแจ้งตำรวจว่ามึงทำร้ายร่างกายและกักขังหน่วงเหนี่ยว” คนฟังแสยะยิ้มแล้วปล่อยแขนเล็กออก ก้าวเข้าไปหาคนที่ถูกมัดอยู่บนเก้าอี้พร้อมดึงผมมันจนหน้าแหงนตามแรง ไหนจะขัดขืนไม่ได้อีกเพราะร่างถูกตรึงเอาไว้
แค้นใจจนน้ำตาจะไหลแต่ก็กลั้นเอาไว้ เขาจะต้องเอาคืนแน่ไม่ยอมให้มันทำร้ายตัวเองฝ่ายเดียวหรอก ที่น่าเจ็บใจมากกว่านั้นคือหญิงสาวผู้เป็นที่รักมากับภูวิศ และจากรอยซึ่งโผล่พ้นคอเสื้อทำให้เขารู้ทันทีว่ามันทำอะไรกับดมิสา
“มึงคิดว่าทางตำรวจเขาจะทำยังไงกับพวกที่ลักลอบค้ายา ไหนจะค้าประเวณีอีก” พูดไม่ทันจบเดชธรรมก็โวยวายขึ้นมาทันที เขาไม่ต้องการให้น้องรู้ถึงเรื่องอันแสนโสมมของตนเอง แต่คงไม่ทันแล้วเมื่อหล่อนเบิกตากว้างยามได้ยิน
“ไอ้เหี้ยภู มึงหุบปาก!” ขึ้นเสียงทันทีด้วยท่าทางร้อนรน เท่านี้เขาก็รับรู้แล้วว่าความคิดของตนเองเป็นจริง คราแรกก็นึกว่ามันรักดมิสาแค่น้องสาว แต่ดูจากเหตุการณ์เมื่อสักครู่คงไม่ใช่เสียแล้ว
ไม่แปลกใจเลยที่นายตำรวจหนุ่มจะโกรธเกลียดเขานักหนาตอนรู้ว่าคบกับหญิงสาว ในเมื่อมันเป็นฝ่ายคิดไม่ซื่อ และไม่สามารถก้าวข้ามคำว่าพี่ชายได้สักทีถึงจะพยายามมากเท่าไหร่ก็ตาม
“ทำไม ไม่อยากให้น้องสาวสุดที่รักของมึงรู้เหรอว่าพี่ที่แสนดีเหี้ยแค่ไหน” เข้าไปกระซิบที่หูให้มันได้ยิน แต่เพราะห้องเงียบทำให้หญิงสาวรับรู้ไปด้วย และหล่อนก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเดชธรรมจะทำอย่างที่ร่างสูงกล่าวหา
พี่ชายของเธอทำงานอย่างขยันขันแข็งมาตลอด แทบไม่มีเวลาพักผ่อนหรือกลับมาบ้าน ช่วยเหลือแม้แต่เด็กตามข้างทาง คนแบบนี้หรือจะทำอย่างที่ภูวิศกล่าวหาได้
ไม่มีทางเด็ดขาด…
พยายามกล่อมตนเองแบบนั้นทั้งที่สีหน้าของพี่ชายต่างสายเลือดบอกหมดทุกอย่างแล้ว...
“ไม่จริงนะมิ อย่าไปเชื่อไอ้ภู” ส่งสายตาอ้อนวอนมาหาหล่อน อยากเข้าไปกุมมือแล้วอ้อนวอนแต่เพราะถูกมัดไว้จึงไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ ร้อนรนจนแทบเป็นบ้ายามเธอก้าวเท้าออกห่าง โดยไม่พูดจาอะไรสักคำ
“มิ..เชื่อพี่” ท่าทางของหญิงสาวสร้างความปวดใจแก่เดชธรรมเหลือเกิน ตรงข้ามกับเจ้าของบ้านที่แสยะยิ้มด้วยความสุข
“เธออยากรู้ไหมว่าไอ้ป้องมันทำอะไรกับแฟนฉันบ้าง” เมื่อถือไพ่เหนือกว่าก็หันไปถามทันทีโดยมีเสียงร้องของคนถูกมัดห้ามเอาไว้
“ไอ้ภูพอสักที! มึงจะรังควานกูไปถึงไหน!” ร่างสูงไม่ได้ฟังคำของคนที่พยายามโน้มน้าวให้พูดเรื่องอื่นหรือจงใจเบี่ยงประเด็น แต่เขาไม่หลงกลกลับสาวเท้าเข้าไปหาดมิสา เห็นหล่อนยืนนิ่งก็พอรู้ว่าหญิงสาวคงไม่ระแคะระคายกับเรื่องที่พี่ชายทำ
“มันข่มขืนแฟนฉันแล้วอัดคลิปแบล็คเมล์จนฆ่าตัวตายไง” ฟังจบดวงตากลมโตก็เบิกกว้างขึ้นกว่าเดิม ค่อยหันไปมองคนที่ไม่อาจขยับเขยื้อนตัวได้ แววตาเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่อาจเรียบเรียงได้ในตอนนี้
“อย่าไปฟังมัน ไอ้ภูมันโกหก พี่ไม่ได้ทำนะมิ พี่ไม่ได้ทำจริงๆ มิต้องเชื่อพี่” ร้องเสียงดังด้วยดวงตาแดงก่ำ อยากเข้าไปอธิบายหรือบางทีมันอาจจะเป็นข้อแก้ตัวซึ่งดูเหมือนว่าดมิสาจะไม่เชื่อพี่เสียแล้ว การกระทำของเขามันบ่งบอกว่าคำพูดภูวิศเป็นจริง
“ถ้าคุณอยากคุยอะไรกับพี่ป้องก็เชิญ ฉันขอตัว” หมุนตัวกลับแล้วหันหลังเดินออกจากโกดังเก่า ไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เพิ่งรับรู้ ทั้งเรื่องการค้ายา ค้าประเวณีไหนจะข่มขืนผู้หญิงอีก มันเป็นเรื่องเลวร้ายที่หล่อนนึกสาปแช่งคนพวกนั้นอยู่ทุกครั้งที่เห็นข่าว
แทบไม่เชื่อว่าคนใกล้ตัวจะเป็นคนขับเคลื่อนให้ขบวนการนี้ดำรงอยู่ เจ็บจนหายใจเกือบไม่ออก ใครจะนึกว่าคนที่เปรียบเสมือนญาติจะเป็นผู้ร้ายทำลายชีวิตคนบริสุทธิ์ เขาสร้างฉากหน้าที่เหมือนเทวดาให้หล่อนเชื่อสนิทใจ
อาจดูเหมือนตัดสินทั้งที่ไม่ได้สืบหาความจริง แต่เพราะอยู่ด้วยกันมาหลายปีทำให้รู้ว่าเดชธรรมจะมีปฏิกิริยาเช่นไรเมื่อถูกจับโกหก เขาจะขึ้นเสียงดังพร้อมหน้าตาขึงขังราวโกรธเคืองที่กล่าวหา และการกระทำเมื่อสักครู่ก็บอกเป็นอย่างดี
ว่าภูวิศพูดถูกทุกอย่าง...
“เป็นไงล่ะ คนที่มึงรักหันหลังให้มึง เสียใจไหมวะ” ลับหลังดมิสาร่างสูงของผู้บริหารโรงแรมก็เข้าไปใกล้คู่อริพลางเอ่ยถามด้วยใบหน้าเยาะเย้ยเต็มที่ คนที่ถูกมัดพยายามดิ้นให้หลุดแต่ก็ยากเหลือเกินจึงทำเพียงมองด้วยความโกรธแค้น
อยากฆ่าให้ตายเสียเดี๋ยวนี้แต่ทำไม่ได้ในเมื่อถูกพันธนาการเอาไว้อย่างแน่นหนา
“อยากฆ่ากูเหรอ ทำสิ เอาเลย กูยืนให้มึงฆ่าอยู่นี่ไง” เห็นสายตาเอาเรื่องก็เอ่ยขึ้นพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้มัน จ้องตาไม่เคลื่อนไปไหนก่อนที่เดชธรรมจะถุยน้ำลายใส่ใบหน้าคมจนเปื้อนไปกว่าครึ่ง
ร่างสูงผละห่างแล้วยืดกายขึ้น ใช้หลังมือเช็ดน้ำบ่อน้อยออกจากใบหน้า จ้องคนที่กล้าขนาดมาถ่มน้ำลายใส่นิ่ง
“มึงคิดว่ากูจะชกมึงเหรอ ไม่หรอก ร่างกายมึงมันทนเกินไป กูทำร้ายหัวใจมึงเลยดีกว่า” ถึงจะขยะแขยงแต่ก็ไม่แสดงออก และคำพูดของภูวิศก็ทำเอาคนเจ็บเบิกตากว้าง รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายหมายความอย่างไร
“อย่าทำมิ” ร่างสูงหัวเราะเสียงดังพร้อมปรบมือให้ที่ชายหนุ่มสามารถเดาได้ถูก
“เคยห้ามกูได้เหรอ ฟังนะไอ้ป้อง คืนนี้กูจะเอาน้องมึงจนฟ้าสางเลยล่ะ น้องที่มึงแอบรักมาตลอดสุดท้ายก็เป็นของกู เจ็บดีไหมล่ะ อุตส่าห์เฝ้าไว้ตั้งนานแต่ก็ไม่ได้กิน” ไม่ถนัดทำร้ายร่างกายเพราะมันรักษาหายเร็ว แต่ถ้าเรื่องทำร้ายจิตใจนั้นเข้าขั้นมืออาชีพ
รู้ดีว่าอาวุธที่ทรงพลังมากสุดคือคำพูด และเขาจะใช้มันเป็นเครื่องมือในการประหารผู้ชายตรงหน้า ขยี้มันไม่ให้เหลือแม้แต่ซากกระดูก
เดชธรรมจะได้รับรู้ว่าความเจ็บปวดเป็นเช่นไร...
ภูวิศเดินออกจากโกดังเก็บของแล้วเข้าไปภายในบ้าน มองหาคนตัวเล็กอย่างรวดเร็วลืมไปเสียสนิทว่าต้องดูหล่อนไม่ให้คลาดสายตา รีบวิ่งเข้าข้างในขึ้นชั้นสองตรงไปที่ห้องนอน เปิดประตูออกอย่างรวดเร็วก็ไม่พบใคร
“บ้าเอ๊ย” สบถเสียงดังแล้วลงมาข้างล่าง ตรงเข้าไปหาผู้ติดตามที่เฝ้าหน้าประตูบ้าน
“เห็นผู้หญิงไหม” ถามเสียงเข้มพร้อมแววตากดดันจนอีกฝ่ายเหงื่อตก รีบตอบอย่างรวดเร็วทั้งที่กลัวการถูกทำโทษ
“ไม่เห็นครับ”
“ทำไมไม่เฝ้าให้ดีวะ! ออกไปตามหาเดี๋ยวนี้” ออกคำสั่งอย่างเร่งด่วนจนคนที่เหลือพากันกระจายตัวออกตามหาหญิงสาวเพียงคนเดียว เขาผิดเองที่ไม่รอบคอบ ลืมคิดเสียสนิทว่าหล่อนจะหลบหนีออกจากที่แห่งนี้
ป่านนี้คงยังหนีไปได้ไม่ไกล และหากจะเดินไปหน้าปากซอยก็ใช้เวลานาน ขาเรียวกำลังจะก้าวไปยังโรงจอดรถแต่กลับชะงักเพราะหางตาเหลือบไปทางพุ่มไม้เตี้ยแล้วเห็นมันสั่นไหว ยกยิ้มมุมปากพลางตะโกนสั่งลูกน้องเสียงดัง
“ขับรถออกไปหาข้างนอกให้หมด เร็ว!” ทุกคนรับคำเสียงดังแล้วรีบประจำรถยนต์ ขับออกจากบ้านเพื่อหาหญิงสาวไม่พ้นแม้กระทั่งเจ้าของบ้านที่วิ่งออกจากสวนอย่างรวดเร็ว
เมื่อลับหลังร่างสูงแล้วคนที่แอบหลบอยู่ต้นไม้ก็โผล่หน้าขึ้นมาทีละนิด เห็นทางโล่งจึงแอบถอนหายใจ คราแรกก็ไม่คิดว่าจะหนีได้เนื่องจากมีคนเฝ้าเต็มไปหมด ทั้งทางประตูบ้านและรั้วใหญ่ ไหนจะรอบบ้านอีก หล่อนจึงคิดอุบายจะให้ทุกคนออกไปข้างนอกหมดเพื่อตนจะได้แอบหนีออกไปได้
เสียดายที่ไม่มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ติดต่อให้คนอื่นช่วย เงินสักบาทก็ไม่มี กระเป๋าของเธอไม่รู้ว่าอยู่ที่ใด กลัวว่าชายหนุ่มจะเอาไปทิ้งเหลือเกิน
แอบย่องออกไปทางหลังบ้านที่เป็นป่ารก หากออกทางหน้าบ้านจะเป็นจุดสังเกตเกินไปและเสี่ยงว่าคนที่เหลือจะกลับมา คงต้องแอบอยู่หลังบ้านก่อน พอตกค่ำค่อยออกไปขอความช่วยเหลือ
มือเล็กจับที่กำแพงกำลังจะกระโดดขึ้นไปแต่เอวบางก็ถูกคว้าไว้ได้ทันที ตกใจจนเผลอร้องอุทานพอหันมามองหน้าก็พบว่าเป็นภูวิศนั่นเอง
“สนุกไหมได้เล่นตำรวจจับโจร” อุ้มเธอในท่าเจ้าหญิงก่อนจะพาเดินเข้าไปภายในบ้าน หล่อนยังคงอึ้งไม่คิดว่าจะถูกจับได้ในเมื่อเห็นว่าเขาออกไปข้างนอกไม่ใช่หรือ แล้วทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้
“ฉันไม่ใช่โจร นั่นมันคุณต่างหาก” ปฏิเสธเสียงแข็งก่อนจะรีบโอบรอบลำคอหนาไว้เมื่อเขาทำท่าจะปล่อยหล่อนลงพื้น ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังเดินขึ้นบันไดด้วยถ้ากลิ้งตกลงไปต้องเจ็บแน่ ทำไมต้องอยู่ในสถานการณ์ตกเป็นรองตลอดเลยก็ไม่รู้
เขาเห็นใบหน้าหวานมู่ทู่ก็แอบอมยิ้ม ยามถูกขัดใจดมิสามักจะทำสีหน้าแบบนี้เสมอ และเขาก็ชอบแกล้งหล่อนเสียเหลือเกิน เพราะนึกชอบยามปากจิ้มลิ้มยื่นออกมาเหมือนเป็ด
ความคิดที่ย้อนไปในอดีต ทำให้ร่างสูงต้องเตือนสติตนเองอีกครั้ง ว่าไม่ได้พาหล่อนมารำลึกความหลังแต่ให้อยู่ในฐานะตัวประกันต่างหาก ต้องทำร้ายให้หญิงสาวเจ็บช้ำที่กล้าทรยศความรักที่เขามีให้
“โอ๊ย” ถึงห้องนอนเขาก็โยนร่างบางลงบนเตียงอย่างแรงจนเด้งตกเตียง ภูวิศตกใจจะเข้าไปช่วยเหลือทว่าคนตัวเล็กก็ลุกขึ้นยืนทันที ทำราวตนเองไม่เจ็บทั้งที่เมื่อสักครู่ยังร้องเสียงหลงอยู่เลย
ใบหน้าคมเรียบนิ่งไม่แสดงอาการเป็นห่วง ถึงจะเห็นว่าหญิงสาวเดินจับสะโพกตัวเองมาหยุดตรงหน้าเขาก็ตาม
“ปล่อยฉันไปสักที เอาฉันมาอยู่ที่นี่ทำไม ฉันไปทำอะไรให้คุณเหรอ” พูดกันตามตรงไม่ต้องการอ้อมค้อมอีกต่อไป ในเมื่อคนที่ทำผิดต่อเขาคือเดชธรรม และอีกฝ่ายก็ได้รับโทษไปแล้วไม่ใช่หรือ
หล่อนเกี่ยวอะไรด้วย...
“ฉันก็แค่เอาเธอมาเป็นตัวประกัน” ร่างบางเผลอหลุดเสียงหัวเราะออกมาแล้วจ้องเขานิ่ง
“ถามหน่อยเถอะ คุณได้ประโยชน์อะไรจากเรื่องนี้เหรอ ทำแล้วเงินมันจะไหลมาเทมาอย่างนั้นเหรอ หรือทำแค่เพื่อความสะใจส่วนตัวที่สุดท้ายคุณก็คงมานั่งเสียดายทีหลัง” พูดไม่ทันจบมือหนาก็คว้าแขนเล็กมาจับแล้วบีบเอาไว้แน่น
“ฉันไม่เคยนึกเสียดาย” ข่มเสียงต่ำแล้วบอกให้เธอเข้าใจเสียใหม่
“คุณไม่รู้อนาคตจะรู้ได้ไงว่าสิ่งที่ตัวเองทำตอนนี้จะไม่นึกเสียดายทีหลัง ฉันจะบอกอะไรให้นะว่าคุณกำลังทำในสิ่งที่มันไร้ประโยชน์ มันเป็นความรู้สึกนามธรรมที่ไม่สามารถจับต้องได้ด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าคนระดับผู้บริหารอย่างคุณจะมาทำอะไรไร้สมอง ทำงานหนักไปเลยอยากคลายเครียด เห็นชีวิตคนเป็นผักปลาเหรอ..อื้อ” ใบหน้าหวานถูกคว้ามาจูบอย่างรวดเร็ว
เขาไม่ต้องการได้คำดุด่าว่ากล่าวจากหล่อน ดมิสาจะไปรู้อะไรในเมื่อไม่เคยเจอความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรักด้วยซ้ำ เธอก็แค่ผู้หญิงที่ดีแต่พูดเท่านั้น
ชายหนุ่มกัดริมฝีปากล่างจนเธอรู้สึกเจ็บ พยายามทุบตีเขาก็ถูกรวบมือเอาไว้แล้วบีบเป็นการบังคับให้หยุดขัดขืน ไม่ว่าอย่างไรก็แพ้แรงผู้ชายอยู่ดี เจ็บใจเหลือเกิน
คนรักกันเขาทำร้ายกันได้ด้วยเหรอ
คงมีเหตุผลเดียวที่ภูวิศเลิกจะทำร้ายเธอ...คือเขาไม่หลงเหลือความรักที่เคยมอบให้กันแล้ว