๑ รองรับอารมณ์ (๒)
ชายหนุ่มที่กอดคอหญิงสาวเข้ามาแนบชิด ทั้งยังยิ้มให้กล้องจนแก้มแทบปริบ่งบอกว่าเขามีความสุขมากแค่ไหน เช่นเดียวกับผู้หญิงคนนั้นที่แววตาทอประกายแห่งความสดใสซึ่งตอนนี้มันเหือดแห้งไปเสียแล้ว
“ฮึก กลับมาทำไม” น้ำตาหยดลงรูปก่อนจะรีบเช็ดออกพลางยัดมันเข้าไปที่เดิมราวไม่อยากเห็น เคยจะเผาทิ้งแต่ก็ทำใจไม่ได้
การเลิกราที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว และเธอรักเขาเต็มหัวใจทั้งที่เคยบอกตัวเองให้เผื่อใจกับความเจ็บที่อาจจะเผชิญสักวัน สุดท้ายก็ทำไม่ได้ มันยากเหลือเกินที่จะเอาเขาออกจากใจได้ จนในที่สุดก็พยายามเรียนและทำงานหนักให้ไม่คิดถึงชายคนนั้น
ส่วนเขาเองก็ไปต่างประเทศกับผู้หญิงคนอื่น..
เดชธรรมที่อยู่ข้างล่างกำมือแน่นแล้วทุบลงบนโซฟาอย่างโกรธแค้น เขาเคยแยกคนทั้งสองออกจากกันได้แล้วแท้ๆ ทำไมโชคชะตาถึงได้นำพาให้กลับมาพบอีก เวลาห้าปีที่ต้องทนมองดมิสายังคิดถึงภูวิศไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิด
ต้องสวมบทพี่ชายแสนดีทั้งที่ความจริงหวังเคลมน้องสาวต่างสายเลือดของตนเอง เขาหลงรักหล่อนตั้งแต่วันแรกที่อีกฝ่ายเข้ามาในบ้าน บิดาแต่งงานใหม่กับแม่หม้ายลูกติด ตอนที่รู้ไม่ชอบใจเป็นอย่างยิ่ง อาละวาดบ้านแทบแตกทว่าพอเจอหน้าน้องสาวก็กลายเป็นตกหลุมรักจนยากจะถอน
ต้องการครอบครองหล่อนเอาไว้เพียงผู้เดียว มันเป็นอย่างนั้นมาตลอดกระทั่งช่วงที่ดมิสาเข้ามหาวิทยาลัยแล้วเจอรุ่นพี่สุดหล่อ
หญิงสาวมีแฟนครั้งแรก และผู้ชายคนนั้นยังเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเขาเสียอีก อย่างนี้ใครจะไปยอม ในเมื่อเป็นมดแดงแฝงพวงมะม่วงอยู่นานจะให้คนที่เกลียดมาแย่งไปก็คงไม่ได้ ตัดสินใจดำเนินแผนการขั้นเด็ดขาดเพื่อแยกคนทั้งสองออกจากกัน
โดยที่ตนเองก็ยังเป็นพี่ชายแสนดีในสายตาดมิสาเช่นเดิม
ผ่านไปเกือบเดือนที่ทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติ หญิงสาวลืมเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วไปทำงานเช่นเดิม ลบเลือนชายคนนั้นออกจากหัวใจถึงรู้ว่าทำได้ยาก เพราะตลอดห้าปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยทำมันได้เลยสักครั้งก็ตาม
เข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้าภายในห้องพักพนักงานของโรงแรมเตรียมตัวกลับบ้าน ทางโรงแรมจะแบ่งเวลาการทำงานชัดเจน มีกะเช้า บ่ายและดึก ซึ่งหล่อนเข้ากะเช้าและเมื่อถึงเวลากลับบ้านก็เข้ามาเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับไปเป็นเสื้อยืดและกางเกงยีนส์เช่นเดิม รวบผมขึ้นเป็นมวยไม่ให้เกะกะค่อยสะพายกระเป๋าออกทางด้านหลัง
ไม่ค่อยชอบออกด้านหน้าเพราะไม่ต้องการเจอแขก หล่อนโดนจีบหลายครั้งจนต้องหาแหวนมาสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายจึงเริ่มซาลงบ้าง หากใครถามก็แค่ตอบว่าแต่งงานแล้วหมดปัญหาการตามตื้อที่น่ารำคาญ
เดินอ้อมผ่านที่จอดรถลูกค้าหวังจะไปขึ้นรถไฟฟ้าแล้วต่อวินมอเตอร์ไซค์เข้าไปในซอยบ้านตนเองเหมือนทุกวัน ทว่าวันนี้กลับแปลกเมื่อมีรถยนต์มาจอดขวางหน้าเอาไว้ เริ่มรู้สึกถึงลางร้าย หล่อนมองซ้ายขวาพยายามหาทางออกจากสถานการณ์ไม่น่าไว้ใจ
หมุนตัวหวังจะกลับเข้าไปในโรงแรมอีกครั้งก็ชนเข้ากับแผงอกหนาเสียก่อน เงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะตกตะลึงด้วยความคาดไม่ถึง
ภูวิศ...
“สวัสดี ไม่ได้เจอกันนานคงสบายดีสินะ ขอโทษที่ต้องรุนแรงกับเธอแล้วกัน” ว่าจบก็จับหล่อนหันหลังให้ตนเองก่อนนำยาสลบมาปิดจมูกและปาก ไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวได้พูดคุยหรือต่อรองเลยสักนิดเดียว
ดวงตาคมหันไปมองลูกน้องที่จ้างมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะก่อนสั่งเสียงเข้ม “เอาภาพกล้องวงจรปิดมาให้ได้” ทางด้านหลังมีกล้องวงจรปิดถึงจะพยายามหลบแต่คิดว่าคงมีกล้องถ่ายติดตนเอง ส่วนคนที่ผ่านไปมาคงไม่มีเนื่องจากนำป้ายห้ามเข้ากันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ทุกอย่างสมบูรณ์แบบจนเขายกยิ้ม เห็นหล่อนแน่นิ่งไปแล้วจึงอุ้มร่างบางเข้าไปภายในรถซีดานคันหรู ไม่นานก็เคลื่อนตัวด้วยความเร็วไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้ใครได้ตามหา พร้อมทั้งมีจดหมายลาออกของดมิสายื่นแก่หัวหน้าสายงานโดยตรง
หล่อนกำลังเข้าสู่กรงขังของเขา กรงเหล็กที่แข็งแรงไม่มีแม้แต่ประตูจะให้นกตัวนี้บินหนีไปได้ถ้าเจ้าของไม่อนุญาต!
ระหว่างการเดินทางดวงตาคมไม่เคลื่อนจากใบหน้าหวานเลยสักครั้ง ความคิดถึงมันท้วมท้นในใจจนไม่อาจบรรยายออกมาได้ หลายครั้งที่อยากตามสืบเรื่องของหล่อนแต่เมื่อคิดได้ว่ามีหญิงอีกคนเคียงกายก็ตัดใจ
กระทั่งวันนี้มาถึง ได้กลับมาพบหน้าอีกครั้งในสถานะน้องสาวของศัตรูเหมือนเดิม แต่ที่มากกว่านั้นคือความแค้นในใจของเขาที่อยากทำลายพี่ชายหล่อน ให้มันเจ็บช้ำมากที่สุดและยังได้ทำร้ายจิตใจของดมิสาที่เคยนอกใจไปหาชายคนอื่น
ยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว...คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม
รถซีดานเลี้ยวเข้าสู่ซอยที่ร้างผู้คน มีเพียงต้นไม้และป่าหญ้าขึ้นตามรายทาง เสาไฟฟ้าอยู่ห่างกันสร้างความสว่างเพียงพอมองเห็นเท่านั้น เข้ามาประมาณเจ็ดร้อยเมตรก็ถึงรั้วสูงใหญ่ที่เปิดด้วยรีโมท เผยให้เห็นบ้านสองชั้นขนาดกลาง
มีต้นไม้ปลูกเต็มบริเวณบ้านทั้งดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอม ไฟรอบรั้วเปิดขึ้นอัตโนมัติทำให้สว่างกว่าเมื่อครู่ ร่างสูงอุ้มคนที่นอนหลับออกมาจากรถ ค่อยก้าวเข้าไปข้างในโดยมีผู้ติดตามเปิดประตูอำนวยความสะดวก
ก้าวขึ้นไปชั้นสองเลือกห้องนอนใหญ่เป็นดั่งกรงขังแก่ร่างบาง วางหล่อนลงบนเตียงกว้างแล้วเดินไปล็อคประตูค่อยก้าวเข้าไปห้องน้ำชำระร่างกาย
สายน้ำไหลกระทบร่างหนาที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัว รูปร่างแสนงดงามที่มาจากการดูแลตนเองเป็นอย่างดี ทั้งควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จนหญิงสาวหลายคนต่างมองเขาเหลียวหลังยามออกงานสังคม
ปิดน้ำเมื่ออาบเสร็จเรียบร้อย หยิบผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างค่อยเดินหยิบผ้าผืนเล็กเช็ดผมก่อนเดินออกมาข้างนอก เห็นคนตัวเล็กนอนหลับที่เดิมก็เลือกจะนำชุดสำหรับอยู่บ้านมาใส่ แต่เพียงแค่หันหลังคนที่เพิ่งตื่นก็ค่อยลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบ
หล่อนได้สติตอนที่ประตูห้องน้ำถูกเปิดออกจึงแสร้งหลับเหมือนเดิม เมื่อสบโอกาสที่ชายหนุ่มหันหลังให้จึงลุกขึ้นหวังออกไปข้างนอกแล้วหาทางหนี แต่เสียงทุ้มก็ดังขึ้นทั้งที่ยังคงหันหลังแล้วใส่เสื้อ ราวรู้อยู่ก่อนหน้าว่าเธอไม่ได้หลับใหล
“ตื่นแล้วก็น่าจะทักทายกันก่อนสิ จะไปทั้งที่ยังไม่ได้พูดอะไรสักคำหรือไง” ร่างบางนิ่งค้างอยู่กับที่ หล่อนไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองคนตัวสูงที่ตอนนี้กำลังสวมกางเกงแล้วปลดผ้าเช็ดตัวใส่ไว้ในตะกร้าสำหรับซัก
เสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้จนหล่อนสูดลมหายใจเข้าปอดเรียกกำลังใจตัวเอง วิ่งสุดชีวิตไปที่ประตูหวังเปิดออกแต่เอวเล็กก็ถูกคว้าไว้เสียก่อน พร้อมทั้งยังถูกโยนลงบนเตียงเหมือนตุ๊กตาตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่นานอีกฝ่ายก็ตรงเข้ามาทาบทับ
“ปล่อยฉัน!” พูดออกมาเสียงเข้มเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าคมทันที
“ไม่เจอกันห้าปี ทักทายได้ไร้มารยาทจริงๆ” สองสายตาสบกันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งโดยไม่คาดคิดมาก่อน
หัวใจดวงน้อยเต้นดังจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน จึงพยายามดิ้นให้หลุดจากการจับกุมครั้งนี้ แต่มือสองข้างก็ถูกเขาตรึงไว้เหนือศีรษะ ขาเรียวงามถูกชายหนุ่มบีบเอาไว้ด้วยลำแข้งของเขาที่แรงมากกว่าหลายเท่า เกลียดการเป็นรองเหลือเกินจนอยากจะก่นด่าสักที
“คนที่ไร้มารยาทคือคุณ การจับคนอื่นมาโดยที่เขาไม่ยินยอมมันผิดกฎหมายไม่รู้หรือไง ฉันสามารถแจ้งความจับคุณได้” ยังพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงก็หัวเราะขึ้นมาราวมันเป็นเรื่องตลกขบขันนักหนา
“แจ้งเลยถ้าเธอคิดว่าตัวเองจะรอดออกจากบ้านหลังนี้ได้” ดวงตากลมเบิกกว้างขึ้น
“นี่คุณ..” เจ้าของบ้านแสยะยิ้มมุมปากเหมือนปีศาจชั่วร้ายที่เห็นในภาพยนตร์จากต่างแดน และมันน่ากลัวจนหล่อนไม่กล้าจะมองด้วยซ้ำ
“อยากเห็นพี่ชายเธอไหม มันถูกจับมาก่อนเธอสองวันแต่สภาพสะบักสะบอมพอควรเลยล่ะ” ดมิสาส่ายหน้าจนผมกระจายทั่วเตียงกว้าง
“ไม่จริง” พี่ชายบอกจะไปทำงานต่างจังหวัดคงไม่ได้กลับบ้านสี่ห้าวัน แล้วทำไมภูวิศถึงพูดแบบนั้น มันคือคำลวงของเขาให้หล่อนไขว้เขวหรือเปล่า
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปดูให้เห็นกับตาเอง ว่าไอ้พี่ชายคนดีของเธอมันอยู่ในสภาพไหน” กำลังจะผละออกจากร่างเล็กแต่แล้วเธอก็ทำในสิ่งที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน และมันเหยียบย้ำศักดิ์ศรีของชายคนนี้เหลือเกิน
ถุย
“ไอ้ชั่ว” หล่อนถุยน้ำลายใส่ใบหน้าคมอย่างอาจหาญ ความเจ็บในหัวใจมันสั่งให้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน ไม่นึกว่าคนที่ตนเองรักจะกล้าจับตัวมาทั้งยังถูกขังไว้ไร้ซึ่งอิสระ ไม่ต่างจากอยู่ในคุกเลยสักนิด
ภูวิศโกรธจนตัวสั่นค่อยปาดน้ำออกจากใบหน้า เค้นเสียงหัวเราะออกมาเสียงเบาก่อนจะก้มลงไปปิดริมฝีปากบางอย่างดุดันเป็นการทำโทษ หญิงสาวไม่ยอมดิ้นหนีทั้งหันหน้าไปอีกทางเพื่อหลบเลี่ยงสัมผัสที่มีเพียงความกักขฬะ
ไม่อ่อนโยนอ่อนหวานเหมือนครั้งนั้น แต่เขาทำราวต้องการจะลงทัณฑ์หล่อน ชายหนุ่มใช้มือข้างเดียวจับข้อมือของคนใต้ร่างเอาไว้ก่อนจะจับใบหน้าหวานล็อคไม่ให้หันหนีไปได้ เลือกจะไม่ใช้ลิ้นเพราะรู้ดีว่าต้องถูกกัด
เขาจู่โจมปากจิ้มลิ้มทั้งดูดกลืนและกัดจนมันบวมเป่งทั้งยังมีเลือดซึมจนได้กลิ่นคาว หล่อนหมดหนทางสู้จากที่ดิ้นก็เริ่มนิ่ง ปล่อยน้ำตาให้ไหลอย่างอดสูใจไม่คิดว่าคนที่ตนเฝ้าคิดถึงจะกล้าทำถึงขนาดนี้
และเหมือนอีกฝ่ายจะรับรู้จึงได้ผละออกมามองใบหน้าหวานที่คลอด้วยน้ำสีใส แววตากลมโตมีความผิดหวังอยู่ในนั้นจนเขาเริ่มทำตัวไม่ถูก
“พอใจแล้วใช่ไหม ถ้าพอใจก็ออกไปด้วย ฉันไม่อยากเห็นหน้าคนชั่วอย่างคุณ” จ้องตาไม่มีหลบจนภูวิศตอบกลับเสียงเข้ม
“เธอคิดว่าแค่นี้จะพอหรือไง ถ้าอยากให้ฉันออกไป ยอมแลกร่างกายของเธอหรือเปล่าล่ะ” ถามวัดใจเพราะรู้ดีกว่าคนอย่างดมิสาหวงตัวมากแค่ไหน
การคบกันเพียงห้าเดือนกว่าจะได้จับมือก็สองเดือนเข้าให้แล้ว หอมแก้มทีก็โดนตีจนระบมไปหมด ส่วนสัมพันธ์ทางร่างกายที่เกิดขึ้นนั้นก็เป็นวันที่ฟ้าฝนเป็นใจเสียเหลือเกิน ต้องขอบคุณบรรยากาศที่ทำให้ร่างบางโอนอ่อนผ่อนตามจนเขาได้ครอบครองหล่อนเป็นคนแรก
หล่อนเม้มปากแน่นรับรู้ถึงกลิ่นคาวเลือด จ้องเขานิ่งก่อนเอ่ยในสิ่งที่คนฟังก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน
“ถ้าการมีความสัมพันธ์ทางกายแล้วทำให้คุณปล่อยฉันไปได้ ฉันก็ยอม”
ประโยคนั้นทำให้ชายหนุ่มกลัวจับหัวใจ นั่นมันหมายความว่าเขาจะไม่มีทางได้ความรักจากหล่อนอีกเลยใช่ไหม
แต่ใครสนกันล่ะ ในเมื่อสิ่งที่ต้องการตอนนี้คือแก้แค้นเท่านั้น
...ทำให้เดชธรรมเจ็บปวดมากที่สุดก็พอแล้ว