4.จับผิดคุณชาย
เมืองกวางอันแห่งนี้ เรียกได้ว่ามีตระกูลพ่อค้าที่ขับเคี่ยวกันอยู่สองสกุล คือบิดาของนาง และคนของสกุลเหอ ซึ่งจะว่าไปก็ล้วนกอบโกยผลประโยชน์จากธุรกิจในมือของตน ดังนั้นจึงผลัดเปลี่ยนการเป็นที่หนึ่งในการสร้างผลกำไรเรื่อยมา กระนั้นถึงจะไม่กินเส้นกัน แต่ไม่ได้มีเรื่องใดร้ายแรงให้ต้องทะเลาะเบาะแว้ง เพราะศัตรูการค้าที่แท้จริงคือเหล่าขุนนางกังฉิน ซึ่งคิดหาทางเอารัดเอาเปรียบประชาชนและพ่อค้า
“ทำไม ข้าจะไปที่นั่นไม่ได้ ในเมื่อคนของข้า กินนอนอยู่ที่จวนรับรองรองท่านเจ้าเมือง”
หงอิงได้ยินแล้วจึงประหลาดใจ แต่นางมิอาจคัดค้านสิ่งใดได้ ทุกอย่างคงขึ้นอยู่กับโม่เยี่ยเยี่ย
“ถึงอย่างนั้น คุณหนูก็ควรแจ้งท่านเจ้าบ้านโม่นะเจ้าคะ”
โม่เยี่ยเยี่ย ส่ายหน้าระอาคนขี้ขลาด
“เจ้าก็อย่าเรื่องมาก ท่านพ่อวุ่นวายงานแต่งข้าก็เหนื่อยพอแล้ว เรื่องนี้ข้าจัดการเอง อยากเห็นนักว่าตอนนี้ชายโฉด หญิงชั่วกำลังทำสิ่งใดให้เสื่อมเสียมาถึงข้าหรือไม่” โม่เยี่ยเยี่ยกัดฟันกรอดๆ นางอย่างเห็นด้วยสองตาคู่งามนี้นักว่า จางอี้หลงเกลือกกลั้วอยู่กับไป๋จื๋อชิงหรือไม่!
“คุณหนูกล่าวราวกับว่า จะไปจับผิดคุณชายอี้หลง”
“อืม ใช่แล้วทำไม ข้าอยากไปเห็นด้วยตนเอง หากข้าจับอี้หลงได้ในขณะที่เขาคบชู้ กฏหมายบ้านเมืองนี้ จะเอาผิดเขาได้หรือไม่ ข้าจะให้เขากลับเมืองหลวง พร้อมข้อหาคบชู้ สิ่งนี้จะทำให้เขาไม่อาจก้าวเข้าสกุลโม่และดื่มเหล้ามงคลกับข้า”
ความคิดของโม่เยี่ยเยี่ยตื้นเขินก็จริง แต่หงอิงหรือจะทัดทานได้
“เช่นนั้นคุณหนูหมายความว่า เราจะแอบไปที่จวนรับรอง”
โม่เยี่ยเยี่ยยิ้มพราย และตอบหงอิงพอให้ได้ยินกันสองคน “นับว่า สกุลโม่เลี้ยงเจ้าไม่เปลืองข้าวสุกจริงๆ หงอิง”
โม่เยี่ยเยี่ยถึงจะสวมชุดดำรัดกุม แต่นางมิวายใช้ผ้าปิดหน้าเป็นสีเขียวเข้ม ด้วยเป็นคนรักสวยรักงาม ผมของนางยังปักด้วยปิ่นหยกซึ่งประดับด้วยพลอยสีเขียว นางลัดเลาะไปตามทางสายเล็กๆ ที่หนทางคดเคี้ยว กระทั่งไปถึงประตูทางหมารอดของจวนลับรองหลังดังกล่าว ที่อยู่ทางทิศตะวันออก
“คุณหนู ถ้าหากเราถูกจับได้...” หงอิงเอ่ยได้เท่านั้น คนเป็นเจ้านายจึงตีที่แขนนางไปหนึ่งทีแรงๆ
“หากเจ้าไม่ปากมากและขลาดกลัวเช่นนี้ ใครจะเห็นเรา เลิกทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมเสียที” โม่เยี่ยเยี่ยเอ่ยจบ จึงมุดเข้าทางหมารอด และไปโผล่ในสวนด้านหลังของจวนหลังดังกล่าว
หงอิงตามหลังคนเป็นนายติดๆ ใจนางหล่นไปอยู่ตาตุ่มฃ มือเท้าก็เย็นเฉียบราวกับยืนอยู่กลางหิมะด้วยเนื้อตัวเปลือยเปล่า
“เจ้าดูต้นทางให้ข้า มีสิ่งใดน่าสงสัยจงส่งสัญญาณ ด้วยการร้องเสียงเหมียวๆ”
หงอิงพยักหน้าเข้าใจ แต่อดขวัญเสียไม่ได้ การลักลอบเข้าจวนของขุนนางมีโทษอยู่ไม่น้อย หากเจ้าบ้านโม่รู้ว่านางปล่อยให้คุณหนูกระทำเรื่องเหลวไหล หงอิงก็มิอาจล่วงรู้ได้ว่าตนจะรอดพ้นจากการถูกโบยจนเนื้อแตกหรือไม่
เมื่อโม่เยี่ยเยี่ยก้าวไปไม่ได้ถึงประตูของเรือนหลังงาม เสียงร้องเหมียวก็ดังขึ้น
“มะ ไม่ใช่บ่าวคุณหนู” หงอิงชี้มือไปยังแมวสีขาวปลอดประเปรียวตัวหนึ่ง
“เยี่ยงนั้น หากเกิดสิ่งใด เจ้าจงร้องเสียงหมาน้อยแทนก็แล้วกัน!”
หงอิงพยักหน้าหงึกหงักรับคนเป็นนายอย่างงงๆ และมิวายที่จะห่วงแสนง่วง คุณหนูที่แสนดื้อรั้นคนนี้
ดวงตาดอกท้อกวาดมองไปรอบๆ ตัว กระทั่งไปถึงห้องหนึ่งที่มีเสียงแห่งความสุขรอดออกมาถึงด้านนอก เสียงดังกล่าวฟังคล้ายการครวญครางสอดรับกันของชายหญิง เดี๋ยวทุ้มห้าว เดี๋ยวขู่คำราม
นอกจากเสียงของบุรุษหน้าด้านและสตรีไร้ยางอาย โม่เยี่ยเยี่ยต้องหูร้อน ตาพร่ามัวไปชั่วขณะ เมื่อนางได้ยินเสียงน่ารังเกียจนั้น
“เนื้อแนบเนื้อ กายผสานกายเยี่ยงนั่นรึ สัปดนโดยแท้ จะ เจ้าลูกเต่าอี้หลง” โม่เยี่ยเยี่ย นึกถึงเมื่อครั้งที่ตนไปยังเมืองหลวง เพื่อหวังจะได้พบหน้าจางอี้หลง แต่เขากลับบ่ายเบี่ยงอ้างว่าติดธุระ กระทั่งการนัดพบของนางกับเขาต้องล้มเลิก และคนที่เสียหน้าย่อมเป็นโม่เยี่ยเยี่ย
“เจ้าเสพสมกับสตรีอื่น ทั้งที่ควรเตรียมตัวเข้าหอกับข้า เช่นนี้สมควรถูกลากตัวไปศาล และประจานให้คนทั้งใต้หล้าล่วงรู้” นางเอ่ยด้วยใจที่เดือด และมือไม้สั่นอย่างแรง
โม่เยี่ยเยี่ยก้าวไปอีกนิด พยายามตั้งสติไม่ให้เตลิดไปไกล ทว่าเสียงออดอ้อนที่ดังออกมาจากห้องนั้นทำให้นางประสาทเสีย ระคนตื่นเต้นจัด
มือเรียวสวยจับบานประตูที่เปิดแง้มเอาไว้มั่น
“เจ้าช่างเป็นบุรุษที่เปิดเผยนัก!” นางเอ่ยจบก็มองผ่านเข้าช่องของประตู และเห็นว่าเบื้องหน้ามีร่างของบุรุษโถมทับอีกร่างบนตั่งไม้ขนาดใหญ่
ดวงตาคู่สวยเบิกค้าง คราแรกตั้งใจพุ่งเข้าไปลากตัวชายโฉดหญิงชั่วออกไปประจาน แต่กลับกลายเป็นว่าสองขานางถูกตอกยึดไว้ที่พื้น หัวใจเต้นรุนแรงประหนึ่งจะกระโจนออกมาอยู่นอกอก
แผ่นหลังของบุรุษผู้นั้นกว้าง เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ สะโพกสอบไหวรัวเร็ว บั้นท้ายเขาหนั่นแน่น ยามที่ออกแรงเกร็งก็เป็นหลุมลึกชวนให้ท้องไส้ปั่นป่วน
เรือนกายของบุรุษงดงามได้ถึงเพียงนี้ และที่สำคัญจางอี้หลง ไม่ได้ขาวซีด ชวนให้น่าหวั่นกลัว เขากลับมีเลือดเนื้อชวนให้หลงใหล
ผิวชายหนุ่มเป็นสองสี กลิ่นกายบุรุษก็แผ่ซ่านมามาให้นางได้สูดดม!
โม่เยี่ยเยี่ยถูกภาพดังกล่าวดึงเข้าสู่ภวังค์เร้นลับ กายสาวสั่นระริก เหงื่อเริ่มผุดขึ้นที่หน้าผากนาง ส่วนพื้นที่เบื้องล่างก็ร้อนวูบวาบไปหมด มันร้อนอยู่ประเดี๋ยว นางก็รับรู้ได้ถึงความฉ่ำชื้นที่เกาะพราวอยู่ในเนื้อนิ่มด้านใน
“ละ เลว... ลูกเต้า อี้หลง จะ เจ้า...”
นางกลายเป็นคนติดอ่าง พร้อมกันนั้นก็ไม่อาจหยุดมองการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มที่กระแทกแท่งหยกเข้าสู่เรือนกายหญิงสาวที่หวีดร้องครวญครางได้