บทย่อ
“ถ้าอยากนอนอยู่เช่นนั้น ก็ตามใจ” นางว่าแล้วจึงหมุนตัวไปอีกทาง แต่สองขาเรียวสวยไม่ทันได้เยื้องย่างไปไกลกว่าปลายเตียงที่ร่างของจางอี้หลงนอนแผ่หลาอยู่ กลิ่นหอมของธูปราคะพลันลอยเข้ามาในห้องหอ! “ใครมันบังอาจ ทำเรื่องต่ำทราม เยี่ยงนี้!” โม่เยี่ยเยี่ยหวีดร้องเสียงดัง ก่อนเซแซดๆ เสียหลักลงไปนอนแปะบนเตียงข้างบุรุษคนตัวโต เป็นยามนั้นที่นางตกอยู่ในภวังค์แสนประหลาด ดวงตาดอกท้อเบิกค้างอย่างตกใจ ใบหน้าหวานจัดผะผ่าวร้อน และลำคอแห้งผากราวกับยามนี้อยู่กลางทะเลทราย สิ่งที่ประจักษ์ต่อสายตาโม่เยี่ยเยี่ยคือเป้ากางเกงชายหนุ่มที่พองขยายเตะตา หัวใจสาวน้อยไหวระส่ำ ตัวเดียวอันเดียวของจางอี้หลงกำลังเคลื่อนไหวเย้าหยอกนาง! ฮึ ใครหน้าไหน ช่างกล้าสร้างเรื่องหลอกลวงว่าจางอี้หลงไร้สมรรถภาพทางเพศ ด้วยเขาถูกวางยาพิษตั้งแต่เป็นเด็ก เรื่องเหล่านั้นช่างเหลวไหลสิ้นดี เพราะโสมเหี่ยวๆ ของเขา บัดนี้กลายมะโรงยักษ์ที่ชูคอแผ่แม่เบี้ย และเริ่มขู่นางเสียงดัง ฟ่อๆ ๆ
1.บทนำ
1
จดหมายรักจางอี้หลง
เมืองหลวง แคว้นฉางซี
ณ เรือนรับรองของคฤหาสน์สกุลโม่ในเมืองหลวง ซึ่งเป็นของโม่อินหลี ชายวัยยี่สิบเศษ เขารับใช้ที่กรมปกครองตำแหน่งรองผู้บัญชาการหอตรวจคนเข้าเมือง อีกทั้งมีความรู้ความสามารถมากมาย อดีตเคยสอบได้เป็นจอหงวน ทว่าเขาก็เถรตรงเกินไปจึงต้องมาทำงานที่นี่
โม่อินหลีนอกจากรักความถูกต้อง ยังเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปด้วยจิตใจดี ชอบทำบุญแก่ผู้ยากไร้ และตั้งโต๊ะแจกจ่ายอาหารที่โรงเจเป็นประจำ ทว่าตอนนี้เขาต้องปวดหัว เมื่อน้องสาวคนเล็กโม่เยี่ยเยี่ยสตรีเลอโฉมวัยสิบสี่ปี ผู้มีความงามราวกับบุปผาสวรรค์ เดินทางมาจากบ้านเกิดเมืองกวางอัน โดยมีจุดมุ่งหมายคือ อยากพบหน้าว่าที่สามี ทั้งที่นางออกปากกับทุกคนว่า ชาตินี้จะไม่ยอมเป็นฮูหยินใคร โดยเฉพาะหากชายคนนั้นคือจางอี้หลง!
“น้องเล็ก เจ้ามั่นใจที่จะทำเช่นนี้หรือ!”
“ย่อมเป็นเช่นนั้น ในเมื่อคุณชายน้ำแข็ง กำลังทำเรื่องไม่ดีลับหลังข้า” โม่เยี่ยเยี่ยว่าแล้วก็ส่งความโมโหฝากสายลมไปถึงจางอี้หลง แน่นอนเขาคงไม่รับรู้สิ่งใดจากนาง
“เจ้าคิดมากไป อี้หลงกว้างขวางในเมืองหลวง และยังทำสิ่งใดเปิดเผยตลอด หากล่วงเกินเขา ย่อมเท่ากับไม่ให้เกียรติสกุลจาง” สิ่งที่โม่อินหลีกล่าวย่อมไม่เกินจริง จางอี้หลงเป็นบุคคลใกล้ชิดรัชทายาทเจี้ยนหยาง มีความรู้ความสามารถมาก แม้แต่โม่อินหลียังนับถือ
ดวงตากลมโตของโม่เยี่ยเยี่ยเบิกกว้างกว่าเดิม นางมองพี่ชาย และหัวเราะเสียงคิกคัก “สกุลจางมีสิ่งใดที่ข้าต้องยกย่อง ในเมื่อตอนนี้แม้แต่ป้ายของสกุลก็ถูกปลดลงไปทำฟืนอุ่นน้ำแกง ที่สำคัญอี้หลง ยังต้องแต่งเข้าสกุลโม่ เพื่อเป็นทาสรับใช้ให้ข้าโขกสับ!”
โม่อินหลีได้ยินน้องสาวกล่าวเสียงดังอย่างไม่ไว้หน้าผู้ใด ก็พลอยให้เขาอยากเอาเท้าก่ายหน้าผาก “น้องเล็ก สิ่งที่เจ้ากล่าวมันเป็นเรื่องจริง กระนั้นการแต่งงานครั้งนี้คือความต้องการของฮ่องเต้กับรัชทายาท ถึงไม่ใช่สมรสพระราชทาน แต่มันต่างกันตรงไหน ในเมื่ออี้หลง อย่างไรก็เป็นถึงองค์ชายผู้หนึ่ง บิดาเขาคือพระปิตุลาของฮ่องเต้เชียวนะ”
“ใช่ จางอี้หลงคือองค์ชายน้ำแข็ง ที่ข้าไม่คิดอยากจะเข้าใกล้ ถ้าหากมีทางล้มเลิกการแต่งงานครั้งนี้ได้ ข้าจะทำให้สำเร็จ ใครจะอยากเป็นฮูหยินของคุณชายน้ำแข็ง ขี้โรค!”
“เหลวไหล คำพูดนี้อย่าให้ผู้ใดได้ยินเชียว มิเช่นนั้นทั้งเจ้า และสกุลโม่ต้องเดือดร้อน”
โม่เยี่ยเยี่ยหาได้ใส่ใจสิ่งที่พี่ชายคนรองเตือน ยามนี้ในหัวของนางล้วนมีแต่แผนที่จะล้มเลิกการแต่งงานครั้งนี้ให้จงได้!
ยามบ่ายของวันเดียวกัน
คิดถึงยอดยาใจของพี่ชาย
เช้า สาย บ่าย เย็น อยากพบหน้า
ทุกทิวา ราตรี โหยหาเพียงแก้วตา
ชีวิตนี้ขอเคียงคู่ยอดสิเน่หา จนกว่าชีวาจะวางวาย
โม่เยี่ยเยี่ย ขยำกระดาษในมือจนยับยู่ยี่ มันคือจดหมายเกี้ยวรักของชายหนุ่มเขียนถึงหญิงสาว จดหมายฉบับนี้เสมือนหนามแหลมคมทิ่มอยู่ในอกนาง อีกฝ่ายคือบุรุษที่บิดาอยากให้นางเป็นฮูหยินใหญ่ของเขา แต่ชายใจโฉด แสนอมหิตกลับลอบเขียนกลอนหวานซึ้งส่งไปให้หญิงในดวงใจ ทว่าสุดท้ายจดหมายฉบับนี้กลับผิดซอง ตกมาถึงมือนาง ราวกลับสวรรค์เป็นใจให้นางรู้เท่านั้นบุรุษสกุลจาง
“คุณหนู เรื่องนี้อาจเป็นการเข้าใจผิดนะเจ้าคะ” หงอิงสาวใช้ประจำตัวนางเอ่ยขึ้น สีหน้าอีกฝ่ายร้อนใจอย่างหนัก ด้วยเป็นผู้นำจดหมายมามอบให้แก่โม่เยี่ยเยี่ย
“เข้าใจผิดรึ ก็เห็นอยู่ว่า อี้หลงชายไร้น้ำยา ส่งกลอนเกี้ยวรักไปให้สตรีอื่นทั้งที่กำลังจะเข้าหอกับข้า คนชั่วช้าเช่นนี้ยังต้องแต่งกับเขาอีก บัดซบสิ้นดี” โม่เยี่ยเยี่ยโกรธจนลมแทบออกหู และที่นางต้องเดินทางมาเมืองหลวงก็เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์กับจางอี้หลง แต่ทว่าเขากลับบ่ายเบี่ยงออกปากว่าติดราชการกระทั่งล่วงเข้าวันที่สี่ นางยังไม่เห็นแม้แต่เงาหัวเขา ทั้งที่นางเดินทางจากเมืองกวางอัน นั่งรถม้า ขึ้นเรือ แต่เขากลับไม่คิดจะแยแสว่าที่เจ้าสาว ดังนั้นเมื่อพบจดหมายระยำเช่นนี้ มีหรือที่นางจะยอม ด้วยเป็นการหยามหน้าคนสกุลโม่ ถึงเขาจะเป็นคนสกุลจาง แต่ฐานะเขาในตอนนี้ต่ำต้อยเหลือเกิน ครอบครัวได้รับโทษร้ายแรงจนถูกเนรเทศไปไกล ส่วนตัวเขายังพอมีโชคอยู่บ้าง เพราะยังมีความดีความชอบเหลืออยู่ กระนั้นเขาเป็นแค่บัณฑิต มิใช่ขุนนางฝ่ายบู๊ยศใหญ่โต ให้ดีในภายภาคหน้าคงได้เป็นเพียงราชครูสั่งสอนหนังสือเชื้อพระวงศ์ เช่นนี้มีสิ่งใดที่โม่เยี่ยเยี่ยต้องไว้หน้า
หงอิงมองคนเป็นนาย แต่แรกจดหมายฉบับนี้นางจะทำเป็นไม่เห็นก็ได้ ทว่าสะใภ้ใหญ่สกุลโม่ผู้เดินทางมาเมืองหลวงด้วยกันเป็นคนพบเข้าโดยบังเอิญ หลิวกัวจึงส่งให้หงอิงมามอบให้คุณหนูเยี่ยเยี่ย
“ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ เขากำลังจะเป็นสามีของคุณหนู เป็นคนที่คุณหนูต้องพึ่งพาในภายภาคหน้า”
โม่เยี่ยเยี่ยฉุนหนักเข้าไปอีก น้ำหน้าอย่างจางอี้หลง ใครหวังพึงพาเขาย่อมเป็นคนโง่ดั่งลา
“หึ ๆ ๆ ข้าอยากหัวเราะให้ฟันล่วง คนอย่างเขามีสิ่งใดให้ข้าใช้สอยได้อีก ไม่ว่าจะเป็นน้ำพิสุทธิ์ หรือฝากชีวิตไว้ในภายภาคหน้า ตัวข้าคงไม่กล้าหวังให้เขามาดูแล”
โม่เยี่ยเยี่ยเอ่ยจบจึงโยนจดหมายรักฉบับนั้นใส่เตาไฟ!
ภาพการเผาไหม้นั่นปรากฏชัดตรงหน้า ซึ่งนางอยากเห็นจางอี้หลงถูกกระทำเช่นนี้มิต่างกัน มอดไหม้เป็นขี้เถา ชาตินี้อย่าได้มาพบหน้ากันอีกเลย
ยามนั้น หัวใจหญิงสาวบีบรัด โม่เยี่ยเยี่ยเกลียดบุรุษผู้หวังเกาะชายกระโปรงนาง เพื่อไม่ให้ตนต้องรับโทษจากฮ่องเต้ อีกทั้งนอกจากเขาไม่มีใจให้นาง ยังมีชื่อเสียงในทางร้ายจนผู้คนหวาดผวา เป็นบัณฑิตหนุ่มตัวขาวซีด รูปลักษณ์ดั่งผีดิบ ดังนั้นหากเลือกได้ ชาตินี้นางจะไม่ขอนอนร่วมเตียงกับจางอี้หลงเด็ดขาด
จากนั้น โม่เยี่ยเยี่ยก็มองภาพวาดของจางอี้หลง ภาพของเขาที่สั่งให้คนวาดขึ้นจากคำบอกเล่าผู้ที่เคยพบเห็นชายหนุ่ม ดูสง่างามรึ นางตอบไม่ได้เต็มปาก ทว่าดวงตาคมกริบกับริมฝีปากบางๆ ของเขา มันเจือด้วยความเจ้าชู้ไม่ต่างจากบุรุษที่รักสนุกซึ่งพบเห็นได้ในบ่อนการพนันและหอนางโลม!