บทที่ 4 เจ้าสาวหาย
หญิงสาวในชุดเจ้าสาวผ้าไหมสีเหลืองอมทอง ตัดเย็บด้วยช่างฝีมือละเอียด ชุดไทยประยุกต์ยกหน้าจับจีบคาดด้วยเข็มขัดทองคำแท้ของแม่เจ้าสาว ตัวเสื้อติดกับผ้าซิ่นเฉียงไหล่ เปิดไหล่เนียนน่ามอง สีของชุดช่วยขับผิวเจ้าสาวให้ดูขาวเนียนยิ่งขึ้น ใครเห็นต่างเอ่ยปาก อิจฉาเจ้าบ่าวกันเกือบทั้งงาน
“พวกเขาชดใช้ให้หมดแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมยังอาฆาตแค้นอยู่อีก สามสิบสามปีแล้วนะ สามสิบสามปีแล้ว ฉันไม่อยาก...”
“แกปฏิเสธฉันไม่ได้...”
ภาพเลือนหายไปจากผิวน้ำ ใครคนหนึ่งวิ่งผ่านต้นไม้ใหญ่ไปทางท้ายบึง ถนนโรยกรวดตลอดทางเพื่อความสะดวกสบายของผู้เข้ามาใช้สถานที่แห่งนี้
ไม่เพียงแค่คนเดียววิ่งผ่านต้นไม้ใหญ่ไป ชายหญิงวิ่งตามไปในทิศทางเดียวกัน ใบหน้าของแต่ละคนอยากรู้ อยากเห็น ตื่นเต้นและคาดหวัง
“เจอแล้วสินะ สะใจหรือยัง”
เสียงนั้นดังจากปากสีหราช เท้าพาเขาเดินกึ่งวิ่งตามคนเหล่านั้นไป เขาไม่อยากเห็น ไม่อยากรู้เพราะเขารู้และเห็นก่อนใคร ๆ
คำถาม คำตอบต่างกันดังระงมบนถนนริมบึง ห่างออกไปติดชายป่ารกด้วยหญ้าและต้นไม้เล็ก ๆ อย่างกระถินณรงค์ อ้อดอกขาว สาบเสือ สายตาทุกคู่จับอยู่ที่ปลายเท้าของคนโผล่พ้นจากพงหญ้า
“ตายแล้วแน่ ๆ เลย ใครมันเอามาทิ้งที่นี่วะ”
“ไอ้พวกโจรมันหลอกมาฆ่าหรือเปล่า”
“ผู้หญิงหรือผู้ชายวะ”
“เท้าเล็ก น่าจะเป็นผู้หญิงว่ะ”
“ใครเจอคนแรกวะ มึงรึเปล่าไอ้เปีย”
“ไม่ใช่ กูวิ่งมาตามเสียง ไม่รู้ใครตะโกน พอมาถึงก็เห็นนี่แหละ”
เสียงเหล่านั้นดังเข้าหูสีหาราชทุกคำ เขาอยากบอกว่าเขานี่แหละพบคนแรกและเขาอีกเช่นกันที่แหวกกอหญ้าออกให้เห็นเท้าโผล่ออกมา มันเป็นหน้าที่ของเขาทุกครั้ง อยากบอกอยากพูดแต่เขาพูดไม่ได้
รถตำรวจ 2 คันคลานเข้ามาจอดใกล้กลุ่มคน รถมูลนิธิไฟสว่างตามมาจอดไล่ ๆ กัน เสียงซักถาม เสียงตอบและคำสั่งให้ถอยห่างออกมาจากพงหญ้าดังต่อเนื่อง ไม่กี่นาทีทุกคนก็เห็นร่างของเจ้าของเท้า
“เฮ้ย! นี่มันเจ้าสาวที่หายตัวไปเมื่อวานนี้นี่หว่า กูไปงานแต่งมา”
ตำรวจไม่เสียเวลาควานหาแหล่งที่มาของร่างไร้วิญญาณเมื่อมีคนยืนยันรูปร่างและสถานที่ได้เต็มปากเต็มคำ
นายตำรวจรับแจ้งคดีเจ้าสาวหายตัวทำงานอย่างรวดเร็ว ติดต่อเจ้าบ่าวและญาติมายืนยันอีกครั้งและการสืบพยานก็เริ่มขึ้น...
ข้อความในแผ่นกระดาษสำหรับจดรายชื่ออาหาร ปรากฏตัวหนังสือรายมือหวัด ๆ ว่า “มีคนตามเรามา นั่งอยู่โต๊ะริมทางเข้าเพิ่งมานั่งเมื่อกี้นี้ ทำตัวตามสบายนะ” ปิ่นแก้วรับรู้ด้วยหัวใจเต้นแรง หากหล่อนเหลือบมองตามคำบอกเป็นตัวอักษรของสารวัตรพีรวัส คนตามหล่อนกับสารวัตรต้องรู้ตัวอย่างแน่นอน
ดังนั้น หล่อนทำได้ด้วยการเขียนตอบกลับไปให้พีรวัส “รับทราบ ทำไงต่อ” เลื่อนสมุดจดให้เขาอ่าน เขาฉีกขยำแผ่นกระดาษ
“ตามสบายไง สั่งตามสบาย ไม่ต้องถามผม น้องเขามารับออร์เดอร์แล้ว คุณจะถามผมทำไม อยากกินอะไรก็สั่งได้เลย สั่งเผื่อผมด้วย น้อง ถามคุณผู้หญิงเลยนะ พี่กินเหมือนเธอ”
“น้องรอเดี๋ยวนะพี่เขียนใหม่ ข้าวผัดรวมมิตร ต้มจืดเต้าหูสด ไข่เจียวหมูสับ กินแกล้มกับข้าวผัดแค่นี้จ้ะ”
หล่อนอ่านตัวหนังสือที่เขียนดัง ๆ เขาใช้คำพูดแทนการเขียนและส่งสมุดคืนให้หล่อนนั่นแหละ สายตาสบตากลมโต ปลอบใจไม่ให้หล่อนกลัว เขาอยู่กับหล่อน ไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นในร้าน ความหมายในดวงตาสีเข้มบอกหล่อนอย่างนั้น
ชายหนุ่ม 2 คนนั่งอ่านเมนูอาหาร ไม่เขียนอะไรในสมุดสั่งอาหาร ใช้แผ่นกระดาษเมนูบังหน้าไว้ทั้งสองคนแต่พอพีรวัสลุกจากโต๊ะ พวกเขาลดแผ่นกระดาษลง สายตาอยู่ที่ร่างสูงของสารวัตรหนุ่ม
ปิ่นแก้วรับรู้ในวินาทีนี้ว่าเป้าหมายของหนุ่มในชุดเสื้อยีนสีซีดเช่นเดียวกับกางเกงอยู่ที่นายตำรวจ ไม่ใช่นักข่าวสาวอย่างหล่อน ความกลัวคุกคามในใจอีกครั้ง ไม่ใช่กลัวคนชุดยีนทำร้ายแต่กลัวสารวัตรถูกทำร้ายถึงชีวิต ตำรวจมือดีอย่างนี้ไม่สมควรเป็นอันตราย
แต่เหมือนพีรวัสจะรู้ตัวว่าถูกติดตามตั้งแต่เคลื่อนรถออกจากข้างทาง ฉายาเจ้าชายซาตานไม่ได้ทำให้เขาโกรธถึงกับนำรถเข้าจอดเพื่อบังคับให้หญิงสาวย้ำฉายานั้นกับเขาแต่เพราะรถกระบะสีดำแล่นตามมาเมื่อรถเลี้ยวขึ้นสู่ถนนสายหลักของเมือง
เขาเริ่มแน่ใจเมื่อเขาชะลอรถ กระบะสีดำชะลอความเร็วลงด้วยและเมื่อปิ่นแก้วบ่นอยากทานข้าว เขาไม่เลื่อนเวลาให้ช้าไปอีกแม้นาทีเดียว รถคลานเข้าไปจอดหน้าร้านอาหารตามสั่ง กระบะคันนั้นตามมาแต่เลยเข้าไปจอดด้านในของลานจอดรถ
ปิ่นแก้วไม่รู้สึกถึงการสะกดรอยตามของผู้ประสงค์ดีหรือประสงค์ร้ายทั้ง 2 คน เขาจึงต้องเตือนหล่อนให้ระวังตัว
เขาเข้าห้องน้ำเพื่อสังเกตปฏิกิริยาของ 2 คนนั้น ฉากกั้นบังระหว่างทางไปห้องน้ำเป็นเกราะกำบังตัวพีรวัสได้เป็นอย่างดี
“ใครส่งพวกมันมา...เพื่ออะไร จัดการเราหรือปิ่นแก้ว” เขาถามตัวเองและหาคำตอบด้วยสายตา ขณะจ้องมองคนตามเขา เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงดังขึ้น
“ครับ” เขารับอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นชื่อคนโทรมาโชว์หน้าจอ
“สารวัตรครับ ระวังตัวด้วย ตอนนี้ผมถูกต้อน สายสืบมาจากหน่วยพิเศษช่วยผมพ้นมาแล้ว คุณอยู่ไหนบอกพิกัดด่วน”
“ร้านอาหารริมทาง...”
เขาบอกรายละเอียดเส้นทางอย่างรวดเร็ว คนโทร.เข้ามาวางสายไปแล้ว วีรชนไม่ใจอ่อนกับฟ่อนธนบัตรอย่างที่ปิ่นแก้วรับรองเพื่อนของหล่อน วีรชนกำลังมาหาเขา ประโยคท้ายก่อนสัญญาณขาดไป
“คุณอยู่กับใคร ถ้าอยู่กับไอ้ปิ่น ฝากดูแลมันด้วย ผมกำลังจะไป”
“รู้ได้ยังไงว่าเราอยู่กับยายปิ่นทอมบอย”
เพียงแวบเดียวกับความห่วงใยของวีรชนที่มีต่อปิ่นแก้ว ไม่มีเวลาคิดมากไปกว่านี้เพราะเจ้าหล่อนกำลังอยู่ในอันตราย หากเขาคาดเดาไม่ผิดนัก พวกนั้น กำลังลงมือ คนไหนทำตัวต่อต้านพวกมัน มีทางให้เลือกเพียงทางเดียวคือ...ตาย...
“น้องครับ ทำอาหารที่พี่สั่งหรือยัง”
“ยังค่ะ ทำตามคิวค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ไม่ต้องแล้วนะ พี่มีธุระด่วนจ้ะ”
เขาสั่งพนักงานของร้านขณะเดินสวนกับเขา เวลาหิวของปิ่นแก้วหมดลง รวมทั้งตัวของเขาด้วย วีรชนกำลังมา เขาต้องออกจากร้านเดี๋ยวนี้ พวกมันสองคนจ้องตามร่างของเขาอยู่ ทำไมเขาจะไม่รู้ ก่อนมันจะลงมือซึ่งไม่รู้จะลงมือด้วยวิธีไหน เขาต้องพาปิ่นแก้วออกไปจากที่นี่เพื่อความปลอดภัยของหล่อนตามที่วีรชนฝากให้เขาดูแลหล่อน
“คุณ ไปกันเถอะ ไม่มีเวลาแล้ว หมวดวีโดนรุกแล้ว” เขาก้มลงพูดใกล้หูหล่อนเมื่อมาถึงโต๊ะที่หล่อนนั่งอยู่
“หา...เอ่อ..” หล่อนพูดได้แค่นั้น ไม่มีเวลาแล้วจริง ๆ หัวใจของหล่อนเต้นรัวเร็ว คนที่ตามหล่อนกับเขามา ไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิม พวกมันหายไปแล้ว คำถามผุดในสมอง พวกมันหายไปไหนและคำตอบคือ...