บทที่ 3 นักข่าวสาว
“ถ้าคุณด่าผมแม้แต่คำเดียว คนบนโรงพักรู้กันทั่วแน่ ว่าคุณเป็นทอม”
“เชอะ ฉันกลัวแย่แหละ ไอ้วีเพื่อนฉันมันคงหัวเราะฟันร่วงหมดปากกับคำขู่ของคุณ ไอ้เจ้าชายซาตานเอ๊ย” หล่อนหลุดประโยคหลังด้วยฉายาของเขาซึ่งแม่ของหล่อนเป็นผู้ตั้งให้กับชายหนุ่มหน้าเฉยคนนี้ เขาเลี้ยวรถเข้าจอดข้างทางทันที
“เมื่อกี้ด่าว่าอะไร” เขาถามเสียงเข้ม ดวงตาวาววับ
“เปล่าซะหน่อย” หล่อนปฏิเสธพร้อมหันหน้าหนีสายตาคม
“พูดออกมา ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” เขาขู่ทั้งน้ำเสียงและแววตา
“เฮ้ย.จะทำอะไรฉัน ถ้าฉันมีบาดแผลแม้แต่รอยเล็บข่วนกลับไปบ้าน ฉันรับรองเลยนะว่านายไม่พ้นมือแม่ฉันหรอก” หล่อนหันมาจ้องหน้าเขาและอ้างแม่มาขู่เขา
.”เจ้าชายอะไร ตอบ ผมบอกให้ตอบ” เสียงเข้มและแข็งกระด้าง เกิดอะไรขึ้นกับเขา ดวงตาของเขากร้าว เหมือนไร้แวว เขาเป็นอะไร โกรธอะไรมากขนาดนี้
“เอ่อ. เจ้าชายซาตาน ว่าแค่นี้ ทำไมต้องโกรธด้วยล่ะ”
มือเริ่มเย็น หัวใจเต้นแรง ไม่เคยกลัวใครเท่านี้มาก่อน ขณะทำข่าวการฆาตกรรม เข้าไปตามจับคนร้ายกับตำรวจยังไม่กลัวอย่างนี้ พีรวัสชอบคำนี้ ชอบจนรู้สึกโลกสีหม่นในชีวิตของเขาสว่างสดใสขึ้นมาฉับพลัน
“ฮะฮะฮะฮะฮะๆๆ” เขาปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น
นักข่าวสาวนิ่งไปกับเสียงหัวเราะสนั่นรถ ไม่เพียงประหลาดใจกับเสียงหัวเราะ ไม่เพียงประหลาดใจกับกิริยาเคร่งขรึมตลอดเวลา เปลี่ยนไปได้อย่างไร ยังงงกับเสียงหัวเราะแบบไม่เก๊ก ไม่กั๊กและไร้ขีดจำกัดของเขาด้วย
เมื่อหล่อนเงียบ เขาจึงหยุดหัวเราะ เมื่อครู่เขายังแสดงอารมณ์โกรธใส่หล่อนแต่ผ่านไปไม่ถึงนาทีเขากลับหัวเราะอย่างหลุดโลก หล่อนปรับอารมณ์ตามเขาไม่ทัน
“คุณบอกว่าผมไม่ไว้ใจเพื่อนคุณ ไม่ใช่ไม่ไว้ใจแต่กำลังมีคนตามยื่นข้อเสนอให้หมวดวีอยู่ ผมกลัวเขาใจอ่อนกับซองสีน้ำตาลซองใหญ่ ในนั้นคุณคิดว่ามีอะไรอยู่บ้างล่ะ”
เขาเปลี่ยนเรื่องได้เร็วจนหล่อนแทบรับไม่ทัน งานนี้หล่อนต้องรับมือกับมันให้เร็วและใช้สมองค่อนข้างหนัก คดีนี้ไม่ใช่หมูอยู่ในอวยแต่เป็นปลาซาม่อนในทะเลน้ำลึก
“วีไม่เห็นเล่าให้ฉันฟัง คน ๆ นั้นมาหามันถึงโรงพักหรือคะ”
“เปล่า นัดกินข้าวร้านอาหารริมคลอง หมวดให้ผมตามไปดูห่าง ๆ ตอนนี้เขายังปฏิเสธได้แต่ถ้าซองมันใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ หมวดวีอาจใจอ่อน”
“ฉันรับรองค่ะ วีรชนไม่ใช่คนใจอ่อนง่าย ๆ เห็นมันอารมณ์ดี เฮฮากับคนโน้นคนนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างนั้น เวลามันเอาจริง คุณจะกลัวใจมัน”
ความเงียบกลับมาอยู่กับชายหนุ่มอีกแล้ว เขานิ่ง สายตามองตรงไปข้างหน้า รถยังจอดที่เดิม เขาไปรับหล่อนออกมานั่งคุยในรถ เขาไม่ไว้ใจใคร ไม่ไว้ใจคนรอบข้างเอามาก ๆ
“ฉันยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลยคุณ ฉันหิวข้าว”
เมื่อเขาเงียบ หล่อนก็ต้องปลุกให้เขาตื่น เสียงดังอย่างตั้งใจให้เป็นตะโกนใส่หูคนนั่งอยู่ข้าง ๆ แทนที่เขาจะยกมือปิดหูหรือพูดดัง ๆ แข่งกับหล่อน เขาแค่เคลื่อนรถออกสู่ถนนอีกครั้ง ร้านอาหารตามสั่งไม่ไกลจากถนนเป็นอีกสถานที่หนึ่งของการพูดคุยเรื่องงานของนักข่าวสาวกับสารวัตรหนุ่ม
ความระแวดระวังของพีรวัส ถูกฝึกขณะเรียนนายร้อยตำรวจและทำงานกับสายสืบนอกเครื่องแบบ ได้เรียนรู้วิธีการต่าง ๆ จากเพื่อนรุ่นพี่ รุ่นเดียวกันและรุ่นน้อง วันนี้เขาเดินเดี่ยว ไม่มีพี่เลี้ยงคอยกระซิบ ไม่มีเพื่อนคอยชี้แนะและไม่มีรุ่นน้องคอยเตือน เขาต้องเตือนตัวเอง ระวังตัวเองเมื่อก้าวเข้ามาอยู่ท่ามกลางกลุ่มเสือเขี้ยวคม
“อยากทานอะไรสั่งได้เลย ผมเลี้ยงเอง”
“ไม่ ฉันจะจ่ายเอง ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณใครโดยเฉพาะคุณ” หล่อนเน้นเสียงประโยคท้าย เขาไม่ยิ้มเช่นเดิม
“ก็ได้ จ่ายให้ผมด้วย ผมอยากเป็นหนี้บุญคุณคุณ”
เมนูอาหารกางออก แผ่นกระดาษสำหรับเขียนสั่งอาหารวางข้างกล่องกระดาษทิชชู่ พีรวัสหยิบมาเขียนแล้วเลื่อนให้ปิ่นแก้ว หล่อนหยิบปากกาจะเขียนต่อจากเขาแต่ต้องชะงักเพราะสิ่งที่เขาเขียนลงไปบนแผ่นกระดาษไม่ใช่รายการอาหาร
ข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์หน้า 1 เจ้าสาวหายตัวปริศนาขณะขึ้นเวทีขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน เจ้าบ่าวเป็นลมกลางเวที ยังตามหาตัวเจ้าสาวไม่พบ หลังจากแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจออกตามหาทั้งคืน ข่าวนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 ในรอบปี บทสรุปทุกครั้งพบเจ้าสาวกลายเป็นศพซึ่งครั้งนี้ผู้เสพย์ข่าวคาดเดาผลคดีไว้แล้ว ต้องพบเจ้าสาวในคืนต่อมา
สามล้อปั่นจอดอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมทาง เจ้าของสามล้อนั่งพิงโคนต้นไม้ทอดสายตามองผืนน้ำกว้าง บึงใหญ่เนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 10 ไร่เป็นบึงสาธารณะของเมืองโกญจนาทแห่งนี้ รอบ ๆ บึงเป็นสวนสาธารณะสำหรับทุกคนในเมืองมาเดินเล่น ออกกำลังกาย
รถเข็นขายน้ำกับลูกชิ้นทอด จอดตามมุมของสวนสาธารณะริมบึง รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างแต่งเป็นรถขายผลไม้ดองบ้าง รถขายกาแฟโบราณบ้าง ตระเวนไปรอบบึง สาย ๆ ถึงค่ำ รถขายของพวกนี้จึงจะออกมาให้เห็น ช่วงบ่ายผู้คนใช้ริมบึงเป็นที่พักผ่อนและออกกำลังกายไปจนค่ำมืด
ความเจ็บปวดไม่มีวันจางหายไปจากหัวใจของหนุ่มใหญ่เมื่อถึงคืนวันขึ้น 8 ค่ำซึ่งบางคืนเขาหลับอย่างไม่เป็นสุขเพราะความกลัวแต่บางคืนเขาหลับใหลโดยไม่รู้สึกตัว จนกระทั่งเช้าวันใหม่ ชีวิตเวียนวนอยู่อย่างนี้มา 33 ปีเต็ม
“ทำไมไม่จบเสียที ฉันขอร้อง พอเสียที” สีหราชพึมพำออกมา อีกไม่กี่นาที สิ่งที่เขากลัวจะเกิดขึ้น คำพูดแกมขอร้อง อ้อนวอนดังขึ้นอีก
“ขอร้อง พอเสียทีได้ไหม พอเสียที”
“ไม่ได้...พวกมันต้องชดใช้ ได้ยินไหมว่าพวกมันต้องชดใช้”
เสียงตอบกลับมาสะท้อนจากผืนน้ำ สีหราชผวาลุกพรวด ภาพในน้ำบิดเบี้ยวเพราะคลื่นซัดเป็นระรอกบาง ๆ เข้าหาฝั่งตามแรงลมยามสาย แม้ภาพนั้นเบี้ยวคดไม่เป็นรูปร่างแต่เขาเห็นภาพหญิงสาวแจ่มชัดในมโนสำนึก