บทที่ 15 ขอร้อง
สีหราชถีบสามล้อผ่านรถกระบะ 4 ประตู หมวกสานทำจากตอกไม้ไผ่ บังแดดได้เพียงครึ่งใบหน้า จากด้านบนลงมาถึงจมูกเท่านั้น ดวงตาภายใต้ร่มปีกหมวกมองตรงไปข้างหน้า รถกระบะเพิ่งจอดแอบข้างทาง คนในรถไม่ทันสังเกตรถสามล้อแต่คนปั่นรถสามล้อชำเลืองหางตามองคนในรถแม้จะไม่เห็นหน้าทุกคนในนั้น เขาก็รู้ว่ามีทั้งหมดกี่คน
หญิงสาวหมดสติไปอย่างไร้สาเหตุ อัศนีไม่รอเวลานัดพบสารวัตรประจำสถานีตำรวจเมืองโกญจนาท ปิ่นแก้วต้องได้รับการรักษาเดี๋ยวนี้ รถกระบะแล่นลิ่วออกจากข้างถนนตรงไปยังจุดนัดหมาย ไม่กี่วินาที รถทั้งคันก็หายไปจากถนนสายหลัก
รถสามล้อถีบยังคงมุ่งหน้าไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครโบกมือเรียก แหล่งจอดรถสามล้ออยู่ในเมือง จอดรอคน จอดเข้าคิว หลายคนใช้บริการรถสามล้อเพราะราคาถูกกว่ารถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง บางรายบ้านอยู่ใกล้ตัวเมืองใช้สามล้อสบายที่สุด
รถสามล้อถอยจอดตามเส้นสีขาวแบ่งล็อกจอด ความกว้างเท่าตัวรถ คิวคันแรกออกไป คันที่สองเลื่อนมาจอดแทนคันแรก คันที่สามและสี่เลื่อนตาม ๆ กันมา คันแรกไปจอดท้ายสุดเป็นอย่างนี้ทุกวัน
สีหราชนำรถเข้าไปจอดท้ายสุด เขาเพิ่งกลับเข้ามาหลังจากไปส่งผู้โดยสารเป็นคันแรก เขาออกจากบ้านเช้ากว่าทุกวันจึงเป็นคิวแรกของวันนี้และวันนี้เขาไม่อยากอยู่นอกบ้านเกินสองทุ่ม
“ไอ้สิงห์มาแต่เช้าเลย ไปส่งไกลเหรอวะเพิ่งกลับ”
“ใช่ หมู่บ้านเลยตัวเมืองไปหน่อย”
“เดี๋ยววันนี้ข้ากลับเร็ว เมียมันสั่งให้ซื้อแป้งไปทำขนม พรุ่งนี้วันพระ มันจะไปทำบุญ”
“วันพระกี่ค่ำวะ”
สีหราชใจหาย เพื่อนร่วมอาชีพพูดถึงวันพระ เขาไม่สนใจวันเดือนปี สิ่งที่เขาสนใจ ใครจะจัดงานแต่งงานบ้างเท่านั้นและถ้ามีคนแต่งงานจะแต่งที่ไหน ไกลหรือใกล้เมืองนี้ เขาไม่อยากให้มีใครแต่งงานสักคน หากเป็นไปได้ให้อยู่ด้วยกันโดยไม่ต้องจัดงานแต่งงานและสวมแหวนหมั้น
“แปดค่ำ ขึ้นแปดค่ำ ถามทำไม เอ็งจะไปวัดหรือวะ”
“ว่าจะไปสักหน่อย พักนี้ไม่ได้เข้าวัดเลย”
เขาตอบเพื่อนไปอย่างนั้น ความจริงเขาอยากรู้วันพระข้างขึ้นหรือข้างแรมแค่นั้น ทำไมถึงวันพระขึ้น 8 ค่ำเร็วนัก เขาจำได้ว่าคดีเจ้าสาวเสียชีวิตข้างคันคูเพิ่งเงียบไปไม่กี่วัน วันนี้ถึงวันพระเลือดอีกแล้วหรือ
“อย่าให้มีใครแต่งงานวันนี้เลย” เขาเผลอพูดออกมา เพื่อนหันมาจ้องหน้า
“ว่าอะไรวะ”
“เปล่า ๆ เอ็งกลับเร็ว ข้าจะเข้าคิวแทนเอง”
“อ๋อ.เออ”
เพื่อนเลิกสนใจสีหราชเมื่อลูกค้าก้าวขึ้นรถ สีหราชมองตามท้ายรถเพื่อน รถอีกคันเข้ามาจอดต่อรถของเขา บัดนี้ใจไม่อยู่กับการทำมาหากิน ความกังวลเข้ามามีอำนาจกับจิตใจอีกครั้ง
“ไอ้ทิด วันนี้มีใครแต่งงานรึเปล่า”
“ทำไมเหรอเฮีย”
“ไม่ทำไมหรอก เราจะได้มาหาลูกค้าไง น่าจะมีคนเรียกสามล้อถีบบ้างแหละ”
“เออใช่ งั้นเฮียไปรอปากซอยหลังโรงพักได้เลย ฉันไปด้วย หลานชายนายอำเภอแต่งงาน”
“หลานนายอำเภอ” สีหราชย้ำคำตอบของเพื่อนรุ่นน้อง
“ใช่เฮีย แต่งกับเหลนเศรษฐีเก่าเชียวนะ เขาว่ากันว่ามีที่นาตั้งพันไร่แน่ะ นายอำเภอรีบไปขอ กลัวจะไม่ได้หลานสะใภ้เป็นเศรษฐี งานนี้หลานนายอำเภอตกถังข้าวสารเต็ม ๆ เลยเฮีย”
หางคิ้วข้างขวาของสีหราชกระตุกทันที เมื่อรุ่งโรจน์หรือไอ้ทิดบอกสถานที่พิธีแต่งงานของบ่าวสาวในค่ำคืนนี้ เขาอยากหนีไปให้ไกล ไม่อยากเข้าใกล้งานเลี้ยง พิธีการแต่งงานตอนเช้าผ่านไปด้วยดีแต่งานเลี้ยงล่ะจะเป็นอย่างไร
“ฉันขอร้อง อย่านะ หยุดเสียที”
“มันใกล้มาแล้ว ใกล้ทุกที ข้าอาจหยุดคืนนี้ก็ได้”
เสียงตอบกลับมาในมโนจิต สีหราชเหลียวมองรอบตัว ไม่มีใครอยู่ใกล้เขานอกจากรุ่งโรจน์ เขาหลับตาเพียงวินาทีเพื่อขอสิ่งที่เขาต้องเป็นสื่อให้คนพบเจ้าสาวหลายต่อหลายรายที่หายไป คืนนี้ขอให้ยุติความแค้นทีเถิด
รุ่งโรจน์มองหน้าสีหราช หลายครั้งกับท่าทางแปลก ๆ หลายหนกับคำถามว่า ใครแต่งงานวันนี้บ้างและคำถามของสีหราชต้องตรงกับวันขึ้น 8 ค่ำทุกครั้ง
“เฮีย มีอะไรรึเปล่า ทำหน้ายังกับปวดท้องอึ ไปอึก่อนก็ได้นะ ยังไม่มีคนมาเรียกรถหรอก”
“เปล่า ไม่ได้ปวด คืนนี้ไปกันกี่คน ไปหมดรึเปล่า”
“ไม่รู้สิ ฉันบอกเฮียหลงไปแล้ว แกว่าจะไปนะ”
“อือ”
หนุ่มใหญ่ไม่ต้องการคำตอบจากรุ่นน้อง เขาคิดถึงบ้านพักนายอำเภอ หอประชุมใหญ่สำหรับจัดงานเลี้ยงอยู่ใกล้กับสถานีตำรวจ งานนี้เป็นงานช้าง นายตำรวจทุกนาย พ่อค้า นักธุรกิจชื่อดังในตัวเมือง นอกเมือง มาร่วมงานนี้พร้อมเพียงกัน เจ้าสาวคงไม่หายตัวกลางเวทีใหญ่ เขาภาวนาให้เป็นอย่างนั้น...
รถกระบะเปลี่ยนเส้นทางลงสู่ทางสายรองโรยหินกรวดเม็ดเล็ก ไปจนถึงท้ายซอยแยกเข้าถนนดินใต้ร่มไม้ใหญ่สองข้างทางและรถจอดสนิทหน้าบ้านไม้กลางหมู่แมกไม้ ด้านหลังเป็นลำธารสายเล็ก น้ำในลำธารทำหน้าที่อย่างแข็งขัน
ชุมพลกวาดสายตาไปทั่วบริเวณลานหน้าบ้านไปจนถึงลำธาร ที่นี่ที่ไหน เขาไม่เคยมาในสถานที่ลักษณะแบบนี้มาก่อน ที่แห่งนี้อยู่ในเมืองโกญจนาทด้วยหรือ
“แปลกใจละสิ เข้าบ้านก่อน ยายปิ่นยังไม่ฟื้น ช่วยกันหน่อย”
นาวินอุ้มร่างไร้สติของปิ่นแก้วเดินขึ้นบันไดบ้านพาหายเข้าไปในตัวบ้าน ชุมพลไม่หลงชื่นชมกับธรรมชาติแปลกตาอีกต่อไป เพื่อนสำคัญกว่าทุกสิ่งรอบข้างในนาทีนี้
ห้องโถงภายในบ้านไม้ริมธารกว้างพอควร ด้านในเป็นห้องปิดประตูล็อกกุญแจ ด้านซ้ายโถงมีประตูเปิดออกสู่ลำธาร ด้านขวามีประตูปิดกั้นระหว่างครัวกับห้องโถง นักข่าวหนุ่มใช้สายตาสำรวจตามที่บุรีเปิดประตูทั้งสองด้านให้เห็นยกเว้นประตูห้องซึ่งน่าจะเป็นห้องนอน
นาวินวางร่างปิ่นแก้วบนเตียงไม้ริมห้อง อัศนีเดินหายไปทางครัว ครู่เดียวกลับมาพร้อมชามกะละมังมีน้ำเกินครึ่งในนั้น ผ้าผืนเล็กจมอยู่ในน้ำ
“พลเช็ดหน้าให้ยายปิ่น บุชงยาหอมด่วน”
“ครับพี่”
สองหนุ่มทำตามคำสั่งอัศนี ชุมพลเรียกปิ่นแก้วเป็นระยะ สงสัยการเป็นลมของเพื่อน ปกติปิ่นแก้วไม่เคยเป็นลม หิวข้าวมากแค่ไหนก็ไม่เป็นอย่างนี้หรือเพื่อนรักของเขาอดนอน
“พี่ ไอ้ปิ่นมันอดนอนมั้ง เหมือนคนนอนหลับเลย ผมว่ามันไม่ได้เป็นลมหรอก มันไม่เคยเป็นลมสักทีตั้งแต่รู้จักกับมันมา มันแกร่งจะตาย”
ชุมพลวางผ้าในกะละมัง เขาเช็ดทั่วใบหน้า ลำคอให้เพื่อนก็ไม่มีทีท่าว่าเพื่อนจะรู้สึกตัว บุรีถือแก้วยาหอมส่งมาให้เขา เสียงรถแล่นมาจอดหน้าบ้าน ครู่เดียวพีรวัสกับวีรชนวิ่งขึ้นบันไดมา อัศนียิ้ม