บทที่ 14 รถสามล้อ
ไฉไลทำตัวเป็นภรรยาที่ดี อยู่กับบ้าน ไม่มีปากเสียงกับสามี นอกจากรับฟังและทำตามคำสั่งอย่างเดียว ใคร ๆ เห็นรู้สึกสงสารหล่อน สามีบงการสิ่งใดก็ทำตามทุกสิ่งโดยไม่ปริปากบ่น สำหรับปิ่นแก้ว มองไฉไลเป็นผู้หญิงร้ายลึกจากที่เคยพูดคุยในงานบุญเมือง
ทุกปีข้าราชการ พ่อค้าประชาชนร่วมทำบุญเมืองโดยประธานหลักในการจัดงานคือก้องเกียรติ ปีที่ผ่านมาก้องเกียรตินั่งเป็นประธานเปิดงาน ไฉไลนั่งเก้าอี้ด้านหลัง สายตาของสาวใหญ่มองก้องเกียรติอย่างคนโกรธแค้นกันมาหลายสิบชาติ
งานทำบุญเมืองผ่านไปไม่นาน ก้องเกียรติก็เสียชีวิต ตำรวจพุ่งประเด็นขัดแย้งแย่งความเป็นใหญ่ในเมืองนี้ อำนาจจรัสเป็นคนเดียวที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ไฉไลทำตัวเงียบ ๆ ไม่พูดกับใคร เผอิญวันนั้นปิ่นแก้วเป็นฝ่ายถามก่อน ไฉไลพูดด้วยรอยยิ้มแต่ดวงตาไม่ยิ้ม ปิ่นแก้วสังเกตเห็นอย่างนั้น
“ทำไมถึงสงสัยเมียเสี่ยอำนาจ”
นาวินเอ่ยเป็นประโยคแรก พวกเขาสงสัยไฉไลเช่นกัน ปิ่นแก้วสงสัยตั้งแต่เมื่อไหร่ เหตุจูงใจอะไรจึงทำให้สงสัย
“ก็วันนั้นมีคนเห็นคุณไฉไลขับรถไปแถว ๆ บ้านเสี่ยก้องค่ะ”
“ทำไมไม่มีใครพูดเรื่องนี้”
“เงินสิครับพี่ ปิดปากสนิท”
ชุมพลตอบแทนเพื่อน เขากับปิ่นแก้วสงสัยตรงกันและติดตามข่าวของไฉไล รวมไปถึงค้นประวัติส่วนตัวของสาวใหญ่ด้วย ไม่เพียงประวัติของไฉไลเท่านั้น กนกพรก็ถูกสองนักข่าวค้นเช่นเดียวกัน
“แสดงว่าพวกคุณรู้เรื่องนี้นานแล้ว ทำไมไม่บอกสารวัตร”
อัศนีตั้งคำถามกับหนุ่มสาว เหตุผลของปิ่นแก้วและชุมพลอาจตรงกัน เขารอฟังหญิงสาวตอบก่อน
“เรายังไม่แน่ใจค่ะว่าคุณไฉไลมีส่วนเกี่ยวข้องหรือเปล่า ไอ้พลก็คิดเหมือนฉันค่ะ เราต้องหาข้อมูลให้มากกว่านี้ ถ้ายังไม่แน่ใจ จะไม่พูด พวกพี่ ๆ เป็นสายสืบใช่มั้ยล่ะ ตามสืบอยู่ด้วยละสิถึงถามพวกเราแบบนี้”
อัศนีไม่ตอบคำถามปิ่นแก้ว ชุมพลมองหน้าพี่ ๆ ทั้งสามคน คุ้นหน้าแต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน บุรีกระแอมก่อนจะตอบคำถามของปิ่นแก้ว
“เก่งนะนักข่าวเดี๋ยวนี้ เป็นทั้งตามข่าวเป็นทั้งสายสืบ น่าจะเอามาเข้ากลุ่มนะพี่โอ๊ก”
“เออจริง ตกลงมาเข้ากลุ่มกับพี่มั้ยปิ่น พล”
“เอาจริงเหรอพี่ ผมเอาด้วยนะสนุกดี”
ชุมพลรีบรับคำชวนแต่ปิ่นแก้วไม่สนุกด้วย หล่อนคิดถึงวันนั้น กระสุนปืนเฉียดใบหน้าหล่อนไป พีรวัสกอดหล่อนไว้กับอก นาทีต่อมาเป็นอย่างไรหล่อนไม่รับรู้ ไม่หลงเหลือสติสัมปชัญญะอีกต่อไป
“สนุกกะผีสิแก ฉันเกือบตายเพราะไอ้พวกนั้นมันตามอีตาสารวัตร ถ้าไอ้วีไม่ไปช่วยป่านนี้ฉันเหลือแต่ชื่อให้แกกรวดน้ำไปหาแล้วไอ้พล”
“พูดอะไรอย่างนั้นครับคุณปิ่น พี่วัสไม่ให้คุณเป็นอะไรหรอกน่ะ เชื่อผม”
บุรีมองตรงไปข้างหน้าขณะพูด ถนนที่รถแล่นอยู่ นำพวกเขาไปยังจุดนัดหมายอีกจุดหนึ่งซึ่งคนที่ตามพีรวัสและวีรชนไม่สามารถตามมาถึงได้
“ตกลงพวกพี่รู้จักพวกเราข้างเดียว จะไม่ให้เรารู้จักบ้างรึไงคะ”
หญิงสาวไม่พอใจกับคำยั่วเย้าของสามหนุ่ม พวกเขาเป็นสายสืบหล่อนรู้แค่นี้เท่านั้น บุรีหัวเราะแล้วเงียบไป ชุมพลมองอัศนี พยายามคิดว่าเคยเห็นที่ไหนและก็ร้องออกมา
“อ๋อ.นึกออกแล้ว ไอ้ปิ่น จำคนขายล็อตเตอรี่ได้มั้ย เรากำลังกินข้าว หมอนี่เข้ามาขายให้เรา ส่วนอีกสองคนขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เข้ามาทีละคน จำได้มั้ย”
ปิ่นแก้วคิดตามคำพูดของเพื่อน ทวนความทรงจำให้หล่อน อัศนี นาวินและบุรีหัวเราะออกมาพร้อมกัน ชุมพลจำแม่นกว่าปิ่นแก้ว
“เออใช่ พวกพี่นี่เอง ถามจริง ๆ เข้าไปหาพวกเราทำไม รู้แล้วสิว่าพวกเราเป็นนักข่าว อ้อ.คิดออกแล้ว คนขายลูกโปร่งเข้าไปยืนสังเกตการณ์วันเสี่ยก้องถูกยิง”
“แม่นอีกคน ยังงี้คนอื่นจะจำเราได้มั้ยพี่”
นาวินยอมรับความจำของหนุ่มสาวคู่นี้และความฉลาดของหญิงสาวไม่ด้อยไปกว่าชายหนุ่ม พวกเขาเหมาะสมกับอาชีพนักข่าวแต่การเป็นนักข่าวสายอาชญากรรมมันอันตรายมากสำหรับผู้หญิง
“ปิ่น พี่ว่าเลิกทำงานนี้เถอะ ตอนนี้เราน่ะอยู่ในสายตาของคุณไฉไลแล้วนะ”
อัศนีเอ่ยน้ำเสียงค่อนข้างเคร่งเครียด ชุมพลกับปิ่นแก้วจ้องหน้าคนพูด ไม่มีแววตาล้อเล่น มีแต่ความห่วงใย
“ทำไมล่ะพี่ คุณไฉไลตามฉันทำไม”
“แกก็ถามตัวเองสิว่าทำไม”
ชุมพลเห็นด้วยกับอัศนี เขาเคยเตือนเพื่อนรักครั้งหนึ่งแต่เพื่อนไม่สนใจคำเตือน ไฉไลทำตัวเรียบร้อยสงบเสงี่ยมก็จริงแต่เบื้องหลังของหล่อนล่ะเป็นอย่างไร ปิ่นแก้วบอกเองไม่ใช่หรือว่าสงสัยไฉไลคดีก้องเกียรติถูกลอบทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต
“ทำไมวะ ฉันไม่ได้ทำอะไรคุณไฉไลเลยนะก็แค่สงสัยแล้วก็ถาม ๆ แค่นั้นเอง”
“แค่ถาม ๆ ของแกน่ะถามอะไรไปบ้างล่ะ ฉันเตือนแกวันนั้น แกถามอะไรจำได้มั้ยไอ้ปิ่น พี่ มันถามคุณไฉไลว่า คุณไฉไลไปบ้านเสี่ยก้องทำไมคะ วันที่เสี่ยก้องตาย มีคนเห็นคุณไฉไลขับรถไปจอดหน้าบ้านเสี่ยก้อง คุณไปทำไมคะ”
ชุมพลทำเสียงเล็กเสียงน้อยจีบปากเช่นหญิงสาว กิริยานี้ช่วยเรียกรอยยิ้มให้กับทุกคนไม่เว้นแม้แต่ปิ่นแก้วตัวต้นเรื่องทำให้คนอื่นเป็นห่วง
“ชัดมั้ยปิ่น พี่เตือนเพราะรู้จากหมวดวีแล้วก็สารวัตร ว่าปิ่นเป็นคนเก่ง ห้าว ไม่กลัวใครแต่ความกล้า ความห้าวของปิ่น มันจะทำให้ตัวเองติดกับดัก”
อัศนีจริงจังกับคำเตือนหญิงสาวอีกครั้ง หล่อนรับฟังและทบทวนสิ่งที่ตนเองทำไว้ หล่อนกล้าเกินไปกับคดีใหญ่คดีนี้และกล้าถามไฉไลทั้งที่ไม่ควรถามคำถามนั้นออกไป
“ไม่ค่ะ ฉันไม่เลิกเป็นนักข่าว ฉันรักงานนี้ จะเป็นอะไรก็ยอม”
ดวงตาและคำพูดเด็ดเดี่ยวของปิ่นแก้วยิ่งเพิ่มความห่วงใยในตัวหล่อนให้กับสี่หนุ่มอีกเท่าตัว สารวัตรพีรวัสรู้นิสัยหล่อนจึงฝากให้ทีมสายสืบช่วยดูแลหล่อนอย่างลับ ๆ หล่อนไม่รู้ตัวว่ามีคนคอยตามหล่อนห่าง ๆ
“ไอ้ปิ่น พี่เขาเตือนแกแล้วนะโว้ย หยุดเถอะ ฉันลุยคนเดียวได้ ฉันก็ห่วงแกนะโว้ย”
“ขอบใจที่ห่วงฉัน ขอบคุณนะพี่แต่ฉันไม่หยุด คดีเสี่ยก้อง มันท้าทายมาก ฉันจะเป็นสายสืบกับพวกพี่แต่ว่า แนะนำตัวหน่อยจะเสียหายมั้ยคะ”
นอกจากไม่ทำตามคำเตือนของเพื่อน ปิ่นแก้วยังดื้อจะหาตัวคนร้ายร่วมกับสายสืบของทางราชการ เรื่องรถสามล้อถีบแวบเข้ามาในสมองแทนคดีฆาตกรรมก้องเกียรติ หล่อนสะบัดศีรษะ ทำไมจึงเห็นรถสามล้อแว้บ ๆ วับ ๆ
“เป็นอะไรไอ้ปิ่น เมารถเหรอ หันหน้ามองทางตรง ๆ เร็ว ๆ ถ้าจะอวกก็บอกนะโว้ย”
ชุมพลเห็นกิริยาแปลก ๆ ของเพื่อนรัก ปิ่นแก้วไม่เคยเมารถ หล่อนเป็นอะไร สะบัดศีรษะทำไม คำตอบของเพื่อนคือฟุบหน้าแน่นิ่งกับตักของเขา