บทที่ 12 นักข่าวสาวตัวร้าย
“พี่ ถ้าผมโทร.นัดหมอภัคคงไม่ยอมมา พี่ลองโทร.มั้ย น่าจะมานะถ้าพี่อยากกินส้มตำกับเธอ”
“สนใจละสิ ก็ได้ ฉันเอามาให้แกก็ได้”
“พูดอะไร น่าเกลียดจังเลย ก็ดีนะพี่แต่พี่ไม่หวงแน่นะ หมอภัคน่ารักมาก รักพี่มากด้วย”
“ภัคจีราคือเพื่อนฉัน โอ.เค.เข้าใจตามนี้”
“ไม่มีวันเปลี่ยนเลยเหรอพี่”
“ไม่มี ถ้าแกจะจีบก็เร่งหน่อย หมวดสิชก็มอง ๆ อยู่”
พีรวัสกระซิบขณะสรสิชเดินขึ้นบันไดสถานีตำรวจมา วีรชนเพียงยิ้มตอบเท่านั้น เขารู้ใจภัคจีรา หล่อนชอบพีรวัสไม่เปลี่ยนใจไปหาใครได้ในนาทีนี้และอาจจะตลอดไป เขาหรือสรสิชคงไม่มีสิทธิ์แต่เมื่อพีรวัสเชียร์ให้เขาจีบหล่อน เขาก็จะจีบ ไม่ใช่แค่ลองเท่านั้น เขาจะจีบจริง ๆ โดยไม่ให้หล่อนรู้ตัวว่าเขาแอบรักหล่อน แอบรักผู้หญิงอายุมากกว่า เขารักที่ตัวหล่อนไม่ใช่รักอายุ
“สารวัตรครับ เย็นนี้เสี่ยอำนาจจรัสเชิญไปทานข้าวที่บ้านเสี่ย ไปนะครับ”
สรสิชทำตามคำสั่งของอำนาจจรัส ทุกงานเขาเป็นแขกประจำของอำนาจจรัส การเชิญสารวัตรพีรวัสไปทานอาหารครั้งนี้ ไม่ได้เชิญตามมารยาทหรือธรรมดาแต่มีนัยยะแฝงอยู่ด้วย หากอำนาจจรัสต้องการความช่วยเหลือจากตำรวจ นายตำรวจทุกนายถูกเชิญไปทานอาหารที่บ้านของเขาและก่อนกลับมีกระเช้าผลไม้ติดมือกลับไปทุกราย ในกระเช้ามีซองสีแดงบรรจุด้วยธนบัตรใบละ 1 พันบาทแน่นซอง
หากงานที่ขอให้ช่วยสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ซองในกระเช้าผลไม้ก็จะใหญ่กว่าเดิม สรสิชได้รับกระเช้าหลายครั้ง การรับอาสามาเชิญสารวัตรพีรวัสจึงเป็นการมาเชิญด้วยความเต็มใจ
“ผมมีนัดแล้ว ฝากขอบคุณเสี่ยอำนาจจรัสด้วยนะ เออ.หมวดไปแทนผมก็ได้นี่ จะได้ไม่เตรียมกับข้าวไว้เก้อ นะ...”
“หมวดสิชไปทานบ่อย ๆ ไม่ต้องเชิญหรือไปแทนสารวัตร หมวดก็ไปอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ”
วีรชนพูดเหมือนรู้ทันเพื่อนร่วมงาน สรสิชยิ้มรับ
“ใช่ ผมไปบ่อย ก็พวกหมวดมัวแต่ไปกินส้มตำนี่ครับ วันนี้ไปกินที่ไหน ตลาดเหรอครับ ผมไปด้วยคนได้มั้ย”
“ได้สิครับ แต่หมวดไม่ชอบปลาร้านี่นะ ผมว่าไปกินข้าวขาหมูร้านหมวยเล็กดีกว่า ป่านนี้รอแล้วมั้ง” วีรชนขัดพร้อมกับยิ้มและทำเหมือนรู้ใจสรสิช
“หมวดวี รู้ใจคนอื่นจังนะแต่ผมไม่ชอบข้าวขาหมู”
สรสิชเป็นฝ่ายเดินผละจากสองหนุ่มซึ่งกำลังออกจากที่ทำงานไปตลาดตามนัด การทานส้มตำปูปลาร้า ลาบหรืออีกหลายเมนูนั้น ไม่เพียงนัดรวมเพื่อนทานให้หายหิวแต่ครั้งนี้ผู้กองอัศนี มีบางอย่างรายงานสารวัตรพีรวัส
โต๊ะสามหนุ่มขายเครื่องปั่นผลไม้สั่งอาหารเต็มโต๊ะ พวกเขาทานกันอย่างเอร็ดอร่อย โต๊ะข้างกันได้แต่นั่งจ้องอาหารเพราะรอหญิงสาวคนสำคัญมาถึง
“มาแล้วค่ะสารวัตร หิวจังเลย กินก่อนนะ”
ปิ่นแก้ววางกระเป๋ากล้องกับเป้ผ้า หล่อนมาถึงทีหลังชุมพล วีรชนบอกหล่อนทางโทรศัพท์แค่นัดทานอาหาร หล่อนไม่เชื่อเพื่อน มีบางอย่างทำให้หล่อนสงสัย ชายหนุ่ม 3 คนนั่งเก้าอี้ติดกับเก้าอี้พีรวัสและวีรชน หล่อนสังเกตก่อนเข้ามาในร้าน ผู้ชายเสื้อสีดำวางแผ่นกระดาษกับเก้าอี้ข้างก้นตัวเอง พีรวัสเลื่อนมือหยิบโดยไม่มีพิรุธแต่หล่อนเห็น ผู้ชายทั้งสามไม่ใช่คนขายเครื่องปั่นผลไม้อย่างเดียวแน่ ๆ
“มาช้ายังคิดจะกินก่อนคนอื่นรึไงคุณปิ่นแก้ว นักข่าวสายอาญกรรมคนเก่งเป็นรุ่นน้องคุณชุมพลด้วยนี่ ใช่มั้ยครับคุณพล”
พีรวัสเอ่ยชื่อปิ่นแก้วและตำแหน่งงานของหล่อน เสียงเน้นเหมือนบอกกับใครให้ได้ยิน สามหนุ่มโต๊ะติดกันพยักหน้ากับจานส้มตำ ปิ่นแก้วสูดลมหายใจอย่างเข้าใจแล้วเอ่ยขึ้น
“ใช่ มีอะไรมั้ยศาลาวัด มาสายเพราะมีข่าวใหม่มาบอก ไม่เอาก็ไม่ว่านะ”
“ข่าวอะไรของแกวะปิ่น ฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”
ชุมพลตามความคิดของเพื่อนไม่ทัน เขากับหล่อนทำงานเหมือนกัน ถ้าหล่อนรู้ เขาก็ต้องรู้แต่อยู่ ๆ หล่อนพูดทำนองรู้ข่าวอะไรมาและข่าวนั้นสำคัญมากสำหรับตำรวจด้วย
แผนง่าย ๆ ของปิ่นแก้วแต่ได้ผลจนหล่อนต้องยิ้มกว้าง ชายหนุ่มโต๊ะข้าง ๆ ทั้ง 3 คนชำเลืองมองหล่อนพร้อมกัน วีรชนสบตาสารวัตรขณะที่ชุมพลจ้องมองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ ปิ่นแก้วกำลังจะทำอะไร
“ไม่มีข่าวอะไรหรอก แกล้งตำรวจเล่นแค่นั้นเอง แหม.พอบอกว่ามีข่าวใหม่ข่าวใหญ่แค่นี้ หูผึ่งตาม ๆ กันเลยนะคะคุณตำรวจ” ปิ่นแก้วลอยหน้าพูดและชำเลืองหางตาไปโต๊ะข้างเคียง
“ไอ้ปิ่น แกเล่นมากเกินไปแล้วนะ รีบกิน มีอะไรก็พูดมา”
วีรชนอยากเขกศีรษะเพื่อนสักโป๊ก สายสืบ 3 คนก้มหน้าทานอาหาร ทำเหมือนไม่ได้ยินการสนทนาแบบเพื่อนรักของวีรชนกับปิ่นแก้ว
“ที่เรียกมากินส้มตำเนี่ย มีอะไรจะให้ทำละสิสารวัตร บอกมาเลย ไม่มีเวลาให้มากนักนะเพราะจะไปทำข่าวบ้านเสี่ยก้อง เมื่อคืนมีโจรบุกชิงตัวคุณกนกพร”
“ใครบอกแก” ชุมพลไม่เชื่อคำพูดของเพื่อน ปิ่นแก้วแกล้งสารวัตรทำไมเขาจะไม่รู้
“มีคนส่งข่าวเมื่อกี้ ถามว่าเป็นใครก็ไม่บอก บอกแค่ว่าเป็นเรื่องจริง คนในบ้านปิดข่าว คุณกนกพรสั่งลูกน้องตามล่าโจรพวกนั้น จริงหรือไม่จริง ฉันต้องไปพิสูจน์”
“ไปไม่ได้” พีรวัสห้ามทันที ข่าวนี้จริงหรือไม่จริงไม่มีใครรู้ ปิ่นแก้วอยากได้ข่าวจนลืมระวังตัว สายตาของเขาปรามหล่อนพร้อมคำสั่งห้วน
“เกี่ยวอะไรกับสารวัตรด้วยล่ะ ฉันนักข่าว ไม่ใช่ลูกน้องสารวัตรนะคะขอบอก ไอ้พล ถ้าแกจะไปกับฉันก็ตามมา ถ้าไม่ไปก็นั่งกินส้มตำต่อไปนะเพื่อน ฉันไปละ”
สารวัตรพีรวัสดีดนิ้วเสียงดัง ชายสามคนลุกจากโต๊ะก้าวเข้ามาประชิดตัวปิ่นแก้ว หล่อนเงยหน้ามองคนยืนใกล้หล่อนที่สุด
“มีอะไรคะพี่ จะกินส้มตำด้วยกันเหรอคะ นั่งเลยค่ะ แหม.ทำเก๊กนั่งคนละโต๊ะ ย้ายมานั่งรวมกันตั้งแต่แรกซะก็หมดเรื่อง” หล่อนพูดเหน็บแนมทุกคน