๖ จากกันแสนไกล (๒)
เขาจึงตอบได้เต็มปากเต็มคำว่าคนที่จะมาเป็นแฟนตน ห่างไกลจากไรลินยามาก...
“นี่! คุณว่าฉันไม่สวยเหรอ” โวยวายอย่างเจ็บปวด เอาความโมโหกลบเกลื่อนความเศร้าในดวงตา คำพูดของธีมาทิ่มแทงใจหล่อน เพราะรู้ว่าเขาตอบความจริงไม่ได้หลอก
“ฉันไม่ได้บอกแบบนั้นสักคำ ฉันแค่พูดว่าเธอไม่ได้ตรงกับไทป์ที่ฉันชอบ ถ้ามองจากภายนอกฉันก็คงไม่ได้ชอบเธอ” ใจที่เคยดิ่งกลับมีความหวังอีกครั้ง หล่อนหันมาถามเขาทันทีแล้ว
“แล้วภายในล่ะ...” ท่าทางของหญิงสาวเดาได้ไม่ยากนัก
เขาพอจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอย่างไรกับตน แต่เพราะไม่ได้คิดกับเธอไปมากกว่าหลานสาวอีกคนของคุณย่า จึงค่อนข้างไว้ตัวเว้นระยะห่างชัดเจน ตอนนี้สิ่งที่เขาควรโฟกัสคืองานที่ไม่เข้ารูปเข้ารอย และความร้าวฉานภายในบ้านซึ่งนับวันจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ชายหนุ่มนิ่งคิดสักครู่ เหมือนกำลังล้อเล่นกับหัวใจของคนตัวเล็ก
“ก็ไม่ชอบอยู่ดี” หงอยลงอย่างเห็นได้ชัด
ไรลินยาถึงกับพูดไม่ออกเพราะเหมือนโดนปฏิเสธทางอ้อม หล่อนเม้มปากแน่นก่อนใบหน้าจะแดงก่ำด้วยความโกรธ ตอกกลับเขาทันทีเท่าที่สมองจะคิดได้
“คนอย่างคุณฉันก็ไม่เอาเหมือนกันนั่นแหละ ผู้ชายอะไรปากจัดแถมยังชอบคิดไปเองอีก ฉันก็ไม่ได้ชอบคุณเหมือนกัน ไม่ถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอเลย มาคุยด้วยก็เพราะเป็นหลานคุณย่าเท่านั้นแหละ ถ้าไปข้างนอกหางตาฉันก็ไม่มองคุณด้วยซ้ำ”
พูดยาวด้วยอารมณ์โกรธ หล่อนหายใจแทบไม่ทันก่อนจะยกมือขึ้นมาพัดหน้าให้หายร้อน ไม่รู้ทำไมอกมันเหมือนจะระเบิดเสียให้ได้ แสบที่ตาเหมือนน้ำตามันจะไหลแต่ก็พยายามกล่อมตัวเองไม่ให้ร้องไห้
“ขับรถให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง แอร์เปิดแรงกว่านี้หน่อยสิมันร้อนไม่เห็นเหรอ” ธีมายอมให้หล่อนโวยวายจนถึงบ้านโดยไม่โต้ตอบสักคำ กลัวว่าจะทำให้เรื่องยิ่งบานปลายมากกว่าเดิม และเขาไม่รู้วิธีรับมือกับอารมณ์ของผู้หญิงมากนัก
ไรลินยาไม่อยากเก็บคำพูดของเขามาเป็นอารมณ์ เมื่อถึงหน้าบ้านก็สะพายกระเป๋าแล้วลงจากรถทันทีไม่หันไปขอบคุณสักคำ ใบหน้าหวานงอง้ำจนคนบนรถต้องรีบเปิดประตูแล้วเรียกเพื่อรั้งหล่อนเอาไว้ก่อน
“เธอจะไปนิวยอร์กวันไหน” ร่างบางชะงักฝีเท้าแล้วเหลียวกลับมามองเขาตาขวาง หล่อนยังไม่หายอารมณ์ร้อนและคิดว่าถ้าเข้าบ้านคงต้องตัดหญ้าเป็นการระบายอารมณ์แน่
“ถามทำไม” พูดเสียงห้วน เธอพร้อมจะมีเรื่องกับเขาทุกเมื่อ แต่เป็นธีมาที่ไม่ใส่ใจและพยายามทำให้เธอเย็นลง
“ฉันมีของจะให้” เพียงเท่านั้นใจที่เคยร้อนรุ่มก็ถูกน้ำมอดจนดับ หญิงสาวค่อยหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้าคนอายุมากกว่า ใจเต้นไม่เป็นจังหวะเพราะอยากรู้ว่าเขาจะให้ของอะไรแก่ตร
ถือเป็นของไว้ดูต่างหน้าเผื่อคิดถึงหรือเปล่า
“วันศุกร์หน้าก็บินแล้ว” ระยะเวลาค่อนข้างกระชั้นชิดเพราะคุณป้าเร่ง ท่านเตรียมทุกอย่างไว้ให้หลานสาวหมดแล้ว แถมยังบอกว่าจะให้อิสระแก่เธอเต็มที่อีกต่างหาก
แต่ไรลินยาไม่ค่อยอยากจะเชื่อหรอก ก่อนไปคุณป้าก็ต้องหว่านล้อมแบบนี้แหละ พอไปถึงเหมือนตกนรกของจริงน่ะสิ
ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเลือกกลับไปนั่งประจำที่แล้วขับรถกลับบ้านของตน ปล่อยหล่อนมองตามอย่างไม่เข้าใจ บอกจะให้ของแต่ทำไมไม่ให้อะไรเลย แถมยังขับออกไปไม่บอกลาอีก
สะบัดหน้าแล้วย่ำเท้าเข้าบ้าน ทำไมเธอไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ของเขาได้เลย เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายคนอะไรอารมณ์แปรปรวนจริงๆ
ก่อนไปต่างประเทศวันมะรืนเธอก็มากินข้าวเย็นที่บ้านของคุณดารากาน แทบจะเรียกว่าเลี้ยงส่งก็ไม่ผิดนักเมื่อแม่ครัวทำอาหารขึ้นโต๊ะเยอะจนเกือบไม่มีที่วาง ทั้งยังชวนหลานชายคนโปรดอย่างธีมา และพิณพรมาร่วมงานด้วยอีกต่างหาก
ส่วนพิชญะที่อยากมาใจจะขาดก็ยังหัวหมุนอยู่โต๊ะทำงานเพราะคนสั่งคือรองประธานบริษัท อยากนั่งตำแหน่งใหญ่โดยความสามารถไม่ถึง ต้องเจอรับน้องอย่างหนักจนอยากถอนตัวอยู่ทุกวัน ถ้าไม่ติดที่มารดาดันหลังคงเลือกออกจากบริษัทแล้ว
“ยินดีด้วยนะคะพี่ลิน” เจอหน้าก็มอบของขวัญให้ทันที แม่ไม่อยากให้สุงสิงกับคนบ้านพิชาญเมธเท่าไหร่ แต่หล่อนก็ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะเสียหายตรงไหน
แล้วที่สำคัญเธอก็แอบชอบหมื่นฟ้า...คงทำตามคำสั่งของแม่ไม่ได้
“ขอบคุณนะเพลง หือ มีสองอันเลยเหรอ” รับมาดูพบว่ามีอีกกล่องซ่อนไว้ แต่มันเป็นกล่องขนาดเล็กกว่าของเธอ เงยหน้ามองรุ่นน้องที่อายุน้อยกว่าตนสองปี แต่ได้ข่าวว่ากำลังสอบเทียบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งไม่ใช่ความต้องการของเจ้าตัว ทุกอย่างเป็นมารดาจัดแจงให้หมดทั้งสิ้น
“อีกอันเพลงฝากให้พี่ฟ้าหน่อยนะคะ” ขยับเท้าเข้ามาใกล้แล้วเขย่งปลายเท้าเพื่อกระซิบข้างหูไรลินยา เพราะตัวเล็กกว่าจึงต้องยืดกายให้สูงกว่าเดิม เธอนึกอิจฉารูปร่างหน้าตาของพี่สาวบ้านใกล้เรือนเคียงคนนี้
เป็นที่รู้จักและนิยมชมชอบของทุกชั้นเรียน เสียแต่ว่ามีข่าวไม่ดีค่อนข้างมากจนไม่ค่อยมีใครกล้าเข้ามาทำความรู้จัก เห็นมีแต่เพื่อนกลุ่มเดิมที่เล่นด้วยกันมาตลอด
“หืม...โอเคจ้า เดี๋ยวพี่วางไว้ที่ห้องพี่ฟ้าแล้วกำชับไม่ให้ใครยุ่ง” หรี่ตามองอย่างล้อเลียนแล้วยอมพยักหน้าตกลง พอจะรู้ตัวอีกฝ่ายไม่ค่อยอยากให้คนทราบ แม่ของพิณพรใจดีซะเมื่อไหร่ หล่อนนึกว่าแม่มดกลายร่างเสียอีก
ยิ่งตอนที่เห็นคุณรุ่งวิภาไปอาละวาดอยู่โรงเรียนเพราะให้คะแนนสอบบุตรสาวผิด แถมยังเป็นหัวหน้าผู้ปกครองคอยเรียกร้องเรื่องต่างๆ ดันลูกสุดกำลังจนพิณพรแทบไม่เป็นตัวเอง คนนอกอย่างหล่อนมองแล้วก็นึกสงสาร
อย่างวันนี้ถ้าไม่ได้ธีมาเป็นคนเอ่ยปากชวน ก็ไม่มีทางที่จะได้มากินข้าวเย็นด้วยกัน
“ขอบคุณค่ะ” ฉีกยิ้มกว้างอย่างน่ารัก ขนาดผู้หญิงด้วยกันเองยังมองว่าน่าเอ็นดูเลย เธอไม่เข้าใจทำไมหมื่นฟ้าถึงชอบเมินน้องสาวคนนี้นัก
แต่ก็แอบเข้าใจเหมือนกันเพราะใครจะอยากเป็นเขยที่มีแม่ยายจับผิดทุกเวลา แค่เดินช้าหรือหายใจผิดจังหวะก็มองตาขวางแล้ว
“มากินข้าวกันลูก ย่าเตรียมไว้เยอะเลย” สองสาวจึงรีบเดินมานั่งเก้าอี้ประจำของตน พิณพรเลือกนั่งข้างพี่ชายต่างมารดา ถึงจะยังไม่สนิทกันมากนักแต่ก็รู้ว่าเขาสามารถปกป้องตนเองได้ ด้วยการต่อกรกับมารดาของเธอตั้งแต่วันแรกที่เข้าไปอยู่ในบ้าน
รู้ว่าเป็นการเลี้ยงส่งแต่ไม่คิดว่าคุณย่าจะจัดเต็ม นอกจากอาหารจะน่ารับประทาน วัตถุดิบบางชิ้นยังแกะสลักอีกต่างหาก หล่อนเคยเรียนจากท่านแต่ไม่สามารถทำได้ งานแม่ศรีเรือนห่างไกลจากไรลินยาพอสมควร
ดวงตากลมเหลือบมองคนที่นั่งตรงข้าม เธอจะได้เจอเขาเป็นวันสุดท้ายก่อนไปเรียนต่อ ใจหายเหมือนกันเพราะเริ่มชอบชายหนุ่มมากขึ้นทุกวัน
แต่ไม่แน่หรอก...ถ้าไปเรียนต่ออีกสี่ถึงห้าปี เธออาจจะลืมเขาไปแล้วก็ได้
“เราน่ะกินเยอะๆ ไม่ต้องกลัวอ้วน แค่นี้ก็ผอมจนจะปลิวลมแล้ว” คุณดารากานตักอาหารให้หลานคนโปรด เธอมองแล้วโอดครวญทันที
“โธ่คุณย่าคะ ไม่อ้วนอะไรคะไขมันเยอะจะตาย ถ้ากินหมดนี่ลินต้องวิ่งรอบหมู่บ้านประมาณยี่สิบรอบแน่เลย แต่ลินจะกินให้ได้มากที่สุดนะคะ” ท่านส่ายศีรษะให้ความรักสุขภาพเกินเหตุของหลานสาว มีอย่างที่ไหนกินอย่างกับแมวดมแล้ววิ่งเอาเป็นเอาตายเหมือนจะไปแข่งโอลิมปิก
พอคิดว่าวันมะรืนหลานที่เห็นหน้าทุกวันก็ต้องจากไปไกลทำให้ท่านใจหาย พยายามคุยกับไรวินทร์ถึงเรื่องนี้ แต่ก็พอทราบเหตุผลที่ต้องส่งบุตรสาวไปอยู่ไกลบ้าน
ธุรกิจถึงทางตันและบางทีอาจจะต้องขายกิจการ ไม่อยากให้ลูกสาวเพียงคนเดียวเห็นถึงจุดตกต่ำของตน ทั้งพี่สาวยังยื่นมือเข้ามาช่วยเรื่องเรียนของไรลินยาจึงตอบรับทันที ไม่อยากเป็นสาเหตุหนึ่งที่พรากรอยยิ้มสดใสไปจากลูก
“เตรียมของครบหมดแล้วเหรอ” ตักอาหารให้ไรลินยา จนพิณพรที่แอบมองรู้สึกน้อยใจ ท่านไม่เคยทำกับตนแบบนี้สักครั้ง บางทีก็นึกอิจฉาพี่สาวคนสวย เพราะเป็นที่รักของคนทั่วไป ไม่ถูกเมินเฉยเหมือนหล่อน
แต่ความน้อยใจก็ถูกแทนที่ด้วยความซาบซึ้ง เมื่อพี่ชายที่นั่งข้างกันตักอาหารมาใส่จานให้อย่างเงียบเชียบ นึกไม่ถึงว่าธีมาจะมีมุมอ่อนโยนกับเขาเหมือนกัน หล่อนจึงค้อมศีรษะเป็นการขอบคุณแล้วลงมือกินข้าวเย็น
“ครบแล้วค่ะ” ตอบเสียงอ่อน
“ช่วงปิดเทอมจะไม่กลับมาเยี่ยมบ้านหรือไง” เคยพูดเรื่องกลับมาไทยแต่บิดาบอกว่าอยากให้มาครั้งเดียว หรือถ้าท่านคิดถึงอาจจะบินไปหาบ้าง
เหมือนปิดกั้นการกลับไทยของหล่อน...
“ต้องดูก่อนว่าคุณป้าจะอนุญาตให้กลับหรือเปล่า ท่านชอบหากิจกรรมสันทนาการให้ลินค่ะ” คุณป้าเคยให้หลานอยู่เงียบๆ เสียเมื่อไหร่ มีงานสังคมอะไรก็พาไปออก หรือชวนไปปีนผา ทำกิจกรรมน่าตื่นเต้นซึ่งต้องอยู่ในความดูแลของท่าน
เลิกฝันการไปกับเพื่อนเป็นหมู่คณะได้เลย แต่ไม่แน่หรอกถ้าเพื่อผ่านการอนุมัติว่าคบหาได้ คุณป้าอาจจะอนุญาตหล่อนก็เป็นได้
“คิดถึงริยาเหมือนกันนะ ไม่ได้เจอตั้งนานแล้ว” นึกถึงลูกสาวคนโตของเพื่อนสนิทที่ล่วงลับไปนาน รริยาแต่งงานกับหนุ่มต่างชาติแล้วบินไปใช้ชีวิตที่นั่นเป็นการถาวร นานทีถึงจะกลับบ้านสักครั้ง นึกแล้วก็คิดถึงตอนเป็นเด็กที่เล่นกันเป็นกลุ่มก้อน
ไม่น่าเชื่อว่าโตมาจะแยกย้ายกันไปมีชีวิตของตนเอง โดยที่ท่านยังคงจมอยู่กับอดีตอันแสนหวาน ถึงความจริงมันจะขมแค่ไหนก็ตาม
“งั้นคุณย่าบินไปด้วยกันไหมคะ ไปสักสองสามเดือนค่อยกลับไทย” เริ่มอ้อนอีกครั้งแต่ก็ต้องได้รับการปฏิเสธ
“ย่าแก่แล้วขึ้นเครื่องไม่ได้หรอก ถ้าเราคิดถึงย่าก็ค่อยวีดิโอคอลมา ธีมสอนย่าด้วยนะ” หลานชายที่รับประทานอาหารเงียบๆ ก็ตอบรับเสียงเรียบ
“ครับ”
ไรลินยามองเขาครู่หนึ่งแล้วนิ่งคิด จำได้ว่าอีกฝ่ายเคยบอกมีของขวัญจะให้ แต่ผ่านมาหลายวันหล่อนยังไม่ได้อะไรจากธีมาสักชิ้น
หรือมันจะเป็นแค่คำโกหกกันนะ แล้วชายหนุ่มจะโกหกเพื่ออะไรกัน...
“คุณย่าไม่มีของขวัญให้ลินเหรอคะ” คำว่าของขวัญคงย้ำเตือนใจบางคนได้บ้าง หล่อนเหลือบมองคนตรงหน้าที่ยังคงมีสีหน้าราบเรียบก็นึกขัดใจ หรืออีกฝ่ายจะลืมสิ่งที่เคยพูดไว้ เธอกอุตส่าห์รอของขวัญจากเขาอยู่หลายวัน
“ย่าเตรียมเครื่องหอมไว้ให้เราแล้ว เอาไปด้วยจะได้คิดถึงบ้าน เผื่อไม่อยากกลับพอดมกลิ่นอาจจะอยากกลับบ้าน” ร่างบางรีบแก้ตัวทันทีเพราะตนไม่มีความคิดจะอยู่เมืองนอกเป็นการถาวรเหมือนคุณป้า
“ใครว่าลินไม่อยากกลับคะ ลินไม่อยากไปด้วยซ้ำ”
“ตอนนี้ก็พูดได้ ใครจะไปรู้อนาคตข้างหน้าล่ะ บางทีเราอาจจะไม่อยากกลับไทยก็ได้นะ” คนผ่านโลกมามากไม่คาดหวังกับสิ่งใด ชีวิตครอบครัวของบุตรชายที่ท่านเลือกให้หวังว่าจะมีเพียงความสงบสุข ใครจะคิดว่ามันกลับพังลงไม่เหลือชิ้นดี
หลานชายคนโตติดสอบห้อยตามมารดาไปอยู่ต่างประเทศ ท่านได้สะใภ้คนใหม่ที่ไม่ถูกชะตาจนต้องย้ายออกมาอยู่ลำพัง รอยร้าวที่เคยน้อยนิดกลับขยายใหญ่จนไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก
รับประทานอาหารอิ่มก็มานั่งคุยกับท่าน จนล่วงเลยเวลาไปมากพอสมควร เธอมองนาฬิกาก็ไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณดารากาน จำต้องบอกลาถึงไม่อยากจากก็ตาม
“ลินลานะคะคุณย่า” ประนบมือไหว้อย่างนอบน้อม คนสูงวัยดวงตาสั่นไหวแล้วกอดหลานสาวแน่น ถึงไม่อยากให้ไปแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้ จำต้องปล่อยไรลินยาให้เผชิญโลกกว้าง และหวังว่าหญิงสาวจะกลับมาไทยในเร็ววัน
“คุณพระรักษานะลูก อยู่ที่นู้นต้องดูแลตัวเองให้ดี ต่างบ้านต่างเมืองช่วงแรกก็คงต้องปรับตัวหน่อย แต่ย่าเชื่อว่าไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้หรอก ถ้าคิดถึงย่าก็โทรมาบ่อยๆ นะ ย่าจะรอสายจากเรา” ร่างบางปล่อยน้ำตาให้ไหลอย่างกลั้นไม่อยู่ กระชับกอดท่านแน่นเหมือนไม่อยากจากไปไกล
“ค่ะ ลินรักคุณย่านะคะ” ผละออกจากอ้อมกอดแล้วบอกรัก คุณย่าเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าหวาน บรรยากาศเศร้าจนพิณพรน้ำตาซึม ส่วนธีมานั่งเงียบไม่ไหวติง
ทั้งที่ความจริงก็แอบใจหายที่หล่อนจะไปต่างประเทศ ถึงเจอกันไม่กี่ครั้งก็รู้ว่าไรลินยาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ติดอย่างเดียวคือขี้โวยวายและเอาแต่ใจไปหน่อย แต่มันก็เป็นไปตามวัยเชื่อว่าถ้ากลับมาจากเมืองนอก หล่อนอาจจะสุขุม กลายเป็นผู้หญิงอีกคนเลยก็ได้
บอกลาคุณย่าก็พากันเดินมาหน้าบ้าน พิณพรโบกมือลารุ่นพี่ร่วมโรงเรียนด้วยรอยยิ้ม ไม่มีความบาดหมางเหมือนที่มารดาพยายามใส่ไฟอีกฝ่ายให้ลูกสาวจงเกลียดจงชัง เธอสามารถแยกแยะใครดีใครชั่วได้ด้วยตัวเอง
“โชคดีนะคะพี่ลิน” เธอยิ้มให้พิณพรแล้วกล่าวขอบคุณ อีกฝ่ายจึงเดินกลับบ้านปล่อยพี่ชายให้ตามหลัง ทว่าแขนหนาถูกคว้าไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวก่อน คุณจะไม่อวยพรฉันหน่อยเหรอ” ใบหน้าคมผินมามองหล่อน ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังมือเรียวที่จับแขนตนเอาไว้ ร่างบางรู้สึกตัวจึงยอมปล่อยเขาเป็นอิสระ
นิ่งคิดไปชั่วครู่ว่าควรอวยพรอะไรดี เขาไม่ถนัดในการอวยพรคนในครอบครัวเท่าไหร่ แล้วยิ่งเป็นหญิงสาวที่ไม่ค่อยพูดดีด้วย...มันก็ค่อนข้างยาก
“ตั้งใจเรียนล่ะ..ฉันเชื่อว่าเธอจะกลับมา” เว้นจังหวะแล้วพูดสิ่งที่ตนเองคิด ไรลินยาฉีกยิ้มเล็กน้อยแล้วรีบเม้มปากเมื่อคิดจะบอกความในใจของตน
มันยังไม่ถึงเวลา เธอไม่มั่นใจในตัวเองเพราะอายุเท่านี้ได้ไปเปิดโลกกว้างไม่แน่ว่าอาจมีคนเข้ามาหามากมาย จนทำให้ลืมเขาก็ได้
“คุณจะลืมฉันไหม” แต่หล่อนก็เชื่อใจตัวเองว่าจะไม่มีทางลืมธีมาอย่างแน่นอน
แต่เขาล่ะ...จะลืมเธอไหม
“ไม่”