๖ จากกันแสนไกล (๑)
๖
จากกันแสนไกล
เมื่อตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ก็ลุยอ่านหนังสือเพื่อสอบภาษาอย่างเต็มที่ วีซ่าเพิ่งผ่านวันก่อนเพื่อนต่างดีใจชวนมาเลี้ยงฉลอง ทั้งยังนัดกันใส่ชุดนิสิตเพราะถึงไรลินยาจะไม่ได้เรียนด้วยกัน แต่ก็ขึ้นชื่อว่าเคยเป็นว่าที่นิสิต
ร่างบางมองตนเองในชุดที่ใฝ่ฝันมาตลอด เสื้อขาวกระโปรงพลีทยาวเพียงเข่า รวบผมหางม้าใบหน้าแต่งแต้มเล็กน้อย สมวัยยิ่งกว่าใส่ชุดนักเรียนเสียอีก
“ถ้าแกไปอยู่นิวยอร์กต้องเลิศมากแน่เลย ใส่บีกินี่ไปอาบแดด เจอหนุ่มฝรั่งหน้าหล่อหุ่นปัง โอ๊ย แค่คิดก็อิจฉา” พวกเขาพากันนั่งอยู่หน้าคณะนิเทศศาสตร์แล้วซื้อไอศกรีมมานั่งกินอย่างเอร็ดอร่อย คนเดินผ่านไปมาก็เมียงมองบ้างเพราะแปลกใจที่ยังไม่เปิดเทอมแต่ทำไมมีคนใส่ชุดนิสิต
“งั้นแกสลับร่างกับฉันแล้วไปแทนไหม คุณป้าคงได้สกัดแกตั้งแต่หน้าบ้านถ้ารู้ว่าจะใส่บีกินี่ไปล่อผู้ชาย” ถามเพื่อนแล้วยิ้มขื่น แค่คิดว่าต้องโดนคุณป้าจำกัดการใช้ชีวิตก็ต้องถอนหายใจยาว
พยายามคิดว่าแค่สี่ปีผ่านไปไวจะตาย ถ้าเธอเรียนอย่างเดียวเงยหน้ามาอีกทีก็อาจจะจบปริญญาตรีก็ได้
เหมือนที่ธีมาเคยพูดให้ฟัง..
“พูดเรื่องคุณป้าของแกนี่เรื่องจริงเหรอ เป็นคนหัวโบราณในนครนิวยอร์กเนี่ยนะ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ แกมุสาหรือเปล่า” คนที่เจอมากับตัวต้องถอนหายใจอีกรอบ พูดจนปากเปียกปากแฉะเพื่อนไม่เชื่อกันเลยหรือไง
“เฮ้อ ฉันล่ะอยากให้แกไปรู้จักป้าฉันจริงๆ แล้วจะรู้ว่านรกของจริงเป็นยังไง”
“อยู่นิวยอร์กแต่เหมือนย้อนกลับไปสมัยอยุธยา ถ้าได้นั่งร้อยมาลัยหน่อยล่ะใช่เลย แค่คิดฉันก็เหมือนต้องเข้าคุกอีกสี่ปีเลยอ่ะ เฮ้อ ถ้าได้อยู่คนเดียวคงจะดีกว่านี้” ท้อที่ต้องอยู่กับคุณป้าอีกสี่ปี หรืออาจจะยาวกว่านั้นถ้าท่านอยากให้เธอทำงานที่นิวยอร์กแล้วค่อยกลับบ้าน
แต่คงไม่หรอก...เธอจะต้องหาทางกลับบ้านตัวเองให้ได้ เพราะนอกจากครอบครัวที่รอยังมีอีกคนที่คิดถึง
แน่นอนว่าเธอคิดถึงเขา อีกฝ่ายคงไม่คิดถึงกันหรอก
“ว่าแต่วันที่แกบิน พี่ฟ้าจะมาส่งไหม” ชื่อของพี่ชายถูกเอ่ยกลางวง ทำให้ทุกคนพุ่งความสนใจมาที่ไรลินยาเป็นตาเดียว ลุ้นกับคำตอบเป็นอย่างมากเพราะอยากเจอหนุ่มหล่อ
“ไม่อ่ะ เขาทำงานทั้งวันมาไม่ได้แต่ถ้าว่างอาจจะบินไปหาที่นิวยอร์ก ทำไมเหรอ พวกแกอยากเจอพี่ชายฉันหรือไง”
พอถามจบเพื่อนแต่ละคนก็ได้ทีในการระบายความอัดอั้นที่อยู่ในใจ หลายครั้งรบเร้าอยากไปเล่นที่บ้านพิชาญเมธก็เพื่อต้องการเจอหมื่นฟ้าเนี่ยแหละ
“ใครจะไม่อยากเจอ! นั่นพี่ฟ้าเลยนะ หนุ่มหล่อนัมเบอร์วันของโรงเรียนไม่มีใครมาล้มล้างได้” ถึงอายุจะห่างกันหลายปี แต่ชื่อเสียงเรื่องความหล่อของรุ่นพี่คนนี้ก็ยังโด่งดังไปทั่วโรงเรียน ยิ่งตอนมารับน้องสาวที่โรงเรียนทำเอาคนอื่นอิจฉาตาวาว
ไรลินยาเคยตกเป็นสะพานให้สาวมากหน้าหลายตาข้ามไปหาพี่ชาย เริ่มจากการมาตีสนิทเธอแล้วถามแต่เรื่องหมื่นฟ้าไม่หยุด พอเธอไม่ตอบหรือชวนคุยเรื่องอื่นก็เริ่มขอตัวแล้วไม่มาหาอีกเลย จะมีก็แต่เพื่อนในกลุ่มที่จริงใจต่อกัน ถึงจะแทะโลมพี่ชายเธอบ้างก็เถอะ
“พวกแกก็เวอร์ พี่ฟ้าหล่อขนาดนั้นเลยเหรอ” สำหรับหล่อนแล้วเขาก็หล่อ แต่ไม่คิดว่าหล่อถึงขั้นสาวหลงใหลเพ้อพก
ซึ่งความจริงแล้วยิ่งกว่านั้นอีก หมื่นฟ้าเป็นเหมือนแรงบันดาลใจให้รุ่นน้อง เรียนเก่ง กีฬาเด่น ดนตรีเลิศและยิ้มชวนละลาย แถมยังเป็นประธานนักเรียนที่ได้คะแนนเสียงท่วมท้น ชนะคู่แข่งแบบขนาดลอยอย่างไม่เคยมีใครทำได้
เป็นประวัติศาสตร์ของโรงเรียนก็ไม่ผิดนัก
“แกเป็นน้องสาว เห็นหน้าทุกวันก็อาจจะบอกว่าเฉยๆ แต่สำหรับพวกฉันที่เห็นแค่ไม่กี่นาทีต่อวันคือเขาหล่อมาก! หล่อจนอยากได้เป็นสามี หล่อจนอยากพาไปเขตเพื่อจดทะเบียนสมรส แกพร้อมเรียกฉันว่าพี่สะใภ้หรือยัง” หัวเราะร่วนเมื่อได้ยินอย่างนั้น เห็นเพื่อนจองตำแหน่งพี่สะใภ้ตั้งนานแต่ไม่สมหวังสักที
“จ้า ขอให้วันนั้นมาถึงโดยเร็วนะ” รับคำอวยพรแทบไม่ทัน
พวกเธอเดินเล่นและถ่ายรูปกลุ่มในมหาวิทยาลัยจนทั่ว แล้วค่อยบอกลากันแล้วโบกรถกลับบ้าน หญิงสาวเลือกนั่งรถไฟฟ้าเพราะจะได้ลงที่ทำงานของบิดาแล้วกลับบ้านพร้อมท่าน ถ้านั่งแท็กซี่มีหวังเสียเงินหลายบาทแน่ ประหยัดเอาไว้ดีกว่า
เดินมาลงหน้าโรงแรมแต่ยังไม่ทันได้เข้าไปก็เจอคนที่ทำให้ยิ้มได้ หญิงสาวรีบวิ่งไปดักหน้าเขาก่อนอีกฝ่ายจะขึ้นไปนั่งบนรถ เขาชะงักทันทีไม่คิดว่าจะเจอหล่อน
“มาทำอะไรที่บริษัทพ่อฉัน” ทักทายด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร แต่แววตาซุกซนก็ไม่อาจปิดบังได้ เขาจึงถอนหายใจก่อนเดินเลี่ยงหล่อนเพื่อจะมาขึ้นประจำตำแหน่งคนขับ
“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก”
ทว่าไรลินยาก็ไม่ปล่อยเขากลับบ้านโดยดี ยังคงวิ่งมาดักตรงประตูไม่ยอมให้ชายหนุ่มเปิด สีหน้าไม่ได้โกรธที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเด็ก แต่กลับยืดตัวตรงพร้อมปะทะฝีปากกับธีมาทุกเมื่อ
“คำก็เด็กสองคำก็เด็ก ไม่ดูหรือไงว่าตอนนี้ฉันโตแล้ว พ้นวัยผู้เยาว์แล้วด้วย” บอกกรายๆ ว่าตอนนี้หล่อนใช่เด็ก แถมยังโตพอจะมีความรักที่ลึกซึ้งอีกต่างหาก
ซึ่งแน่นอนว่าเขาคงไม่เข้าใจ...
“แต่ก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมาย” ผลักหล่อนให้พ้นทางแล้วเปิดประตูรถ ไรลินยารีบคว้าแขนหนาเอาไว้ทันทีไม่ยอมให้เขาไปไหน
“นี่จะเถียงให้ได้ทุกคำเลยใช่ไหม” ใบหน้าหวานงอง้ำ ไม่เคยสักครั้งที่ชายหนุ่มจะยอมลดราวาศอก ชอบเอาชนะเธอทุกที
“แล้วเธอล่ะ จะชวนทะเลาะทุกครั้งที่เจอหน้าเลยหรือไง” เหลือบมามองหล่อนครู่หนึ่ง และกำลังจะปลดมือเล็กออกจากแขนตน แต่เพราะเสียงสั่นเครือของหล่อนทำให้เขาชะงักการกระทำของตนเอง ค่อยหันไปมองใบหน้าหวานอย่างเต็มตา
“อีกไม่นานฉันก็จะไปเรียนที่อื่นแล้ว ช่วยพูดดีๆ กันสักครั้งไม่ได้เหรอ อย่างเช่น..ให้ฉันติดรถกลับบ้านด้วย” ก้มหน้ามองพื้นแสร้งทำเป็นเหมือนเศร้าเพื่อเรียกคะแนนสงสาร หญิงสาวรอสักพักไม่เห็นเขาตอบอะไรจึงเงยหน้า แล้วสบสายตาคมเข้าพอดี
“หึ เชิญ” ดูเหมือนร่างสูงจะรู้ทันแต่ไม่ถือสา เขายอมให้หล่อนขึ้นรถคันเดียวกันเพื่อส่งกลับบ้านพิชาญเมธ
พอเขาอนุญาตร่างบางก็รีบไปนั่งที่ข้างคนขับ ยิ้มกว้างเมื่อได้นั่งหน้ารถของชายหนุ่มอีกครั้ง ไม่ลืมเหลือบมองเขาที่ตั้งใจทำหน้าที่สารถีเป็นอย่างดี
ระหว่างทางไรลินยาเหลือบมองธีมาบ่อยมาก อยากถามว่าเขารู้สึกอย่างไรที่เห็นหล่อนใส่ชุดนักศึกษา แต่กลัวอีกฝ่ายจะตอกกลับมาเจ็บจนตนเองรับไม่ไหว จึงเลือกจะเก็บเงียบไม่เอ่ยอะไรสักคำ
มือเล็กกดโทรศัพท์เล่นจนเบื่อ อยากถามเขาใจจะขาดก็ไม่กล้า พอคิดถึงระยะเวลาที่จะไม่ได้เจอกันหล่อนก็ต้องสูดลมหายใจลึกเพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้ตนเองสักหน่อย
“คุณอายุเยอะแล้ว ไม่คิดจะมีแฟนเหรอ” ทำเหมือนไม่อยากรู้แต่ที่จริงหูแทบผึ่ง อยากฟังคำตอบจากเขามากว่าชายหนุ่มคิดอย่างไรกับการมีแฟน
“รู้ได้ไงว่าฉันอายุเยอะ ถ้า 29 ปีเรียกว่าอายุเยอะ เธอวางแผนจะเกษียณตอนอายุกี่ปีล่ะ ห้าสิบปีเหรอ”
ถึงกับถอนหายใจในความนอกเรื่อง เลี่ยงที่จะตอบโดยตรงของธีมา ท่าทางของเขาก็เหมือนคนไม่มีผู้หญิงในใจ หรืออาจจะมีแต่หล่อนไม่ทราบก็เป็นได้
“ไม่ได้หมายความอย่างนั้น เฮ้อ ฉันใช่คำผิดเองนั่นแหละ แล้วตกลงคุณไม่คิดจะมีแฟนเหรอ” พอถามจบก็รอฟังคำตอบอย่างใจจดจ่อ
“ไม่ ขี้เกียจหาเรื่องปวดหัว” แทบจะปรบมือดีใจกับความคิดของธีมา เป็นครั้งแรกที่หล่อนยิ้มออกตั้งแต่ก้าวขึ้นมานั่งบนรถยนต์
“ดี! เอ่อ ฉันหมายความว่าไม่มีก็ดีเหมือนกัน ฉันว่าการมีแฟนเนี่ยเป็นเหมือนเรื่องที่ไม่เหมาะกับคุณเท่าไหร่ โสดไปอีกสักห้าหกปีดีกว่า อย่าเพิ่งมีเลย”
อย่างน้อยก็รอให้เธอกลับมาจากเมืองนอกก่อน ถ้าถึงตอนนั้นเขายังไม่มีใครและใจหล่อนยังเหมือนเดิม ก็อยากขอลองจีบชายหนุ่มดูสักตั้ง
แต่ตอนนี้ก็คงเป็นได้เพียงพี่ชาย...ที่เธอคิดไม่ซื่อด้วย
“ทำไมฉันต้องโสดอีกแค่ห้าหกปีล่ะ” สงสัยกับตัวเลข เล่นเอาร่างบางหาเหตุผลแทบไม่ทัน ตอนพูดไปหล่อนก็ใช้ตัวเองเป็นเกณฑ์
“ไม่รู้ แค่ตีตัวเลขไปเฉยๆ น่ะ”
บนรถตกอยู่ความเงียบอีกครั้งไม่มีใครพูดอะไรอีก หล่อนกลัวว่าเขาจะล่วงรู้ความคิดของตน คนคิดไม่ซื่อก็มีชนักติดตัว แต่พอเหลือบมองเขาอีกครั้งไม่เห็นวี่แววร่างสูงจะถามในสิ่งที่กลัว จึงลอบกลืนน้ำลายลงคอแล้วเม้มปากแน่น ค่อยถามเรื่องที่อยากรู้มาตลอด
“แล้ว..คุณชอบผู้หญิงแบบไหน” ถามเหมือนเป็นเรื่องปกติ ไม่มีน้ำเสียงที่เป็นพิรุธ
ธีมานิ่งคิดไปพักหนึ่งเพราะเขาไม่ได้คิดเรื่องนี้นานแล้ว คบกับแฟนก็เนื่องจากในนิสัยใจคอ หรือคุยเข้าขากันได้ดี เรื่องหน้าตาสำหรับเขาไม่ใช่ความสำคัญ อย่างแฟนเก่าก็ไม่ได้สวยมาก จนหลายคนบอกไม่เหมาะสม
ทว่าเพราะชอบจึงคบได้หลายปีก่อนเลิกราเมื่อหมดรัก...
“ไม่มีไทป์ตายตัว แค่เข้ากันได้ก็พอมั้ง” หล่อนพยักหน้าเมื่อทราบอย่างนั้น ยากกว่าบอกความชอบชัดเจนอีก อย่างเธอเขาจะชอบหรือเปล่า
คุยกันทีไรเป็นต้องทะเลาะทุกที แถมตอนเจอหน้ากันครั้งแรกก็ไม่ได้เป็นความทรงจำที่น่าประทับใจเลย หล่อนถอนหายใจพลางพึมพำกับตัวเองเสียงเบา
“แล้วแบบฉันคุณชอบหรือเปล่า”
เพ่งความสนใจไปที่รถคันข้างหน้าจึงไม่ได้ยินสิ่งที่หล่อนเอ่ยเมื่อครู่ และไรลินยาก็ไม่ได้อยากให้เขาได้ยินด้วย
“หือ เมื่อกี้ว่ายังไงนะ” มือหนากำเข้าหากันแน่นเพื่อตัดสินใจว่าควรถามดีหรือไม่ มองร่างหนาหลายครั้งจนตัดสินใจขั้นเด็ดขาด
“ถ้าเทียบกับฉันล่ะ ไทป์คุณเป็นแบบฉันหรือเปล่า” หวังคำตอบไปในทิศทางบวก แต่เขาก็รีบตอบเหมือนไม่ได้คิดก่อนสักนิด ทำให้หล่อนค่อนข้างมีน้ำโหพอสมควร
“ห่างไกล ค่อนข้างที่จะห่างจากเธอพอสมควร”
เรื่องหน้าตาปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอสวย แต่ถ้าเรื่องความคิดความอ่านก็เรียกว่าค่อนข้างห่างไกลกันพอสมควร พวกเขาเข้ากันไม่ได้สักนิด หล่อนยังเป็นเด็กคิดแต่จะเล่นสนุก ถ้าคบกันก็คงไม่เกินเดือนต้องเลิกรา