บท
ตั้งค่า

๓ ดลให้มาพบกันทันใด (๑)

ดลให้มาพบกันทันใด

กลับมาถึงบ้านคุณหนูลินก็เดินเข้าห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดแล้วเลือกหยิบกรรไกรตัดหญ้าออกมา เธอนั่งลงที่สนามหญ้าข้างบ้านแล้วลงมือตัดหญ้าที่ขึ้นเพียงตาตุ่ม ดวงตากลมมองต้นหญ้าพวกนั้นเหมือนมันเป็นศัตรูแล้วตัดจนขาด

จากตอนแรกที่หญ้าขึ้นรกจนหล่อนจัดการไปกว่าครึ่ง ดวงตะวันลับขอบฟ้าและถึงเวลาอาหารเย็น ทว่าแม่บ้านทำได้เพียงมองอยู่ที่ประตูครัว ไม่มีใครกล้าเข้าไปหาเธอสักคน

เหมือนสนามหญ้าเป็นที่ระบายความโกรธของไรลินยา ทุกคนในบ้านเห็นจนชินตาเวลาหล่อนโมโหมักลงกับมันตลอด

“คุณหนูเป็นอะไร” ป้านงค์เดินมาหาคนที่กำลังยืนมองคุณหนูของตน แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปบอกให้เลิกตัดเพราะกลัวว่าอารมณ์ไม่คงที่ของอีกฝ่ายจะมาลงที่ตน

“ไม่รู้เหมือนกันป้า กลับมาก็ตัดหญ้าไม่หยุดเลย” ชะเง้อหน้าไปมองคนที่กำลังนั่งพึมพำกับตนเองขณะใช้กรรไกรทำความสะอาดสนามหญ้าจนเกลี้ยง

สงสัยงานนี้กำไรเป็นของคนสวยที่ไม่ต้องตัดหญ้า เพราะคุณหนูคนสวยจัดการให้หมดแล้ว

“คุณหนูคะ ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วนะคะ” แม่ครัวใหญ่เดินออกมาบอกร่างบางที่นั่งพูดไม่เป็นประโยคอยู่คนเดียว ใบหน้านวลแดงก่ำและเต็มไปด้วยเหงื่อ อากาศตอนเย็นค่อนข้างอบอ้าวไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะเหงื่อไหลเต็มกาย

ไรลินยาได้ยินแต่ยังไม่ได้ตอบอะไรกลับ เธอตัดหญ้าไปกว่าครึ่งเหลือเพียงอีกนิดเดียวสนามหญ้าก็จะสะอาด หลังจากนั้นกวาดเศษหญ้านำไปทิ้ง หน้าที่คนสวนชั่วคราวก็เสร็จเรียบร้อย

“เดี๋ยวไปกินค่ะ ขอระบายอารมณ์ก่อน” ตอบโดยไม่หันไปมอง ใช้กรรไกรตัดหญ้าเสียงดัง ยิ่งเห็นหน้าธีมาผุดขึ้นมาในหัวก็กัดฟันแน่นแล้วจัดการหญ้าตรงหน้าอย่างโกรธแค้น

ผู้ชายอะไรไม่ไว้หน้ากันเลย ไม่เคยมีใครพูดต่อหน้าว่าเกลียดหล่อนได้น่าโมโหเท่านี้มาก่อน

เธอคิดโดยไม่ไตร่ตรองสักนิดว่าทำไมจึงโกรธชายหนุ่มมากกว่าคนอื่น ทั้งที่มีคนไม่น้อยแสดงออกว่าไม่ชอบหล่อนอย่างโจ่งแจ้งกว่าธีมาเสียอีก

“ใครทำให้โมโหเหรอ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นทำให้มือขาวชะงักจากการตัดหญ้า หล่อนหันมามองก่อนจะพบร่างสูงที่ยืนส่งยิ้มอบอุ่นมาให้

จากที่เคยหน้าบึ้งกลับฉีกยิ้มกว้าง รีบวางอุปกรณ์ตัดหญ้าเอาไว้แล้ววิ่งเข้ามาหาพี่ชายของตน นานทีเขาจะกลับมาบ้านเพราะต้องไปใช้ทุนที่ต่างจังหวัด หล่อนเองก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมอีกฝ่ายเลือกไปต่างบ้านต่างเมือง

ทว่าหมื่นฟ้า พิชาญเมธกลับเลือกไปใช้ชีวิตตัวคนเดียวอยู่คลินิกทันตกรรมในจังหวัดอุบลราชธานี ไกลจากเมืองหลวงค่อนข้างมากจนหล่อนไม่ได้ไปหาเขาบ่อยนัก แล้วอีกฝ่ายก็ยุ่งกับการงานเพราะเพิ่งเริ่มเข้าทำงานที่นั่นได้ไม่กี่เดือน

“พี่ฟ้า! กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” กำลังจะกระโดดเข้ามากอดแต่คิดได้ว่าเนื้อตัวมีแต่เหงื่อและคราบสกปรกจึงหยุดยืนตรงหน้าแทน คนตัวสูงยิ้มกว้างยามเห็นหล่อนแล้วยกมือขึ้นปัดเศษหญ้าที่ติดผมออกให้อย่างแผ่วเบา

ไม่เจอหน้ากันหลายสัปดาห์ ความรู้สึกที่ว้าวุ่นค่อยสงบลงหน่อย

การตัดสินใจไปไกลหล่อนก็เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดกับน้องสาวไปไกลกว่านี้ เมื่อเธอมอบความไว้ใจให้เขา หมื่นฟ้าก็ไม่ควรทรยศหรือคิดเป็นอื่น

ถึงจะชอบหล่อนมากแค่ไหนก็ตาม...

“เมื่อกี้นี้แหละ แล้วก็รู้ว่ามีเด็กไม่ยอมกินข้าวเย็น เอาแต่ตัดหญ้าจนลุงเจนไม่ต้องทำงานแล้ว” กลับมาถึงบ้านก็เดินไปวางของในห้อง แล้วค่อยเดินมาหาร่างบางที่ไม่ยอมลุกไปไหน ทันได้ยินแม่บ้านเรียกหล่อนไปกินข้าวเย็นพอดี

“ดีจะตายไป ถือว่าลินช่วยคุณลุงไง” ยิ้มตามประสาเด็ก ยกมือขึ้นเช็ดหน้าแต่ลืมว่ามือไม่สะอาด คนเป็นพี่จึงจับมือหล่อนไว้ แล้วเช็ดเหงื่อออกจากหน้าใส

“ไหนมีเรื่องอะไร บอกพี่หน่อยสิ” คนในบ้านต่างรู้กันว่าถ้าเจอหล่อนมาตัดหญ้า แสดงว่ามีเรื่องโกรธหรือไม่สบายใจ ก็จะปล่อยหญิงสาวไว้อย่างนั้น รอสักพักเธอก็หายแล้วเข้ามากินข้าวตามปกติเหมือนไม่มีเรื่องอะไร

“ไม่มีอะไรหรอก แค่เจอคนพูดไม่เข้าหู” แค่คิดถึงก็โกรธจนต้องถอนหายใจเสียงดัง

ใช่ว่าเขาเกลียดเธอคนเดียวซะเมื่อไหร่ หล่อนเองก็ไม่ชอบอีกฝ่ายเหมือนกันนั่นแหละ ผู้ชายอะไรชอบเห็นหล่อนเป็นอากาศ

“แสดงว่าคนนั้นต้องสำคัญมากจนลินเอาเก็บมาเป็นอารมณ์เลยน่ะสิ” เย้าเล่นเพราะคิดว่าคนที่ทำให้โกรธคงเป็นเพื่อนนั่นแหละ

“สำคัญอะไรกันพี่ฟ้า เปล่าสักหน่อย” ปฏิเสธแล้วเดินเข้าบ้าน อย่างไรกต้องไปล้างมือและเนื้อตัวให้สะอาดเสียก่อน ตัดหญ้าตั้งแต่มาถึงบ้านจนฟ้ามืดเหนียวตัวจะแย่ ไหนจะเหม็นกลิ่นกายของตนเองอีก

“เพื่อนคนไหนทำให้โกรธล่ะ”

“ไม่ใช่เพื่อน แค่คนที่ผ่านมาแล้วผ่านไป” คิ้วหน้าขมวดเข้าหากันทันที ยามที่น้องหลบสายตาเริ่มเห็นเค้าลางความผิดปกติ

“ผู้ชายเหรอ” แววตาฉายความกังวล เขาไม่รู้คนที่ทำให้ไรลินยาโกรธจนต้องมาระบายกับสนามหญ้าจะเป็นเพศตรงข้าม ส่วนมากมักเป็นผู้หญิงที่เข้ามาหาเรื่องอย่างไม่มีสาเหตุมากกว่า

หมื่นฟ้ารับรู้ได้ถึงความอันตราย ที่หญิงสาวอาจจะมีใจให้ใครบางคน...

“อือ” ตอบรับเสียงเบา

พี่ชายที่แอบคิดไม่ซื่อทำหน้านิ่ง เขาทนมองไรลินยามีแฟนมาแล้วหนึ่งครั้ง พยายามข่มใจและย้ำเตือนว่าตนเป็นแค่พี่ชาย

ทว่าไม่อาจหลีกหนีความจริงพ้น สุดท้ายเขาก็ยังรักหล่อนอยู่ดี

“งั้นอย่าไปคิดเลย คนแบบนั้นไม่ควรเอามารกสมองหรอก ไปกินข้าวเป็นเพื่อนพี่ดีกว่า” ชายผู้นั้นเป็นใครไม่รู้ แต่หมื่นฟ้าไม่อยากให้ไรลินยาคิดถึงคนอื่นยามอยู่กับเขา โอบไหล่เล็กแล้วชวนไปรับประทานอาหารเย็น

“ไม่รอคุณพ่อก่อนเหรอ” ปกติมักรับประทานอาหารพร้อมกันเสมอ จึงต้องหันมาถามเพราะตอนนี้ก็ค่ำแล้วแต่บิดายังไม่กลับมาบ้านเลย สงสัยประชุมยาว

ช่วงนี้เห็นท่านเครียดกับงานเป็นพิเศษ ใบหน้าเคร่งขรึมเหมือนมีเรื่องให้คิดตลอดเวลา เธอถามก็ไม่ได้คำตอบเพราะท่านมักจะยิ้มให้แล้วบอกไม่มีอะไร

“พ่อบอกว่าจะกลับดึก ให้เรากินข้าวก่อนได้เลย” โทรหาท่านก็ได้ความตามที่บอกน้องสาว ชายหนุ่มรู้ว่าธุรกิจของบิดากำลังมีปัญหา แต่ไม่อาจช่วยอะไรได้เพราะไม่ถนัดสายงานธุรกิจ

เขาเลือกเรียนสายสุขภาพตามความชอบและถนัดของตน รู้สึกผิดกับผู้มีพระคุณแต่ท่านก็บอกให้เลือกในสิ่งที่ชอบ เพราะต้องอยู่กับอาชีพนั้นไปตลอดชีวิต ไม่ได้บังคับเพื่อให้สืบทอดธุรกิจ

หรือมันไม่ใช่ของเขาตั้งแต่แรก...

“เดี๋ยวลินไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนดีกว่า เหม็นตัวเองจะแย่” ผละจากคนเป็นพี่แล้วยกขึ้นดม กลิ่นไม่ไหวจนต้องส่ายศีรษะ

“อือ เดี๋ยวพี่ก็จะขึ้นไปเก็บของไว้ที่ห้องเหมือนกัน” พวกเขาแยกย้ายกันไปยังห้องนอนของตัวเอง ร่างบางใจเย็นกว่าเดิม เปิดน้ำอุ่นแช่อาบในอ่างพลางฮัมเพลงมีความสุข

ก่อนที่ใบหน้าธีมาจะโผล่เข้ามาในหัวจนต้องหยุดเสียงร้อง ชะงักนิ่งพลางส่ายหัวเพื่อไล่เขาออกไป ไม่รู้ทำไมต้องคิดถึงอีกฝ่ายจนสลัดอย่างไรก็ไม่หลุด

รักเหรอ...ไม่จริงหรอกน่า

ใครจะไปรักคนที่เกลียดตัวเองได้ล่ะ ไม่ใช่เด็ดขาด!

เธอต้องเกลียดเขาสิถึงจะถูก

เช้าวันต่อมาเป็นวันหยุดของครอบครัว หญิงสาวจึงตื่นตั้งแต่ฟ้าไม่ทันสางเพื่อไปใส่บาตรกับคุณย่า ตอนเป็นเด็กก็ใส่ทุกวัน พอโตขึ้นตื่นไม่ทันจึงขอคุณย่าใส่บาตรแค่วันพระ คุณดารากานจำต้องยอมให้หลานสาว

“ลิน! ลินทางนี้ มายืนข้างพี่ก็ได้” แต่เพียงแค่เดินมาหน้าบ้านก็เจอครอบครัวผกายฤทธิ์อยู่กันครบ ขาดก็แต่ธีมาและคุณลุงธิปก

ไม่รู้ว่าเป็นวันสำคัญอะไรทั้งพิชญะ ผกายฤทธิ์หรือน้องสาวพิณพร ผกายฤทธิ์และคนเป็นแม่อย่างรุ่งวิภา ผกายฤทธิ์ จึงได้พร้อมใจกันมาใส่บาตรที่หน้าบ้านของคุณดารากาน ทั้งที่ปกติไม่ย่างกรายเข้าใกล้สักนิด รู้ดีว่าท่านเกลียดสะใภ้คนนี้มากเพียงใด

แล้วยังหมายรวมถึงลูกติดของหล่อน และหลานสาวที่มีสายเลือดของลูกชายตนครึ่งหนึ่งด้วย เธอเองก็ไม่ทราบถึงสาเหตุ แต่พอจะเดาได้ลางๆ เพราะสะใภ้คนเก่าเป็นที่โปรดปรานมาก ทำให้สะใภ้ที่ท่านไม่ได้เลือกกลายเป็นที่ชัง

ร่างสูงโบกมือแล้วยิ้มกว้างเพื่อเรียกหล่อน ทำให้ไรลินยาทำหน้าไม่ถูก หันมองคุณย่าที่ใบหน้าเรียบเฉยก็ถอนหายใจเสียงเบา

เป็นการทำบุญที่น่าอึดอัดมาก

“สวัสดีค่ะคุณป้า” ยกมือไหว้คุณรุ่งวิภา แต่อีกฝ่ายทำเพียงพยักหน้ารับเหมือนไม่ต้องการสนทนาด้วยอย่างโจ่งแจ้ง เล่นเอาหญิงสาวหน้าม่านแล้วไม่กล้าพูดอะไรอีก

“อรุณสวัสดิ์นะ” พิชญะโน้มหน้าลงมากระซิบข้างหูหล่อน ทำให้ร่างบางต้องยิ้มรับอย่างเสียไม่ได้ จำต้องยืนข้างเขาเพราะที่อื่นไม่ว่างเลย คนแรกคือพิณพรที่ยืนข้างคุณรุ่งวิภา และคุณมีดารากานอยู่ตรงกลาง

“วันนี้วันเกิดยายเพลง รุ่งจะจัดวันเกิดเล็กๆ ที่บ้านให้ลูก..” ระหว่างที่รอพระก็หันมาคุยกับมารดาของสามี ที่ไม่ต้อนรับสะใภ้คนนี้

ท่านแสดงออกอย่างชัดเจนมาตลอดว่าถ้ามีรุ่งวิภาอยู่ในบ้าน ก็จะขอมาปลูกบ้านอยู่ที่อื่น ไม่ต้องการใช้อากาศหายใจร่วมกับหญิงหน้าด้าน ที่ลูกชายรักอย่างหน้ามืดตามัว เอาเข้ามาอยู่ในบ้านแล้วไล่แม่ของลูกอย่างณัชนิชออกไปอยู่ที่อื่น

ด้วยข้อหาว่าหญิงสาวคบชู้!

“นั่นเรียกว่าเล็กแล้วเหรอ” ดักคอเมื่อแม่บ้านบอกบ้านใหญ่จัดงานเลี้ยงใหญ่โต จ้างทีมออแกไนซ์มาออกแบบเป็นสัปดาห์

“โธ่คุณแม่คะ ก็ใช้โอกาสนี้คุยเรื่องธุรกิจด้วยไงคะ เขาเรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว รุ่งอยากให้คุณแม่ไปนะคะ” ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของอีกฝ่าย ขัดใจคุณดารากานจนท่านต้องรีบบอกปัด วันพระทั้งทีก็มีเรื่องให้อารมณ์ตั้งแต่เช้า

“อ้อ ฉันไม่ว่างหรอกจ้ะ ต้องไหว้พระสวดมนต์ ไม่สะดวกไปงานวันเกิดของใคร” นอกจากคุณรุ่งวิภาจะหน้าเสียแล้ว เจ้าของวันเกิดอย่างพิณพรก็พูดไม่ออกเช่นกัน หล่อนรู้ว่าคุณย่าไม่ชอบตัวเอง มาหาทีไรก็ไม่เคยได้รับการต้อนรับที่ดีเลยสักครั้ง

ไม่เหมือนหลานคนโปรดอย่างไรลินยา

“ลิน มายืนข้างย่าสิ” เห็นหลานคนโปรดไปยืนท้ายสุดก็รีบเรียก ท่านให้แม่บ้านจัดอาหารสำหรับใส่บาตรให้หลานสาวตั้งแต่เช้า

“ค่ะคุณย่า” ตอบรับพลางเดินมายืนข้างท่าน พิชญะไม่ได้พูดอะไรเพราะอย่างไรหล่อนก็ยืนข้างเขาอยู่ดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel