๒ พรหมลิขิตบันดาลชักพา (๑)
๒
พรหมลิขิตบันดาลชักพา
กลายเป็นหญิงสาวที่ตาค้างไม่เคลื่อนไหวไปจากใบหน้าคม หล่อนไม่คิดว่าคนที่เจออยู่คลับวันนั้นจะเป็นหลานชายของคุณย่าดารากาน ชายหนุ่มไม่เห็นมาเยี่ยมเยือนท่านเลยสักครั้ง เป็นลูกเต้าเหล่าใครก็ไม่รู้
ดูภายนอกแล้วถ้าไม่นับหน้าตาก็แทบไม่มีอะไรดีเลย นิสัยยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ มีอย่างที่ไหนเมินหล่อนทั้งที่เพิ่งเคยพบ ไม่อยากเชื่อเลยว่าตนจะถูกผู้ชายรังเกียจ คำพูดของเขาที่บอกว่าเธอเป็นหญิงขายบริการก็ทำให้โกรธมากกว่าเดิมอีก
ผละสายตาแล้วขยับเข้าหาคุณย่า กอดแขนท่านเอาไว้อย่างหวงแหนราวกลัวจะถูกแย่งความรัก
ร่างหนานั่งลงยังโซฟาเดี่ยวเยื้องกับคุณย่า ยกมือไหว้อย่างนอบน้อมเมินหญิงสาวที่นั่งข้างท่านเหมือนกับหล่อนเป็นเพียงอากาศ
“สวัสดีครับคุณย่า” ทักทายเสียงนอบน้อม ถึงไม่เจอท่านยี่สิบปีก็ไม่เคยลืมความอบอุ่นที่คุณดารากานมอบให้ได้เลย
ธีมา ผกายฤทธิ์ลูกชายคนโตของครอบครัว ต้องระเห็จออกจากประเทศบ้านเกิดพร้อมมารดา หลังท่านถูกตราหน้าว่าคบชู้จนไม่อาจทนอยู่ที่นี่ให้อับอายได้ พ่อยอมให้เขาไปอยู่กับแม่โดยไม่คัดค้านสักคำ เพราะมีหญิงคนใหม่และลูกชายคนใหม่เตรียมเก็บเสื้อผ้าย้ายเข้ามาในบ้านแล้ว
ความสัมพันธ์พ่อลูกขาดสะบั้น เหลือเพียงนามสกุลที่บ่งบอกว่าตนอยู่ในตระกูลใด เพราะคุณย่าได้ร้องขอเอาไว้ก่อนที่มารดาจะพาไปต่างประเทศ ขอให้หลานชายคนโตยังใช้นามสกุลเดิม
และท่านก็ยังติดต่อกับแม่เขาเสมอ ถึงจะไม่สามารถช่วยอะไรได้ ทว่าอุตส่าห์ส่งเงินมาให้เพื่อทำธุรกิจร้านอาหารราบรื่น
“กลับไทยนานแล้วทำไมเพิ่งมาหาย่า ไม่เข้ามาอยู่บ้านหรือไง” ใบหน้าคมยังคงเรียบเฉย ทว่าดวงตากลมสั่นไหวเมื่อได้ยินคำว่าบ้านที่ตนอยู่มาตั้งแต่เกิด
ทว่ากลับถูกใส่ร้ายอย่างไม่เป็นธรรมจนต้องออกมา หลังจากนั้นจึงไม่คิดว่าอาคารสองชั้นขนาดใหญ่เป็นบ้านของตนอีกเลย
แค่ได้มองมัน ภาพความทรงจำทุกอย่างในวัยเด็กก็ผุดขึ้น และทำให้หวนนึกถึงความหลังที่มีความสุขแต่สร้างรอยแผลใหญ่ไว้ให้ตน
“บ้านหลังนั้นไม่ใช่ของผม” ตอบเสียงเข้ม ไม่ยอมรับถึงความจริงที่เจ็บปวด คุณดารากานเห็นอย่างนั้นก็ถอนหายใจ ท่านรู้สึกผิดกับสองแม่ลูกที่ไม่อาจช่วยอะไรได้เลย
ลูกสะใภ้คนโปรดที่ตนเป็นผู้หามาให้ลูกชาย ปลายทางก็คือการเลิกราแล้วนำหญิงคนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้านแทน คนเป็นแม่ไม่อาจทนรับไหวถึงมาปลูกบ้านหลังให้อยู่ที่นี่
แม่จะอยู่หมู่บ้านเดียวกันแต่ก็ไม่ได้ไปมาหาสู่ ธิปกไม่ได้มาหาแม่ และท่านเองก็ไม่ต้องการเห็นหน้าลูกชาย หุ้นส่วนสูงสุดของบริษัทก็ยังเป็นชื่อคุณดารากาน
จนมันถูกเปลี่ยนมือเมื่อไม่นานมานี้...เป็นชื่อของหลานชายคนโตอย่างธีมา
“ของธีมนั่นแหละ ทั้งบ้านทั้งบริษัทเป็นของหลานหมดเลย” หญิงสาวเพียงคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องกับเขาเอาแต่นั่งมองสองย่าหลานด้วยความสับสน เธออยากถามแต่คิดว่าไม่ควร เดี๋ยวชายผู้นั้นจะมองว่าหล่อนไม่มีมารยาท
ไรลินยานั่งเงียบพลางกอดแขนคุณย่าอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย ให้รู้ไปเลยว่าคนที่เป็นหลานรักคือเธอต่างหาก แต่ดูเหมือนธีมาจะไม่สนใจเท่าไหร่
“ไม่เอาแล้วไม่พูดเรื่องเครียดดีกว่า เดี๋ยวย่าแนะนำน้องให้รู้จัก” รีบตัดบทเมื่อเห็นว่าเรื่องมันจะเครียดไปมากกว่านี้
หันมองหลานสาวหน้าคนสวยแล้วแอบอมยิ้ม ย้อนไปเมื่อไรลินยาเพิ่งเกิด ท่านเคยคิดอยากหมั้นหมายสองคนนี้ แต่พอผ่านโลกมามากก็เปลี่ยนความคิดใหม่
ความรักไม่สามารถบังคับกันได้ ถ้าไม่ได้เกิดจากความเต็มใจ บทสรุปของเรื่องก็จะเป็นเหมือนที่ผ่านมา
“นี่น้องลินลูกของอาวินที่อยู่ข้างบ้านไง ธีมจำน้องได้ไหม” ร่างหนาทำเพียงแค่ชำเลืองมองแล้วกลับมาสบตาคุณย่า ว่าที่นิสิตคณะบัญชีฯ เห็นอย่างนั้นก็เผยอปากค้าง ไม่คิดว่าเขาจะเสียมารยาทกับคนที่เพิ่งเจอมากขนาดนี้
หรือเป็นแค่กับเธอกันนะ
“จำไม่ได้ครับ” ตอบตามความจริง แล้วเธอเองก็จำเขาไม่ได้เช่นกัน พยายามมองหน้าแล้วนึกว่าเคยเจอที่ไหน ทว่าในหัวของไรลินยาไม่เคยรู้จักคนชื่อธีมเลย
“มันนานแล้วล่ะเนอะ ลิน นี่พี่ธีม” รำพึงกับตนเอง ตอนนั้นหลานชายแค่เก้าขวบส่วนหลานสาวยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ เป็นท่านเองที่ไม่ลืมเลือนเรื่องในอดีตสักที
“ค่ะ” เสียงแข็งจนคุณย่าหันมามอง หล่อนจึงส่งยิ้มแหยอย่างรู้สึกผิดเมื่อเห็นสายตาของท่านที่มองเหมือนตนกำลังทำผิด
“เอ่อ สวัสดีค่ะ” จำต้องยกมือขึ้นไหว้ตามมารยาท ชายหนุ่มเองก็รับไหว้ตามมารยาทเช่นกัน
“นำอาหารขึ้นโต๊ะเรียบร้อยแล้วค่ะคุณท่าน” แม่บ้านเข้ามาบอกทำให้ท่านต้องพยักหน้ารับ ค่อยหันมองหลานทั้งสองที่ทำหน้านิ่ง โดยเฉพาะหลานชายที่แทบไม่แสดงความรู้สึกออกทางใบหน้า ต่างจากครั้งเมื่อตอนยังเป็นเด็ก ธีมาร่าเริงสดใสและช่างพูด ไม่รู้โตมาอะไรหล่อหลอมให้กลายเป็นคนเงียบขรึมเช่นนี้
โครก
ไรลินยาแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี ไม่คิดว่าท้องจะมาร้องต่อหน้าผู้ชายที่แสนเกลียด แถมเขายังหันมามองพร้อมแสยะยิ้มราวสมเพชอีกต่างหาก
อาย อายจนไม่กล้ามองหน้าใครนอกจากก้มหน้านิ่ง
“ตายจริง เป็นสาวเป็นนางมาท้องร้องต่อหน้าผู้ชายได้ยังไงกัน” ท่านยิ้มเอ็นดูก่อนจะหยอกเย้า แต่กลับดูเหมือนซ้ำเติมความอับอายให้หลานสาวมากกว่าเดิมอีก ทั้งที่ไม่ได้มีเจตนาร้ายเลย
ริมฝีปากอวบอิ่มงอคว่ำ ไม่รู้ว่าควรโทษกระเพาะหรือสิ่งเร้าอื่นที่ทำให้หล่อนขายหน้า
“ก็ลินหิวนิคะ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้า เรารีบไปกินข้าวกันดีกว่าค่ะคุณย่า เดี๋ยวลินช่วยประคองนะคะ” บอกคุณย่าพลางช่วยประคองท่านให้ลุกยืน ปีนี้คุณดารากานก็อายุเข้าเลขแปดแล้ว สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนแต่ก่อน หล่อนได้เพียงภาวนาให้ท่านอยู่กับตนไปอีกนานแสนนาน
อย่าเพิ่งพรากคุณย่าอันเป็นที่รักไปจากหล่อนเลย...
“อะไรกันแม่คุณ ทำอย่างกับย่าไม่มีแรงจะเดินอย่างนั้นแหละ” ยิ้มขำแล้วค่อยลุกยืนเพื่อเดินไปยังห้องอาหาร ธีมาเห็นสบโอกาสเหมาะจึงรีบเอ่ยกับคุณย่า
“ถ้าคุณย่ามีเพื่อนกินข้าวแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” ปลักตัวออกมาจากงานเพราะเห็นว่าคุณย่ารบเร้าให้มากินข้าวเที่ยงกับท่านหลายครั้ง ตนก็ยังไม่ว่างสักที
วันนี้จึงไม่อยากขัด พอว่างถึงได้รับขับรถมายังบ้านหลังนี้ โดยขับอ้อมอีกทางไม่ให้ผ่านบ้านที่ตนเคยอยู่สมัยเป็นเด็ก
“หือ จะไปเลยเหรอ” บอกอย่างเสียดาย กว่าจะตะล่อมให้หลานมาหาไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิด มีอย่างที่ไหนกลับไทยหลายวันก็ไม่โผล่หน้ามาทักทายกันเลย
สงสัยคงจะลืมว่าท่านเป็นครอบครัวเสียแล้วล่ะมั้ง
“ครับ วันพรุ่งนี้ผมต้องเริ่มงานที่บริษัท” เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ย่างเท้าเข้าไปบริษัทของครอบครัว ธีมาเคยคิดว่าจะไม่กลับมาเหยียบเมืองไทยอีก สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยความทรงจำแสนเลวร้าย
ทว่าเมื่อมารดาจากไปยังโลกอันแสนไกล ก็ต้องการทวงความยุติธรรมให้แก่ท่าน เขาจะเอาคนผิดมาลงโทษไม่ให้อีกฝ่ายเสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทอง
แม่ของเขาเจ็บปวดอย่างไร...ผู้หญิงคนนั้นต้องเจ็บปวดกว่า!
“กลับมาอยู่บ้านเถอะนะธีม เดี๋ยวย่าจะบอกพ่อเขาเอง” ชายหนุ่มยืนขึ้นเต็มความสูง มองคุณย่าที่ขอร้องด้วยแววตาเว้าวอน ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอเริ่มตัดสินใจลำบาก
ไม่ต้องการเข้าไปอยู่บ้านหลังนั้น ไม่อยากเห็นหน้าผู้หญิงที่แย่งทุกอย่างไปจากแม่ ไม่อยากรู้ว่ามันมีครอบครัวแสนสุขมากแค่ไหน
และเขาจะไม่อยากนับญาติกับน้องสาวต่างแม่ หรือน้องชายต่างสายเลือดเป็นอันขาด
“ทำเพื่อย่าหน่อยนะ ย่าไม่อยากให้หลานชายตัวเองออกไปเร่ร่อนที่อื่นอีกแล้ว กลับมาอยู่กับย่าเถอะนะ” พอท่านขอร้องขนาดนี้ทำให้เขาอึดอัดมากกว่าเดิม มือหนากำเขาหากันขณะที่ความรู้สึกตีรวนไปหมด
การต้องทนอยู่กับสิ่งที่เกลียดมันมีแต่จะทำให้เหนื่อยซะเปล่า ใบหน้าคมเย็นชาจนไรลินยาที่มองนึกหวั่น ไม่รู้ว่าตอนนั้นชอบลงไปได้อย่างไร หรือความมืดมันพรางตาจนมองไม่เห็นความน่ากลัวของเขากันนะ
“ครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับคุณย่า” ตอบรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ คุณดารากานยิ้มมีความสุขที่อย่างน้อยหลานชายก็กลับมาอยู่บ้านเกิดอีกครั้ง
คราวนี้ท่านเชื่อว่าจะไม่มีใครมาเล่นงานธีมาได้อีก เพราะตนจะปกป้องหลานชายคนนี้เอง
ยกมือไหว้คุณย่าแล้วเดินออกจากห้องรับแขก ไม่หันมามองหญิงสาวที่ยืนข้างเจ้าของบ้านสักนิด เล่นเอาร่างบางเผยอปากค้าง ต้องรีบจับตัวตนเองเป็นการด่วนว่าเป็นคนหรือวิญญาณ
“นี่เขาเห็นฉันหรือเปล่าเนี่ย” พึมพำเสียงเบาแล้วมองตามหลังชายหนุ่ม ไม่นานเสียงรถก็ดังพร้อมกับเคลื่อนออกจากตัวบ้าน
ไรลินยาถึงกับพูดไม่ออกที่โดนกระทำเหมือนเป็นคนไม่อยู่ในสายตา ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนเมินตนแบบนี้มาก่อน เขาเป็นใครกล้าดียังไงถึงมาเมินกันแบบนี้
คอยดูนะ เจอกันอีกรอบเธอจะทำให้เขาลืมตนไม่ลงเลย!