ตอนที่ 8 นางฟ้าใจดีคนนั้น...
สายจากพี่ก่อ พี่ก่อโทร.มา...
ฝนแก้วทรุดนั่งบนขอบเตียง เมื่อเธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากถุงผ้า แล้วเห็นว่าสายที่โทร.เข้ามาตั้งแต่ก่อนเที่ยงวันจนถึงเมื่อกี้ก็คือก่อฤกษ์นั่นเอง
เขาโทร.มาสี่ครั้ง หัวใจของฝนแก้วเต้นกระหน่ำ มันมีทั้งความรู้สึกดีใจ น้อยใจ และหวาดหวั่น ปนเปจนแยกไม่ออก
“เขาโทร.มาทำไม”
พอคิดว่าเธอติดต่อไปหาเขาเมื่อเกือบสองเดือนก่อน แต่เขาเพิ่งโทร.กลับมา ทั้งที่เรื่องที่เธอบอกไปนั้นมันสำคัญมาก หากไม่นับรวมถึงคราวที่ต้องสูญเสียแม่ สิ่งที่เธอกำลังประสบในเวลานี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิต ความดีใจที่ผุดขึ้นมาในวินาทีแรกที่เห็นสายของเขาจึงถูกดับลง คงเหลือแต่ความน้อยใจ...
น้อยใจที่ก่อนหน้านี้เธอยังเผื่อใจไว้ว่าเรื่องที่พี่ชายของเขาบอกนั้นไม่เป็นความจริง...ก่อฤกษ์ไม่ได้เลิกกับเธอเพราะตัดใจจากแฟนเก่าไม่ได้ แต่เป็นเพราะหมดช่วงเวลาพักผ่อนของเขาแล้วต่างหาก เขาจึงต้องกลับไปทำงานในต่างประเทศตามกำหนดเดิม เขาคบกับเธอเพียงคั่นเวลา
เธอไม่ได้เชื่อพี่ชายของเขาในทันที แต่เมื่อทอดเวลานานไป เธอไม่ได้รับการติดต่อกลับจากเขา ก่อฤกษ์เงียบหายไปเลย ลูกในท้องของเธอก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงต้องยอมรับความจริง
ในขณะที่เธอมองก่อฤกษ์เป็นคนสำคัญ หวังจะใช้ชีวิตร่วมกัน เธอมองไปถึงการร่วมกันสร้างครอบครัวในอนาคตด้วยซ้ำไป แต่เขากลับมองเธอเป็นเพียงของเล่นยามว่างเท่านั้น
มือบางสั่นน้อยๆ รับรู้แล้วว่าก่อฤกษ์ตัวจริงคงเป็นใครสักคนที่เธอไม่รู้จัก เขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ ความหวาดหวั่นจึงเข้ามาครอบงำจิตใจ
ในห้วงเวลานี้ความรู้สึกของฝนแก้วยังเปราะบาง เธอไม่พร้อมที่จะรับมือกับอะไรก็ตามที่อาจเข้ามาสั่นคลอน เธอจึงขอปกป้องตัวเองและปกป้องลูกในท้องให้อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยไว้ก่อน
หญิงสาวตัดสินใจปิดโทรศัพท์มือถือ ด้วยคิดว่าวันนี้ทั้งวันป้าจุ๋มหรือพี่หมูซึ่งเป็นนายจ้างคนใหม่คงไม่มีธุระติดต่อมาหาเธอแล้ว
รถยุโรปสีตะกั่วแล่นผ่านประตูรั้วเข้าสู่อาณาเขตของบ้านหลังใหญ่ในเวลาพลบค่ำ สีหน้าของคนขับดูอ่อนล้า จนคนที่ยืนสวิงไม้กอล์ฟอยู่บริเวณหน้าบ้านได้แต่ชะเง้อมองอย่างสงสัย
“หายไปไหนมาทั้งวันน่ะเฮียก่อ”
“ไปหาฝนแก้ว”
“หืม?”
ชนกันต์เลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ เอาเข้าจริงเขาลืมเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะตอนได้ยินเธอคนนั้นโทร.มาบอกว่ากำลังท้องกับก่อฤกษ์ เขาก็เผื่อใจไว้แล้วว่าพี่ชายของตนอาจถูกผู้หญิงเล่นงานเหมือนคราวก่อน
“เธอเป็นยังไงบ้าง ท้องจริงหรือเปล่า”
“ยังไม่เจอตัวเขา ฉันโทร.เข้ามือถือของเขา แต่เขาไม่รับสาย พอไปจอดรถรออยู่ที่อะพาร์ตเมนต์ก็คิดได้ว่าเขาน่าจะไปทำงาน ฉันเลยไปดักรออยู่บริเวณต้นซอยที่เคยไปส่งเขาทำงาน แต่รอจนถึงตอนเย็น เห็นพนักงานเดินออกมาจนน่าจะหมดออฟฟิศแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นเขา”
ซอยนั้นเป็นที่ตั้งของออฟฟิศขนาดเล็กหลายแห่ง เขาไม่รู้ว่าฝนแก้วทำงานในออฟฟิศไหน เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่เคยสนใจที่จะถาม ส่วนคราวที่เคยไปส่งเธอทำงานนั้น เป็นเพราะเขาพาเธอไปเที่ยวที่ต่างจังหวัด แล้วกลับมาส่งเธอที่อะพาร์ตเมนต์ในตอนเช้า ฝนแก้วกลัวว่าเธอจะไปทำงานสาย เลยขอให้เขาอยู่รอเธออาบน้ำและแต่งตัวใหม่ จากนั้นจึงให้เขารีบไปส่งเธอเพื่อให้ทันเข้างาน
“เฮียก่อเผื่อใจไว้เถอะว่าประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอย” ชนกันต์บอกไปตามความคิดของตัวเอง “ว่าแต่ผู้หญิงคนนี้รู้จักกับแฟนเก่าของเฮียไหม ทำไมพวกเธอมามุกเดียวกัน”
“มันอาจเป็นมุกของผู้หญิงค่อนโลก”
“ไม่มีทาง เพราะผมไม่เคยเจอใครมาเล่นมุกนี้กับผม”
ชนกันต์บอกอย่างผู้เหนือกว่า ก่อฤกษ์จึงอดไม่ได้ที่จะแจกหมัดหนักๆ ไปที่ต้นแขนของน้องชาย ก่อนเขาจะเดินเข้าไปในบ้านด้วยสมองที่ยังครุ่นคิดถึงเรื่องของเธอ
เมื่อก่อฤกษ์ขึ้นไปบนห้องนอนเพื่ออาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ เขาก็กลับลงมาชั้นล่างด้วยสีหน้าที่สดชื่นขึ้น ครั้นหย่อนกายนั่งบนเก้าอี้ตรงโต๊ะรับประทานอาหารที่มีพี่น้องทั้งสามคนนั่งอยู่ก่อน แค่เขาหยิบช้อนขึ้นมา เสียงจากพี่ชายฝาแฝดก็ดังขึ้น
“มึงยังติดต่อฝนแก้วไม่ได้เหรอ อย่างนี้เราก็ไม่รู้สิว่าเรื่องมันเป็นยังไง ฝนแก้วยังปลอดภัยอยู่หรือเปล่า”
“เฮียธีร์คิดมากเกินไปน่า ผู้หญิงยุคนี้แกร่งพอตัว ถึงเธอตั้งท้องจริง แต่ทางเลือกอื่นก็ยังมี คิดหรือว่าถ้าจับผู้ชายไม่ได้แล้วเธอจะเก็บเด็กเอาไว้ ป่านนี้เธออาจเอาเด็กออกแล้วก็ได้”
ชนกันต์ให้เหตุผล เขาฟันธงว่ารอบนี้ก่อฤกษ์ถูกแหกตาอีกตามเคย ทว่าความคิดของเขาสวนทางกับภพธรโดยสิ้นเชิง
“ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนเป็นอย่างที่นายพูด ส่วนการเอาเด็กออกในกรณีที่ผู้ชายไม่รับเป็นพ่อของเด็กหรือแม่ของเด็กไม่พร้อม มันเป็นสิทธิ์ของผู้หญิงที่จะทำกันก็จริง แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ยังเลือกที่จะเก็บเด็กเอาไว้”
ภพธรแย้ง ด้วยคิดว่าชนกันต์อยู่ในต่างประเทศมานาน พี่ชายของตนอาจเคยชินกับวิถีชีวิตของคนที่นั่นไปแล้ว ซึ่งในหลายประเทศมีกฎหมายรองรับการทำแท้งในกรณีที่แม่ของเด็กไม่พร้อม รวมถึงสังคมก็ไม่ได้ต่อต้าน หากนั่นไม่ใช่สังคมไทย ส่วนตัวเขาเองเชื่อว่าถ้าหากผู้หญิงที่ก่อฤกษ์ไปยุ่งด้วยนั้นตั้งท้องจริง ป่านนี้หลานของเขาก็คงเติบโตเป็นตัวเป็นตนอยู่ในท้องของคนเป็นแม่แล้ว
พี่น้องทั้งสามคนกำลังวิเคราะห์อย่างเอาจริงเอาจัง หากมันทำให้คนที่หยิบมีดและช้อนขึ้นมาตั้งท่าจะหั่นสเต๊กเนื้อต้องชะงักมือค้าง เขากลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ก่อนจะหยิบน้ำดื่มขึ้นมาจิบตาม
ก่อฤกษ์ผลักจานสเต๊กออกห่างจากตัวเมื่อคิดว่าฝืนกินไม่ไหวอย่างแน่นอน แล้วหันไปบอกเด็กรับใช้ที่คอยดูแลเจ้านายรับประทานอาหารมื้อค่ำอยู่ไม่ห่าง
“ขอสลัดผัก”
“เป็นอะไรไปวะ ทำหน้าเหม็นเบื่ออาหาร หรือว่าแพ้ท้องแทนเมีย”
ธีทัตถามอย่างติดอารมณ์ขัน เมื่อเห็นท่าทางผิดปกติของน้องชาย ซึ่งเจ้าตัวก็ยกมือขึ้นมาเป็นเชิงห้าม
“พวกมึงหยุดพูดเรื่องเด็กสักทีเถอะ กูจะอ้วก”
ไม่ใช่คำเปรียบเปรยใดๆ แต่ก่อฤกษ์กำลังรู้สึกพะอืดพะอมจริงๆ เขาหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว แล้วผ่อนลมหายใจช้าๆ หวังจะให้อาการตัวเองดีขึ้น
“เออ! นั่นสิ พูดเรื่องเด็กทำไม เปลี่ยนเรื่องพูดเถอะ”
ชนกันต์สนับสนุนทั้งที่ตัวเองเป็นคนเริ่มเรื่องก่อนใคร แต่ภพธรคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่เกินไป ไม่ควรตัดบทกันง่ายๆ อีกทั้งยังสังเกตเห็นท่าทางของก่อฤกษ์ว่าเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย
“พรุ่งนี้เฮียก็ไปหาเธออีกสิ เฮียรู้จักอะพาร์ตเมนต์ของเธอไม่ใช่เหรอ เฮียไปถามหาเธอที่อะพาร์ตเมนต์เลย”
ภพธรแนะนำพี่ชายคนรอง ชนกันต์ได้ทีจึงสมทบตาม
“งั้นไปตอนนี้ให้มันจบๆ กันไป”
“ตอนนี้มันกี่โมงแล้วล่ะ นายจะให้เฮียก่อไปถามหาฝนแก้วกับยามหน้าอะพาร์ตเมนต์เหรอ ยามคงหาว่าเฮียก่อเป็นพวกไอ้หื่นที่ตามล่าหาผู้หญิงตามอะพาร์ตเมนต์หรอก”
ภพธรคนหน้านิ่งให้เหตุผล ส่วนคนต้นเรื่องถึงกับกระแอมเหมือนมีอะไรติดในลำคอ
“พรุ่งนี้ฉันจะไปที่อะพาร์ตเมนต์ของฝน ยังไงก็ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”
“จริงที่สุดเลยเฮีย ฝนแก้วมาวางระเบิดเอาไว้ แล้วชิ่งหนีไปดื้อๆ ไม่ยอมรับการติดต่อจากเฮีย อย่างนี้มันไม่แฟร์”
ชนกันต์ให้กำลังใจพี่ชาย หากถูกน้องชายที่มีวัยห่างกันแค่ปีเดียวติงเอาไว้
“ถ้าไม่ติดอะไร ฉันว่านายเงียบๆ ไว้ก่อนก็ดีนะ”
“นายพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง”
“นายตัดสินผู้หญิงคนนั้นไปแล้ว ทั้งที่เรายังไม่รู้ความจริง”
เพราะภพธรเห็นความกระวนกระวายใจของก่อฤกษ์ แถมเจ้าตัวยังมีอาการเคร่งเครียด ใจของเขาก็เอนเอียงไปทางผู้หญิงคนนั้นแล้ว...ก่อนเขาจะพูดตบท้ายเพื่อให้พี่ชายทุกคนได้คิด
“เฮียก่อรู้เรื่องนี้ดีที่สุด เขารู้ดีกว่าพวกเราทุกคน”