บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 แม่นกกับลูกนกในป่าใหญ่

“อ้วก...อ้วก...อ้วก...”

ฝนแก้วทรุดนั่งกองบนพื้นห้องน้ำ เช้านี้เธอตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีห้า เวียนเข้ามาอาเจียนในห้องน้ำหลายรอบ จนตอนนี้ก็สายมากแล้ว แต่อาการยังไม่ดีขึ้น

“ลูกจ๋า อย่าเพิ่งชวนแม่เล่นนะคะ แม่ต้องไปทำงาน ใกล้จะถึงเวลาเปิดร้านแล้ว แม่ต้องไปช่วยยายจุ๋มเปิดร้านก่อน”

มือบางลูบหน้าท้องที่นูนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ฝนแก้วรับรู้ถึงสายตาของคนที่พักอาศัยร่วมอะพาร์ตเมนต์ที่มองมาอย่างใคร่รู้ ถ้าหากบังเอิญเธอหันไปสบตาพวกเขา ไม่ว่าฝ่ายนั้นจะทำสีหน้าอย่างไร ฝนแก้วก็เพียงยิ้มให้ เธอถือเป็นการยิ้มทักทายตามประสาคนอยู่ร่วมที่พักเดียวกัน

ช่างเขาเถอะ...

ในพักหลังฝนแก้วนำคำนี้มาใช้อยู่บ่อยครั้ง ความต้องการอยู่รอดมันสอนเธอให้ทำ เพราะไม่อย่างนั้นเธอจะจมอยู่กับความฟุ้งซ่านและความกลัวจนไม่อาจพาตัวเองและลูกเดินไปข้างหน้าได้

อีกยี่สิบนาทีต่อมา ฝนแก้วถึงพยุงกายออกมาจากห้องพักได้ เธอกดลิฟต์ลงไปชั้นล่าง ตั้งใจจะเดินไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ที่ตั้งอยู่ในตึกแถวใกล้ๆ ซึ่งมีระยะทางไม่ถึงสองร้อยเมตร หากเธอต้องนั่งพักบนขอบกระถางต้นไม้ที่วางประดับตามแนวถนนภายในอะพาร์ตเมนต์ ซึ่งบริเวณนั้นใช้เป็นลานจอดรถของผู้พักอาศัยไปในตัว เธอได้ยาดมจากหญิงวัยกลางคนที่เปิดประตูรถแล้วนำมันมาให้

“ท้องกี่เดือนแล้วคะ”

“ใกล้จะหกเดือนแล้วค่ะ”

“ท้องไม่โตเท่าไร ท้องสาวใช่ไหม”

ผู้หญิงคนนั้นยืนคุยกับเธออยู่หลายคำ ฝนแก้วตอบบ้างไม่ได้ตอบบ้าง เพราะเธออยากหลับตาแล้วนั่งนิ่งๆ เพื่อให้หายเวียนศีรษะ อีกทั้งยังกลัวตัวเองจะอาเจียน กระนั้นก็นึกสงสัยว่าเธอหายแพ้ท้องมานานนับเดือนแล้ว แต่ทำไมวันนี้ถึงมีอาการคลื่นไส้และเวียนศีรษะขึ้นมาอีก

ฝนแก้วนั่งพักอยู่นานหลายนาที กระทั่งรู้สึกว่าอาการดีขึ้น เธอจึงยันกายลุกขึ้นยืน แล้วคืนยาดมให้ผู้หญิงคนนั้น หากอีกฝ่ายยกมันให้เธอไปใช้

“น้องจะไปไหนหรือ ให้พี่ไปส่งไหม”

ฝ่ายนั้นแสดงน้ำใจ ฝนแก้วเพิ่งสังเกตว่าผู้หญิงคนนี้ก็เป็นอีกคนที่เคยมองตนอย่างสงสัย ซึ่งที่ผ่านมาฝนแก้วได้แต่ส่งยิ้มไปให้ทั้งที่ไม่รู้จักและไม่เคยทักทายกันมาก่อน

“ไม่เป็นไรค่ะ ฝนไปใกล้ๆ นี่เอง ขอบคุณนะคะ”

คนท้องเดินผละออกมาเพื่อตรงไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ที่อยู่ไม่ไกล เมื่อไปถึงจึงเห็นว่าป้าจุ๋มเปิดร้านเรียบร้อยแล้ว

“ฝนมาสาย ฝนขอโทษนะคะป้า”

“ทำไมถึงสายล่ะ เป็นอะไรไปหรือเปล่า”

ป้าจุ๋มสงสัย เพราะฝนแก้วไม่เคยมาช้าสักวันเดียว ถ้าไม่มาตรงเวลา เธอก็มักมานั่งรอนางเปิดร้านด้วยซ้ำ แถมวันนี้หน้าตายังอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด

“ฝนตื่นขึ้นมาอาเจียนตั้งแต่ตีห้า แล้วไม่ได้หลับอีกเลย แต่ตอนนี้ฝนหายแล้วค่ะ”

“หายแล้วแต่หน้ายังซีดมาก ดูแลตัวเองดีๆ ก็แล้วกัน ถ้าไม่ไหวก็นั่งพัก อย่าปล่อยให้วูบล้ม เดี๋ยวมันจะเป็นเรื่อง”

ฝนแก้วพยักหน้ารับ เธอรู้ว่าถ้าหากปล่อยให้ตัวเองเป็นอย่างนั้น ลูกค้าในร้านก๋วยเตี๋ยวคงตกใจ แถมลูกในท้องอาจได้รับความกระทบกระเทือน อย่างไรเสียเธอก็ไม่ขอเสี่ยงอย่างแน่นอน...

ตั้งแต่ท้องเริ่มโต ฝนแก้วก็ได้ตระหนักชัดว่าตนยังมีอีกหนึ่งชีวิตให้ดูแล เธอทำทุกอย่างอย่างรอบคอบและมีสติมากขึ้น เธอไม่ฝืนตัวเอง คอยสังเกตตัวเองเสมอ เรียกว่าใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังทุกฝีก้าว

ลูกค้าโต๊ะแรกเดินเข้ามาในร้าน ฝนแก้วรีบวางถุงผ้าใส่ของกระจุกกระจิกไว้บนโต๊ะหลังร้านเพื่อจะเดินไปเสิร์ฟแก้วน้ำแข็งให้ลูกค้าก่อน พลันได้ยินเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังแว่วมา เธอชะงักเท้า หากแค่อึดใจเดียวก็เดินไปทำงานตามความตั้งใจ

เสียงเรียกนั้นเงียบไปแล้ว ฝนแก้วตัดความสนใจทิ้งไป เพราะมันอาจเป็นเสียงจากโทรศัพท์ของคนอื่นหรือเธอหูแว่วไปเอง

“ไม่รับสายเหรอ”

ก่อฤกษ์พึมพำกับตัวเอง หลังจากโทร.ไปหาฝนแก้ว แต่เธอไม่รับสาย ครั้นจะตัดใจจาก ไม่อยากคิดพะวงถึงเธออีก แต่ให้ตายเถอะ! เขาทำไม่ได้

“ฝนกำลังทะ...ท้องค่ะ”

เสียงจากคลิปกลับมาดังก้องอยู่ในหัว ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใส่ใจเท่าไร ด้วยคิดว่าฝนแก้วอาจมามุกเดียวกับแฟนเก่า เธอแค่หลอกให้เขาหัวหมุน หรือในทางกลับกัน หากมันเป็นเรื่องจริง เขาก็คิดว่าเธอคงจัดการตัวเองได้ ฝนแก้วมีงานทำ เธอคงประคองตัวเองให้อยู่รอดได้ เพราะช่วงนั้นเขาก็มีงานต้องทำเหมือนกัน

ทว่าเมื่อถึงเวลาที่เขาต้องกลับเมืองไทย โดยเขาตั้งใจจะกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับพี่ชายและน้องชายในช่วงปีใหม่อยู่แล้ว เขากลับนึกไปถึงคืนเคานต์ดาวน์เมื่อปีก่อน คืนนั้นเขาเมาหนัก เขาตัดสินใจจอดรถไว้ในปั๊มน้ำมัน แล้วบอกให้คนขับรถมารับรถกลับไป ส่วนตัวเขานั้นตั้งใจจะไปนอนค้างที่คอนโดมิเนียมของเพื่อน

หากเมื่อออกมายืนตรงริมถนนซึ่งอยู่ใกล้กับป้ายรถเมล์ เขากลับเซ ทรงตัวยืนไม่ไหว พลันได้ยินเสียงใสๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา

‘คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ไม่สบายหรือเปล่า’

‘ผมไม่เป็นไร มึนนิดหน่อย’

‘คุณเมาหรือคะ’

เขาหัวเราะเก้อ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาจึงเห็นผู้หญิงสวยสะดุดตา ดวงตากลมใสดังตากวาง มันมีรอยระแวดระวังภัย ในขณะเดียวกันดวงตาคู่นั้นยังแสดงความห่วงใย...เขาดูออกว่าเธออยากช่วยเหลือ เขาเลยบอกกับเธอไปตรงๆ

‘คงเป็นอย่างนั้น ผมจะเรียกรถแท็กซี่’

‘รถแท็กซี่คงหายากค่ะ เพราะเวลานี้ใครๆ ก็ต้องการเดินทาง แต่ยังพอมีรถเมล์วิ่งผ่าน ถึงคนโดยสารจะแน่นรถหน่อย แต่ยังดีกว่ารอรถแท็กซี่นานๆ ไม่รู้ว่าคุณจะไหวหรือเปล่า คุณจะไปที่ไหนหรือคะ’

เขาบอกจุดหมายปลายทางซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมหรูของเพื่อนที่อยู่ไม่ห่างจากที่ตรงนี้ เธอคนนั้นจึงเป็นธุระจัดการโบกรถเมล์ที่แล่นผ่านมาพอดีเพื่อให้เขาขึ้นไปในรถ หากเขาก็รีบขอเบอร์โทร.ของเธอไว้ ด้วยเหตุผลที่คิดขึ้นมาเดี๋ยวนั้น

‘ผมกลัวไปไม่ถึงคอนโด ผมมึนหัวมาก ขอเบอร์ของคุณไว้ได้ไหมครับ’

‘ได้ค่ะ ถ้ามีอะไรคุณโทร.มานะคะ’

ท่าทางของเธอช่างกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือ แถมน้ำเสียงยังดูห่วงใย

ก่อฤกษ์ไปถึงคอนโดมิเนียมของเพื่อนไม่ยาก เขาไม่รู้สึกลำบากที่จะโดยสารรถประจำทาง เพราะเขาใช้ชีวิตในต่างประเทศมานาน มันสอนให้เขาช่วยเหลือตัวเองได้ แถมยังทำได้คล่องตัวแทบทุกสถานการณ์ หากค่ำคืนนั้นก่อนที่จะนอน เขาก็โทร.ไปหาเธอ

‘สวัสดีครับ ผมก่อนะครับ’

‘สวัสดีค่ะ คุณที่ป้ายรถเมล์ใช่ไหมคะ’

เธอตอบกลับมาทันที ไม่มีความงุนงงว่าเขาเป็นใคร มันช่างประทับใจเขาเหลือเกิน

‘ใช่ครับ ผมกลัวคุณจะเป็นห่วง เลยโทร.มาบอกว่าผมอยู่ที่คอนโดของเพื่อนแล้ว ขอบคุณคุณมากนะครับ’

‘ไม่เป็นไรค่ะ ฝนกำลังห่วงคุณอยู่พอดี ได้ยินอย่างนี้ก็สบายใจ’

ก่อฤกษ์ค่อนข้างมั่นใจว่าฝนแก้วไม่ได้คิดอะไร เธอคงอยากช่วยเหลือใครสักคนให้กลับบ้านได้อย่างปลอดภัยในค่ำคืนที่มีคนออกมาเฉลิมฉลองกันอย่างเนืองแน่น หากเขากลับรู้สึกถูกตาต้องใจเธอ อีกทั้งยังรู้สึกตรึงใจกับสิ่งที่เธอทำ

ในเวลานั้นก่อฤกษ์คิดว่ามันเป็นคืนเคานต์ดาวน์ที่แสนอบอุ่นหัวใจ...แต่สำหรับตอนนี้เขากลับคิดว่าตนไม่ควรโทร.ไปหาเธอ เขาควรหยุดทุกอย่างไว้แค่ตรงนั้น ปล่อยทุกอย่างเป็นความทรงจำที่สวยงามในค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าน่าจะดีกว่า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel