ตอนที่ 5 แม่นกกับลูกนกในป่าใหญ่
การเป็นลูกจ้างรายวันในร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เป็นงานเดียวที่เธอมีในเวลานี้ ถึงแม้ค่าแรงไม่มาก แต่มันทำให้เธอไม่อดและไม่ต้องเก็บตัวฟุ้งซ่านอยู่ในห้องพัก แถมในแต่ละวันเธอยังมีเงินเหลือสะสมไว้เป็นค่าเช่าห้องอีกด้วย ส่วนเงินเก็บที่มีหลักหมื่นนั้นยังนอนนิ่งอยู่ในบัญชี เธอตั้งใจจะรักษาเงินก้อนนี้เอาไว้ใช้จ่ายหลังจากคลอดลูกแล้ว
“เราคิดเก่ง คิดรอบคอบดีแล้ว มีงานอะไรเข้ามาให้ทำก็ทำไปก่อน ดีกว่าอยู่ว่างๆ แล้วแฟนของเราล่ะ ป้าไม่เคยเห็นเขามาหาฝน พักอยู่ด้วยกันหรือเปล่า”
“ฝนเลิกกับเขาแล้วค่ะ”
อันที่จริงฝนแก้วไม่ตอบป้าก็ได้ แต่เธอเลือกที่จะบอกตรงๆ เธอต้องการเปิดเผยทุกอย่าง เพราะอยากสร้างความกล้าให้ตัวเองเป็นสำคัญ
ฝนแก้วย้ำบอกตัวเองทุกคืนวันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันมาจากการก้าวพลาดของตัวเอง เธอไม่ได้ทำความผิดร้ายแรงต่อใคร เธอไม่ควรอายและไม่ควรหลบหนีเหมือนอย่างที่เคยทำ
คนบนโลกใบนี้จะอภัยให้เธอหรือไม่ มันไม่สำคัญเท่ากับเธออภัยให้ตัวเอง ฝนแก้วรู้ว่าหนทางข้างหน้ายังมีเรื่องราวที่เธอต้องฝ่าฟันอีกมาก ดังนั้นเธอจะสร้างพลังใจให้ตัวเองตั้งแต่วันนี้
“ป้าไม่อยากบั่นทอนกำลังใจของฝน แต่การทำงานและเลี้ยงลูกคนเดียวในเมืองใหญ่มันก็ต้องเหนื่อย เพราะเราไม่มีที่อยู่ที่กินเป็นของตัวเอง เรายังต้องเช่าเขา งานการที่มั่นคงก็ไม่มีให้ทำ มันคงไม่เหนื่อยธรรมดา แต่เรียกว่าเหนื่อยมากอย่างแน่นอน ฝนต้องเตรียมใจรับให้ได้ตั้งแต่ตอนนี้”
ฝนแก้วไม่ได้พูดอะไรกับเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวไก่อีก แน่นอนว่านางพูดเรื่องจริง และเรื่องจริงนั้นมันบั่นทอนกำลังใจของเธอไปเรียบร้อยแล้ว
เวลาเก้านาฬิกาเศษ รถยุโรปคันหรูที่แล่นออกจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิกลับมาถึงบ้านหลังใหญ่ภายในอาณาเขตพื้นที่เกือบสิบไร่ เมื่อชายหนุ่มมายืนอยู่กลางโถงบ้าน เขามองไปรอบๆ ก็สัมผัสได้แต่ความเงียบ
“ไม่มีใครอยู่บ้านเหรอ”
เขาเปรยถามคนขับรถที่กำลังขนกระเป๋ามาวางไว้ให้
“น่าจะออกไปทำงานแล้วครับ เพราะเมื่อเช้าก่อนที่ผมจะออกไปรับคุณก่อ ผมยังเห็นคุณทั้งสามคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันอยู่เลย”
แค่จบคำพูดของคนขับรถ แม่บ้านใหญ่ก็เดินมาหา สีหน้าของนางยิ้มแย้มเมื่อเห็นว่าเจ้านายอีกคนกลับมาบ้านแล้ว
“คุณธีร์ คุณกันต์ และคุณพีทออกไปทำงานแล้วค่ะ ไม่มีใครบอกป้าเลยว่าวันนี้คุณก่อกลับมาบ้าน น่าตีกันจริงๆ แต่ป้าก็ทำความสะอาดห้องนอนไว้ให้แล้ว ป้าเดาเองว่าคุณก่อจะต้องกลับในช่วงนี้ เพราะคุณก่อกลับมาฉลองปีใหม่ที่บ้านเป็นประจำทุกปี”
“ผมเพิ่งส่งข้อความบอกนายธีร์ตอนก่อนขึ้นเครื่องเองครับ”
“งั้นป้าตีคุณก่อแทนก็แล้วกัน ป้าเลยไม่ได้ทำเมนูโปรดไว้ให้คุณก่อ เดี๋ยวป้าจะให้เด็กรีบมายกกระเป๋าขึ้นไปไว้บนห้องให้นะคะ คุณก่อจะได้อาบน้ำอาบท่าและพักผ่อน ป้าจะเตรียมอาหารอร่อยๆ ไว้ให้ด้วย”
แม่บ้านจัดการให้เขาอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าไปในห้องนอน ก่อฤกษ์ก็สัมผัสได้ว่าห้องนอนของตนได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ชนิดที่พร้อมพักอาศัย ทั้งที่รอบนี้เขาไปจากเมืองไทยนานกว่าสี่เดือนแล้ว
หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ ก่อฤกษ์ก็ไม่ได้พักผ่อน เพราะเขาพักบนเครื่องบินมาตลอดช่วงการเดินทางแล้ว ชายหนุ่มโทร.ไปหาพี่ชาย แล้วถามถึงเรื่องที่พุ่งเข้ามาในความคิดของเขาตั้งแต่เครื่องบินร่อนแตะรันเวย์
“มือถือของกูอยู่ที่ไหน”
“มือถืออะไร? อ้อ! เครื่องที่ทิ้งไว้ที่บ้านใช่ไหม มือถือที่เมียของมึงติดต่อมาหามึงใช่หรือเปล่า”
“ใช่ มึงเก็บไว้ที่ไหน”
“อยู่ในห้องทำงานของกู บอกป้าแตงให้เปิดห้องให้ก็ได้ กูชาร์จแบตไว้ตลอด เผื่อเมียของมึงโทร.กลับมาอีก”
“ใส่ใจดีนะ”
“หาว่ากูเสือกละสิ มึงกลับมาก็ดีแล้ว ว่าก็ว่าเถอะ ในฐานะที่กูคุยกับฝนแก้วเป็นคนสุดท้าย กูไม่สบายใจเลย กลัวจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เพราะตอนนั้นกูพูดด้วยเจตนาไม่ดีกับเธอ กูกดดันเธอมากเกินไป แต่จะให้กูโทร.ไปเคลียร์กับเธอเอง กูก็กลัวว่ามันจะทำให้เสียเรื่องมากกว่าได้เรื่อง มึงเป็นผัวของเธอ ช่วยจัดการให้มันเคลียร์สักทีเถอะ กูจะได้สบายใจไปด้วย”
“กูไม่เห็นว่ามันจะมีอะไร”
“เมียมึงท้อง”
ธีทัตย้ำ หากก่อฤกษ์ตอบกลับมาชนิดที่ทำให้งุนงงกันทีเดียว
“กูป้องกันทุกครั้ง”
“หมายความว่ามึงไม่เชื่อว่าฝนแก้วท้องเหรอ เออ! แต่มันก็น่าคิด ผู้หญิงคนนั้นหายเงียบไปเลย เธออาจจะกลัวว่าเรารู้ทัน เลยไม่ติดต่อกลับมาอีก”
“กูยังไม่รู้ความจริงอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ยังไม่อยากฟันธง”
“มึงคบกับฝนแก้ว เธอเป็นเมียของมึง มันก็น่าจะรู้นิสัยใจคอกัน”
“คบกันไม่กี่เดือน มันไม่ได้นานพอที่กูจะรู้ถึงนิสัยใจคอของเขาหรอก”
ในทีแรกก่อฤกษ์คิดว่าตนรู้จักฝนแก้วดี เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักและสดใส แถมยังดูอ่อนต่อโลกจนเขาต้องตัดสินใจแยกตัวออกมา...ทว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ มันช่วยไม่ได้จริงๆ ที่ทำให้เขารู้สึกระแวง
“คบไม่นาน...” ธีทัตทวนคำของน้องชายด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะเปรยด้วยถ้อยคำที่ต่างคนต่างก็รู้กัน “ไวไฟนะมึง”
ก่อฤกษ์ขยับมุมปากยิ้ม เขาไม่ได้รู้สึกขันไปกับคำพูดของพี่ชาย แต่เขากำลังคิดว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นความพอใจของทั้งสองฝ่าย ระยะเวลาที่คบกันไม่ใช่เงื่อนไข ซึ่งเขาก็มั่นใจว่าระหว่างตนและฝนแก้วนั้นเป็นเรื่องของความพอใจล้วนๆ
เขาไม่เคยบังคับเธอ และเขาก็ไม่ได้หลอกลวงเธอด้วย เพราะตลอดเวลาที่คบกัน เขาระมัดระวังเรื่องคำมั่นสัญญาที่อาจจะทำให้เธอนำมาแย้งในภายหลังได้อยู่แล้ว
“ถ้าฝนแก้วไม่ได้ท้อง มันก็ตัดปัญหาไป เพราะมึงกับเธอเลิกกันแล้ว แต่สมมุติว่าถ้าเรื่องที่เธอพูดเป็นเรื่องจริง มึงคิดหรือยังว่าจัดการยังไง”
“คิดแล้ว”
“คิดว่ายังไง เล่ามาให้หมดสิวะ”
“คงต้องรับผิดชอบเด็กเอง เพราะฝนแก้วคงไม่มีกำลังเลี้ยงลูกให้ดี ลำพังตัวเธอก็แค่ทำงานเลี้ยงตัวเองให้รอดได้เท่านั้น แถมเธอยังไม่มีพ่อแม่และไม่มีญาติพี่น้องอีกด้วย”
“ขนาดนั้นเลยหรือวะ”
ธีทัตแปลกใจที่น้องชายไปคบหาผู้หญิงที่มีความต่างกันถึงขนาดนี้ นึกอยากรู้แล้วสิว่าทั้งสองคนไปรู้จักกันได้อย่างไร แต่เอาเถอะ เรื่องนี้ค่อยถามกันทีหลัง เพราะยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าผุดขึ้นในหัวของเขา
“ถ้าฝนแก้วพูดเรื่องจริงและเราก็ทอดเวลามานาน ป่านนี้เธอคงท้องโตแล้ว เธอจะอยู่ยังไง ไม่ลำบากแย่เหรอ”
“คงไม่ถึงขนาดนั้น...แต่เอาเถอะ กูจะเคลียร์เรื่องนี้ให้จบเอง”
เพราะเห็นว่าธีทัตเริ่มกังวล เพราะดันเข้ามามีเอี่ยวโดยไม่รู้ตัว ก่อฤกษ์จึงตั้งใจจัดการปัญหาให้จบเสียไวๆ เขาเองจะได้ไม่รู้สึกคาใจด้วย